วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555

31 Dec: ลาทีปีเก่า 2555


เทศกาลโคมไฟของหาดใหญ่สวยดี

เช้าไปวัด รีบกลับบ้านมาเป็นคุณแจ๋ว จัดการทำความสะอาดห้องพระ หิ้งพระให้เรียบร้อย จัดที่เปลี่ยนรูปแบบ งามถูกใจ

คิดว่าวันนี้จะทำงานเอกสารต่อสรุปหมดแรงก่อน ไม่ได้ทำ พักผ่อนต่ออีกวันก็แล้วกัน คืนนี้ไม่ได้ไปสวดมนต์ที่วัดเพราะทั้งประทัดและพลุดังลั่นตั้งแต่เย็น หมาวิ่งหลบกลัวกันวุ่นวาย บางบ้านเสียงประทัดดัง หมาก็เห่าทุกครั้งที่ดังเลยต้องอยู่บ้านเพราะเต้กลัวมาก ซันวาดีหน่อยแค่ตื่นๆ เราเลยให้เข้านอนในบ้าน ศร๊วันเห่าบางครั้งที่เสียงดังมากจุดไกล้ๆบ้าน เลยต้องอยู่กับพวกเขา ไม่ให้เขาตื่นกลัว และเราก็สวดมนต์เองที่บ้าน แปลกที่คนเดี๋ยวนี้จุดกันไม่เป็นเวลา ทำให้การจุดเหล่านี้ไร้ค่า สมัยก่อนเราจะรอวัน/ เวลา จริงๆแล้วจึงจุดฉลองยินดี แต่ตอนนี้คนรุ่นใหม่อยากจุดตอนไหนก็จุดเลยไม่ค่อยมีสาระเท่าไร

ตอนสายกีโทรมานัดทานข้าวพรุ่งนี้ปีใหม่

ในที่สุดก็ถึงปฎิทินใบสุดท้ายของปี แก่ขึ้นอีกปีแล้วเรา พรุ่งนี้ก็กำลังจะมาถึง แล้วจะตั้งจิตกำหนดว่าปีหน้าจะตั้งเป้าชีวิตทำอะไร

วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555

30 Dec: ข่าวดีของทางโน้น


victory of goodness over evil
..the Indian Festival of Lights whereby the Indians celebrate the victory of goodness over evil, light over darkness and ushers in their New Year..

วันนี้เช้าไปวัด กลับบ้าน อยู่บ้านทั้งวัน ตอนสายได้รับโทรศัพท์ขอยืมเงินจากจนท.มหาวิทยาลัยที่ไม่ได้สนิทสนมกันมาก แต่เขาบอกว่าเขาเดือดร้อน แม้ว่ารู้ว่าเขาไม่ได้เดือดร้อนมากแบบที่พูด อึดอัดเพราะรู้ว่าไม่เกรงใจกันและโลภแต่เราไม่ปฎิเสธ แต่ครั้งนี้เป็นเงิน xx.xxx บาทซึ่งเราอุทานว่าเงินมากเอาไปทำอะไร....และเป็นครั้งแรกที่เราถามว่าจะคืนเงินให้เมื่อใด..คนๆนี้เคยยืมเงินเราเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว แต่ด้วยเหตุผลค่าเล่าเรียนลูกฝาแฝดที่ยังเล็ก ครั้งนั้นเราให้ยืม x,xxx ตามที่ขอ แม้รู้ว่าจะไม่ได้คืน แต่ตั้งใจให้เป็นทานจริงๆ เขาทำเช่นนั้น 2 ครั้งโดยไม่เคยเอ่ยให้คืน เราก็ไม่ทวง.....  แต่ครั้งนี้มาก เราจึงถาม และครั้งนี้ให้ยืมโดยเราไม่ได้ตั้งใจจะยกให้แม้ว่าจะรู้ว่าอาจจะเสี่ยงกับการไม่ได้คืน ที่ห่วงคือหากเขาไม่รักษาคำพูด งานนี้เขาคงรับกรรมจริงๆ เหมือนคนที่เคยโกหกเรามาแล้ว เพราะเรารับคำพูดเขาเป็นสัจจะที่จะคืนเงินให้ภายในวันที่  15 นี้ให้กับเรา และเงินนี้เป็นเงินบริสุทธิ์ที่ตั้งใจไว้ไปทำบุญ ...

