วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

30 May: บ่น


เช้าไปวัด เข้ามหาวิทยาลัย เห็นประกาศใครต้องการบัตร VIP จอดรถวันรับปริญญา เลยยืนวิเคราะห์กันว่าบัตรจอดนี้จะใช้เพื่ออะไร จอดในที่ๆจัดให้ แล้วสามารถนำรถเข้ามาเซ็นต์ชื่อที่ตึกได้หรือไม่ หรือเอารถไปจอดในที่จัดให้เฉพาะที่ไกลๆโน้น แล้วเดินมาสแกนนิ้ว ถ้าแบบหลังไม่ต้องเอาบัตรดีกว่าเพราะค่าเท่ากันแถมอาจเดินไกล้กว่าอีก ถ้าไม่มีบัตร

มหาวิทยาลัยยุคผู้บริหารใหม่ชุดนี้ก็ยังเป็นแบบเดิมๆคือคำตอบประเภท "ไม่ทราบค่ะ เพราะเขาไม่บอกอะไรเลย" ....ปัญหาคือ "เขา" คือใคร....ทำไมชอบสั่งขี้มูกเป็นประจำ ไม่ให้รายละเอียดจนท.คณะก็ดีจริงๆเขาสั่งมาก็ทำ ไม่ต้องสงสัยอะไร และเพราะที่นี่เป็นเช่นนี้  ไม่ค่อยใช้สมองคิดคำถาม ถามแทน มีคำถามที่อาจารย์ถาม เลยไม่มีคำตอบให้รู้เรื่อง และไม่คิดหาคำตอบด้วย เพราะแม้อจ.คนที่สิบเดินมาถามก็ยังมีคำตอบเหมือนที่คนแรกถามอยู่ คือ "ไม่ทราบค่ะ เขาไม่แจ้งอะไรมาเลย" สรุปอจ.ที่ยืนคุยกันก็สรุปเองว่า ไม่เอาบัตรก็แล้วกัน เราก็ไม่เอา เปลือง เดินดีกว่า

เช้านี้รถจอดติดไฟไกล้สถาบันสองแห่งที่อยู่ตรงข้ามกัน ก็มองไปที่ร้านขายของชำ เห็นเด็กชายชุดนักเรียน 5 คนยืนหน้าร้านที่ยื่นออกมาบนฟุตบาทล้อมชายค่อนข้างสูงอายุคุยๆอะไรกัน ครั้งแรกเราก็มองผ่านตามปกติ มองอีกครั้งก็ไม่ได้มีเป้าอะไร คิดว่าเอ ! นี่หลัง 8 โมงเช้าแล้วทำไมมามุงอะไรกัน สักครู่เห็นชายสูงอายุ ดึงอะไรสักอย่างออกมาส่งให้เด็ก เราก็คาดเดาว่าเป็นบุหรี่ แต่ยังคงคุยต่อ เราเลยสงสัย ลดกระจกลงเพราะจะได้ลดเงาสะท้อนกระจก เห็นชัดๆ คราวนี้เห็นชายสูงอายุเอาห่อที่บรรจุอะไร ใส่กลับไปในกระป๋องกาแฟแบบกระป๋องเบอร์ดี้ประมาณนั้น หลังจากเอาอะไรส่งให้เด็กกลุ่มนั้น จากนั้นเห็นเด็กส่งเงินให้ ......ถ้าไม่คิดมากก็น่าจะเป็นเป็นบุหรี่ธรรมดา ถ้าคิดปรุงแต่งก็คาดเดาไปเรื่อยๆ ..แต่ก็พอที่จะทำให้คิดได้ว่ายังไงๆสังคมเรา ยังมีคนอีกมากที่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตน เห็นแก่เงินเล็กน้อย มากกว่าเห็นแก่ส่วนรวม หรือลูกหลานเราเอง หรือเพื่อนร่วมชาติ ขายสิ่งเสพติดมอมเมา ธุระไม่ไช่ ไม่มีจิตสาธารณะ..ต้องโดนกับลูกหลานตัวเองจึงเดือดร้อน

ฝนตกพอควร เย็นสบายดี