บ่ายได้ข่าวดีจากสถาบันที่สงขลาว่าผู้บริหารคนใหม่ที่ได้สดๆร้อนๆไม่ไช่คนที่หมดอายุจากที่นี่ ที่หมายมั่นแน่ใจในลอบบี้ยีสต์ของตนมาก ขนาดข่าวลือๆว่าคนที่นั่นส่งสัญญาณมาให้เก็บกระเป๋าเตรียมนอนไปได้เลย มีคนรู้วันจะไปส่งด้วยซ้ำ....งานนี้เชือดเฉือน 11:10 เหมือนดั่งคำที่ว่าสิบปีก็ไม่นานเกินรอ ในที่สุดคนที่ส่งไปก่อนก็ทำได้....ไม่มีอะไรแน่นอนโดยเฉพาะใจคนและผลประโยชน์ ขนาดออกจากท้องพ่อแม่เดียวกันยังคิดคดได้แล้วนี่คนคด ต่อคนคด อะไรจะตรง ไม่ไช่แบบประจุลบเจอลบเป็นบวกนี่นา ...หลังจากนั้นได้รับโทรศัพท์ดีใจจากอีกสองสาย ...มีการเยาะเย้ยเราเล็กน้อยว่าต่อแต่นี้ของเราจะมีอธิการบดี 3  คน เหอ เหอ ฝืดหัวเราะไม่ออก....เราบอกเขาว่าจริงๆสำหรับเราดีใจที่อย่างน้อยคนที่ไม่ดีในจรรยาบรรณวิชาชีพของตน คดทุกทางไม่ควรจะได้รับการสนับสนุนเหมือนพระราชดำรัสที่ว่าไว้ ไม่ควรให้โอกาสคนชั่ว  แต่ที่นี่ได้ให้โอกาสเขาที่จะทำดีได้ตั้ง 10 ปี ไม่สามารถทำอะไรให้โปร่งใสได้ด้วยตัวเองและไม่สามารถแยกแยะดี- ชั่ว ทำร้ายเยาวชนและคุณภาพการศึกษาไปถึง 10 รุ่น น่าเสียดายเวลาและโอกาสดีๆที่จะสร้างสิ่งดีจริงๆ ....ที่เศร้าคือสร้างระบบนิยมกิน แจกตำแหน่งคนที่ให้ผลประโยชน์ต่อกัน ไม่ว่าคุณภาพเลวร้ายระดับใหนก็ยังให้รางวัลผู้บริหารดีเด่น กับผู้บริหารสายหาข่าวเพราะเงินรางวัลตอบแทนอย่างเดียว จิ้งจกตุ๊กแก เลยไม่ทำงานตามหน้าที่คอยเกาะฝา แอบฟัง แล้วรายงาน แล้วรอกินอาหารลักกี้ฟรีทุกเที่ยง กรรมเลยทำให้ได้ชีวิตติดฝาไม่ติดดิน กระทั่งในปีนี้ยังได้ดีเด่นอีก ท่ามกลางเสียงเต้าฮู้ยี้
 ....ข่าวดีปีใหม่จริงๆ ดีใจด้วยสำหรับสถาบันโน้น เพราะคนใหม่มีคุณภาพคับแก้ว ของแท้ผลงานวิชาการทำเองทุกตำแหน่ง หุหุ เพราะท่านเป็นอาจารย์ผู้สอนและสั่งสอนเรามาตั้งแต่ป.ตรีจนป.โท สู้สู้เพื่อความดีและความถูกต้องอีกครั้งค่ะ

ฝนตกทั้งวันเป็นช่วงๆ มีแดดสาดส่องมา พักผ่อนอีก 1 วัน ครบ 3 วันที่ตั้งเป้าพักสมอง พรุ่งนี้จะอ่านเอกสารหลักสูตร แก้ตำราต่อ

บทเรียนจากปีเก่า..วันเวลาที่ผ่านไป


 

ปีที่ผ่านมารู้สึกรวดเร็วเหมือนติดปีก คนแก่อาจคิดเช่นนี้ ตอนวัยรุ่นรู้สึกแต่ละปีผ่านไปช้าเหลือเกิน ตอนนี้กลัวแก่เร็วเลยรู้สึกว่า 365 วันเร็วจนนับไม่ทัน ปีที่ผ่านมาตามหลักโหราศาสตร์จีนถือว่าเป็นปีชงตรงของเรา  เรื่องเช่นนี้ก็ยากที่จะเข้าใจว่าจะมีอิทธิพลกับชีวิตคนๆหนึ่งจริงหรือไม่..สิ่งที่เกิดเพราะปีชง หรือว่ามันต้องเกิดขึ้นไม่ว่าปีนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม หลายปีก่อนแต่เหมือนเพิ่งเกิดเราเสียเพื่อนและพี่ที่เป็นเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันหัวปีท้ายปีคือก่อนเข้าปีนั้นและกำลังจะออกจากปีนั้น (ปีนับตรุษจีน) อุบัติเหตุจากรถทั้งคู่ คนที่เป็นเพื่อนเกิดปีเดียวกับเราห่างกันเดือนเดียว ก่อนตาย 7 วันเธอโทรมาคุยกับเรา เราก็บอกเธอว่าอีกอาทิตย์เดียวเราก็พ้นปีชงแล้วอดทนระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน ....แต่อีกอาทิตย์ถัดมาคือวันก่อนพ้นปีชงพอดี เธอเดินทางไปหาดใหญ่ รถลงข้างทางในรถมีเธอเสียชีวิตคนเดียว..หากวันนั้นเธอโทรมาบอกเราว่าจะเดินทาง เราคงห้ามเธอจนสุดความสามารถ..แต่คนชะตากรรมกำหนดไว้...นั่นเป็นเพื่อนที่เรารักและสนิทมาก

 ปีนี้ก็เหมือนปีนั้นที่มาบรรจบอีกครั้ง ปีชงแรงอีก เราเตรียมรับเหตุการณ์นี้ด้วยความเป็นปกติไม่กังวล แต่ไม่ประมาท ดำเนินชีวิตอย่างมีสติมากขึ้น เข้มงวดกับตัวเองในบางเรื่องมากขึ้น โดยเฉพาะการขับรถ จะตั้งสติพิเศษก่อนขับออกเสมอ และที่สำคัญคือทำบุญ สร้างกุศล ให้ทานอย่างสม่ำเสมอ ไม่ละทิ้งโอกาสบุญใดๆที่ได้รับรู้เลย ช่วยชีวิตอะไรได้ช่วยหมด แต่ไม่ไช่เพื่อแลกชีวิต แต่ทำไปด้วยความเป็นปกติ เพราะเราเชื่อเสมอว่า “ชีวิตทุกชีวิตมีค่าสำหรับผู้เป็นเจ้าของชีวิตเสมอ” ทุกชีวิตรักชีวิตตน มีความกลัว มีความรักและความห่วงเสมอ ดังนั้นหากแมลงใดๆบินเข้าบ้าน ชาบูจะกระโดดจับ เราจะบอกชาบูเสมอว่า “ขอนะปล่อยให้เขากลับบ้าน” จิ้งจก ตุ๊กแก นก ผีเสื้อ ต่อ แตน ผึ้ง แมลงที่ไม่รู้จักชื่อ ปลาที่ไข่เต็มท้อง ล้วนเป็นเพื่อนร่วมโลกที่เราเคยช่วยชีวิตทั้งสิ้น...เมื่อมีโอกาส

 
 
ลูกนกกางเขนนี่ช่วยมาหลายครอกแล้วทั้งจากนกด้วยกัน งู แดด ฝน จนจำไม่ได้ว่ารุ่นใหน
 
 
 
ขณะเดียวกันปี 2555 นี้เป็นปีที่เราเสียเพื่อนที่รักมากที่สุด เป็นความรู้สึกยากจะบอกว่ามากแค่ไหน แต่หากเอาอายุเราเพิ่มให้ได้เราจะทำ..นั่นคือ Larna (6มีค) และ chabu (28 สค) เพื่อนแท้แสนรัก ซื่อสัตย์ไม่ทำร้ายเราทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่โกรธหรือผูกพยาบาทเมื่อเราขัดใจหรือลงโทษเขา หรือดุว่าเขา (มีแต่น้อยใจ) สายตาที่มองมามีแต่ความซื่อสัตย์และมิตรภาพของความรักและเข้าใจ อดทนไม่หงุดหงิดเวลาเราผิดเวลาให้อาหารไปบ้าง ทั้งสอง (ตัว) เพื่อนนั้นเป็นหมาพันธุ์อเมริกันพิทบูลและชิสสุผสมพุดเดิ้ล เราไม่เคยเห็นเขาว่าเป็นหมานอกจากเพื่อนต่างสายพันธุ์ เพราะเราสื่อสารกันรู้เรื่องกระทั่งด้วยสายตา เราฝังร่างเขาอย่างดีและยังคงแวะทักทายกันตลอดจนอุทิศบุญให้อย่างสม่ำเสมอ เพราะเราเคยมีกรรมต่อกันจึงได้มาเกื้อกูลกันในภพชาตินี้...ปีนี้เราได้เพื่อนต่างเผ่าพันธุ์มาเพิ่มเป็นสมาชิกใหม่คือ ศรีวัน และริต้า ซึ่งก็ต้องเริ่มต้นให้ความรักและเข้าใจกันและกันใหม่อีก

กลางปีนี้เราได้พบเพื่อนต่างวัยที่ดีต่อกันหลังจากไม่ได้ติดต่อกันมานานหลายปีตั้งแต่เรียนจบแยกย้ายกันไป แต่ไม่เคยลืมกัน เมื่อให้โอกาสมาเจอกันก็รู้ว่ามิตรภาพนั้นอยู่ในใจ ไม่ใช่เวลาหรือระยะทาง กี่ปีที่จากไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนแปลงเลย เพราะความดีที่ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อแก่กันในยามที่อยู่ต่างแดนมันคงอยู่เสมอ แม้ว่าการพบกันครั้งนี้อาจเป็นการพบเพื่อจากชั่วชีวิตแต่มิตรภาพยังอยู่ในใจเสมอ ที่สำคัญคือมาพบกันในช่วงเวลาที่เพื่อนต้องการคำแนะนำเส้นทางชีวิตที่จะเดินไปข้างหน้า และเราได้ให้และแก้ปัญหาข้อสงสัยทุกอย่างให้แล้วด้วยความจริงใจ ชีวิตที่เหลือต้องเดินไปเอง..ขอให้โชคดี นี่คือการจากเป็น แม้ว่าจะมีเสียใจบ้าง แต่อย่างน้อยดีใจที่ได้พบกันอีกครั้งในภพนี้

ชีวิตในที่ทำงานเป็นปกติเหมือนหลายๆปีที่ผ่านมาแต่ที่ดีขึ้นคือการไม่พยายามรับรู้เรื่องของกลุ่มข้าราชการครูสีเทา สีดำ มิจฉาจารย์หลายๆคน สิ่งไม่ดีที่พวกเขาทำผิดต่อจรรยาบรรณวิชาชีพเป็นประจำ ไม่รับข่าวสารใดๆที่ออกมาเพราะ block add.ของเส้นทางส่งข่าวมาไว้ จะรับรู้เรื่องที่จำเป็นหรือที่มีคนบอกหรือต้องการความช่วยเหลือหรือคำแนะนำก็จะฟัง นอกนั้นปิดเส้นทางการรับรู้ ปีที่เป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยเป็นสามปีที่ชีวิตคลุกฝุ่นดำตอนนี้เราพ้นออกจากบ่วงกรรมของการรับรู้เรื่องไม่ถูกต้องทั้งหลายเสียทีจริงๆ แต่มันก็เป็นสิ่งพิสูจน์ความเข้มแข็งของจิตที่ชนะกิเลสหลายอย่างที่เข้ามาในช่วงนั้น มีบางคนก็พ่ายแพ้ต่อผลประโยชน์และอุดมการณ์ที่จะทำเพื่อคุณภาพการศึกษา และขัดขวางการสอดไส้เรื่องที่ไม่ถูกต้องผ่านสภาฯในรูปนโยบายแฝง แต่สุดท้ายก็แพ้ผลประโยชน์ที่เขายื่นให้...ส่วนของเราเอาสกุลของบรรพบุรุษ คำสั่งสอนของบรรพบุรุษที่เน้นสอนมา และเส้นทางของความเป็นพุทธมามะกะเป็นเกราะกำบังและเหนี่ยวจิตใจไม่ให้ตกในที่ชั่ว ทำให้รอดพ้นได้ด้วยดีและจะทำตลอดไป..ขอบคุณครอบครัวที่ไม่เคยเลี้ยงให้อดอยาก หรือรู้สึกขาดแคลนที่จะต้องขวนขวายแสวงหาอย่างไม่ถูกต้องหรือต้องแลกด้วยความเป็นมนุษย์...จากนี้รอเวลาที่เหมาะสมที่จะขอลาออกไปพ้นจากที่แห่งนี้เสียที ได้ใช้ทุนให้แผ่นดินครบตามที่กำหนด แม้ว่าความรู้สึกส่วนตัวว่ายังทำงานให้แผ่นดินยังไม่สมดังใจที่ต้องการจะทำให้ แต่ด้วยอุปสรรคที่จะต้องยอมก้มให้กับความไม่ถูกต้องและคนทุศีลเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการมาย่อมทำไม่ได้เช่นกัน เราคงยังยึดคำว่า “ขอให้ยึดในความถูกต้อง แม้ไม่เจริญในเส้นทางราชการ แต่ไม่มีวันตกต่ำ และไม่ตกในที่ชั่วได้เลย”

ในส่วนที่ควรปรับปรุงอย่างยิ่งของเราคือ “ปาก” ควรเฉยและลดการเง็บๆให้มากกว่านี้ ลดการแปลและอ่านความคิดคนอื่นจะได้รู้น้อยหน่อย พูดให้ตรงก็ว่า แกล้งโง่บ้างจะดีมาก หุหุ จริงๆก็ลดลงมากสุดๆแล้ว แทบไม่พูดกับใครเลยถ้าไม่มาทักทายก่อนยกเว้นน้องๆ ที่คุ้นเคยกัน และผู้ที่มาขอความเห็นส่วนตัว เพียงแต่หากอะไรไม่ยุติธรรมและไม่ถูกต้อง ไม่ฉลาดเห็นชัดเจน ก็จะทักท้วง และนอกนั้นไม่ว่าอะไรไม่ยุ่งหรือเข้าร่วมทั้งสิ้น แต่ปากของเราไม่เคยให้ร้ายใคร ไม่ทำร้ายใคร ไม่ชอบการโกหกอย่างยิ่ง และจะรักษาคำพูดของตัวเองอย่างเคร่งครัด พระอาจารย์สั่งและสอนไว้ "ให้มีสัจจะ และรักษาให้ดี" ที่บ้านในครอบครัวไม่ได้สอนแต่จะปฎิบัติให้เห็นตั้งแต่เราเด็กๆ

ปีนี้มีโอกาสดีในโครงการตำราเฉลิมพระเกียรติในหลวงของปวงชนเราได้ร่วมโครงการเขียนตำรามลพิษสิ่งแวดล้อมเพื่อใช้เป็นแบบเรียนและประกอบการศึกษา อ่านเพิ่มความรู้สำหรับผู้สนใจทั่วไปเพื่อประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม หากไม่มีโครงการนี้เราไม่มีวันเขียนเสร็จในปีนี้ จริงๆแล้วเขียนใช้สอนมา 8 ปีแล้วปรับปรุงทุกปี แต่ไม่จัดเป็นรูปเล่มที่สมบูรณ์สำหรับส่งโรงพิมพ์และอาจไม่ออกมาเป็นหนังสือเผยแพร่ด้วยซ้ำไปเพราะจะลาออกแล้ว (ยังมีอีก 4 วิชาที่พร้อมพิมพ์แต่ขี้เกียจปรับปรุง หุหุ).....ได้เขียนบทความ 13 ตอนในครั้งที่น้ำท่วมเรื่องเชื้อราที่เป็นปัญหา ด่างทับทิมที่ใช้กันไม่ถูกต้อง ทำให้มีคนเข้ามาอ่านบล็อก “บ้านปลอดพิษ ชีวิตมีธรรม” กันเยอะมากเกินคาดหมายอันนี้ปลื้มใจ และเอาไปโพสต์ต่อบอกบ้างไม่บอกบ้าง แถมบางคนเอาไปเป็นข้อเขียนของตัวเองก็มี แงๆ ไม่เป็นไร หากตั้งใจจะเขียนแจกเพื่อช่วยเหลือสังคม อะไรๆก็ต้องมองข้ามไปบ้าง

ด้วยอานิสงค์ตั้งใจเรื่องปัญหาพลังงานในไทยว่าจะไปทางใด ท่ามกลางการต่อต้านและสนับสนุนต่างความคิดต่างเหตุผลและต่างประสบการณ์ทางวิชาการ ทำให้คัดค้านแตกแยก ถึงชีวิตก็มี เราอึดอัดมานานแม้มีจุดยืนของตัวเองแต่ขาดประสบการณ์ตรงที่ไปเผชิญเอง ที่จะกล้าแสดงความคิดเห็นในระดับที่ตัวเองมีทุน ทำให้ได้โอกาสไปดูรง.ไฟฟ้านิวเคลียร์ที่จีน และสอบถามวิเคราะห์สิ่งที่เห็นเพื่อให้สะท้อนสิ่งที่ซ่อนอยู่ และตอนนี้ทยอยเขียนเป็นตอนๆ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ผ่านเข้ามาอ่านบ้าง แต่เวลาไม่ค่อยอำนวยเลยยังไม่ถึงไหน หุหุ

ในส่วนของการทำบุญสร้างกุศลปีนี้ได้ทำมาโดยตลอดร่วมสร้างอาคารเรียนสงฆ์ วัดโฉลก โดยบริจาคในนามของก๋งเพื่อก่อสร้างรับผิดชอบส่วนของห้องสมุดและและห้องคอมพิวเตอร์ xxx,xxx และถวายปัจจัยทอดผ้าป่า กฐินเพิ่ม xx,xxx

บริจาคปัจจัยสนับสนุนกิจกรรมคณะสงฆ์ในรูปแบบต่างๆเช่น ถวายค่าภัตตาหาร ค่าทำหนังสือ กิจกรรมปฎิบัติธรรมฯ ของวัดท่ามะโอ xx,.xxx ทำหนังสือของวัดแจกจ่ายในโอกาสต่างๆ xx,xxx ฉลองสมณศักดิ์เจ้าอาวาสวัดเขาแก้ว และฉลองกุฎิก๋ง xxx,xxx เป็นเจ้าภาพบวชพระ 2 รูป xx,xxx ร่วมทำบุญกฐินในที่ต่างๆ xx,xxx ถวายปัจจัยหลวงพ่อในป่าหลายครั้ง xx,xxx .ปัจจัยและสิ่งของให้บุพการีและผู้มีพระคุณ xxx,xxx ถวายสมทบการติดทองพระพุทธรูปในที่ต่างๆของลพ.วัดปริวาส xx,xxx ร่วมปวารณาถวายปัจจัยสร้างมณฑปสี่มุมรอบโบสถ์ใหม่ของวัดแห่งหนึ่ง x,xxx,xxx (ส่วนนี้ถวายไปก่อนหน้านี้แล้ว ผู้จะสร้างต้องไปจัดการเอง) ร่วมถวายปัจจัย ภัตตาหาร และสิ่งของถวายสงฆ์ร่วมกับพระอาจารย์ในโอกาสตรวจเยี่ยมพระธรรมจาริกทางภาคเหนือ และโอกาสอื่นๆตลอดทั้งปีประมาณ xx,xxx
 

บันทึกนี้มีไว้เป็นบัญชีบุญ ไม่ได้มีไว้เพื่อยึดติดอะไรทั้งสิ้น เพราะทำดีแล้วสิ่งดีๆทั้งผลบุญ กุศล ปิติ ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว และยังมีอะไรที่ดีๆต้องทำอีกมากมายในเส้นทางชีวิตที่เหลือ บุญและทาน จะทำมากน้อยนั้นไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ “จิต” ก่อนทำ ขณะทำ และหลังทำ ทำด้วยศรัทธา เจตนาที่ถูกต้อง ตั้งใจให้เกิดประโยชน์เพื่อทะนุบำรุง สืบทอดพระพุทธศาสนาผ่านสาวกของพระพุทธองค์ ที่สำคัญคือโอกาสที่เราจะได้ทำบุญสร้างกุศล ต่อบุญด้วยตนเองคือ ภพชาตินี้ ที่เกิดเป็นมนุษย์ มีหลายคนมากมายที่ได้โอกาสเกิดเป็นมนุษย์แต่ยังไม่ได้ใช้โอกาสนั้นทำอะไรให้คุ้มโอกาส ยังคงเพิ่มกิเลส หมกโคลน พอกบาปติดยึดด้วยบ่วงกามเกียรติอย่างเหนียวแน่น มีคนตัวเล็กๆมากมายในโลกนี้ ที่ช่วยกันสร้างสิ่งดีๆที่ยิ่งใหญ่ และเช่นเดียวกันก็มีคนใหญ่โตมากมายที่ถึงพร้อม ไม่ได้สรรสร้างอะไรเลยแม้แต่ของเล็กๆ แต่กลับทำในสิ่งตรงข้ามด้วยซ้ำ เสียดายชาติเกิดจริงๆ !!!.. (ปากหนอปาก หุหุ)
 
 

วันเสาร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2555

29 Dec: ของฟรีจริงๆ..ไม่มีในโลก



 เช้าไปวัด สายไปห้างที่เปิดใหม่ไม่นาน ซื้อกระติกต้มน้ำร้อนถวายพระ  10 ใบมีไม่ครบเพราะบางรุ่นหมด รุ่นที่ต้องการจริงๆหมด เลยซื้อแบบละ  5 ใบ วันนี้จ่ายมากจนได้คูปองแลกส่วนลดเต็มไปหมด ตั้งแต่ 50% จนกระทั่งต้องขอแลกเป็นเปอร์เซ็นต์ย่อยๆแทน เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะเอาคูปองที่ลดมากๆเพราะรายการสินค้าส่วนมากลดสูงสุด 30% มีไม่กี่ประเภทที่ลดมาก และบางแผนกที่เป็นสินค้าจำเป็นจะไม่สามารถใช้คูปองลดได้เช่นเครื่องใช้ไฟฟ้า b2s ของแม่และเด็ก ถ้วยชาม เป็นต้น ส่วนของฟุ่มเฟือยไม่จำเป็นนักก็ใช้คูปองลดได้เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า สรุปเท่าที่ไปซื้อ 2 ครั้งแต่ซื้อจำนวนมาก ทำให้สามารถทำความเข้าใจกลยุทธ์การขายแบบลูกโซ่ แลกหลายต่อ ไม่รู้จบ คนซื้อจึงต้องมีสติตัดโซ่นั้นเอง อย่าไปสนใจมากนัก ซื้อที่จำเป็นต้องการ มีประโยชน์ อย่าซื้อเรื่อยๆ เพราะขาดอีก 400 บาทจะได้.......เพิ่มเงินอีก 500 จะได้ส่วนลดเพิ่มเป็น.........หรือซื้อสะสมเพิ่มอีกแผนกเพราะเสียดายส่วนลดที่ใช้กับสินค้าแผนกเดียว...เป็นต้น ไม่งั้นจ่ายไม่จบ รู้ตัวเมื่อหมดกระเป๋า  หุหุ และท่องจำให้แม่น..ของฟรีจริงๆ..ไม่มีในโลก

ซื้อกระเป๋าใส่เงินถวายท่านอานนท์ในโอกาสฉลองสมณศักดิ์ของท่าน

เราและ link ได้รองเท้าคนละคู่ ไดผ้าเช็ดตัวชุดสวยมาอีก 2 กล่องเก็บไว้ถวายพระ
วันนี้พา yiching มาเที่ยวบ้าน โอย!!!! เข็ดแล้วทั้งอึและ ฉี่ในบ้านอย่างละ 2 ชุด แถมต้องนั่งเอาใจเธอมากเป็นพิเศษ เย็นไปรับเอกสารที่ใส่กรอบให้พระอาจารย์ก็เลยพาคุณหนูไปคืน


วันศุกร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2555

28 Dec: สบายๆวันหยุด



เช้าไปวัด วันนี้มหาวิทยาลัยปิดส่งปีเก่า ตอนสายคนงานมาช่วยเก็บกวาดใบไม้ที่กองโตเป็นอาทิตย์ ตัดเถาวัลย์ริมน้ำที่พันเกะกะออก เราก็ได้โอกาสออกกำลังด้วย

บ่ายเอางานพระอาจารย์ไปช่วยใส่กรอบ ปรากฎว่าเจอภรรยาเจ้าของร้านเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยม เลยคุยกันหลายเรื่องและเธอเพิ่่งเออร์ลี่ตุลาคมที่ผ่านมา

เกือบบ่ายสามจะไปซื้อกระติกน้ำร้อนถวายพระ 12 ใบ ปรากฎ ว่ารถติดยาวมาก เลยตัดสินใจกลับบ้านก่อน ค่อยตั้งหลักไปใหม่

วันนี้ไม่ได้ทำอะไรมากมาย เพราะตั้งใจจะพักสมองสักสามวัน ทำงานอื่นๆเช่นงานคุณแจ๋วมากกว่านั่งทำเอกสาร

เมื่อวานไปซื้อหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์แบบมีเปลือกเป็นกล่อง ซื้อ mozzarella cheese เนยกระเทียม ขนมปังฝรั่งเศส ครบสูตรเตรียมหาฤกษืดีมีชัยทำหอยแมลงภู่อบเนยกิน
sooooon  หุหุ

สบายๆ ปีใหม่ใครหลายคนคงเตรียมตัวเที่ยวนอกบ้านตามอัธยาศัย เราเตรียมตัวอยู่กับบ้านเต็มสตีมเหมือนเดิมเพราะชอบมาก สงบ สบาย แต่ไปวัดทำบุญให้กับหลายๆชีวิตเหมือนเดิม รอบๆตัวเรามีสุข เราก็สุขด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555

27 Dec: เห็นแก่คุณภาพการศึกษา..ได้แต่ฝัน


เช้าสอน 8.00 น เข้ามหาวิทยาลัยแล้วงงๆ ทำไมเงียบจัง ไม่เห็นนศ.เลย ปกติจะเห็นรถมอเตอร์ไซด์จอดหลายร้อยคันตรงแถววงเวียนก็หายไปหมด ไปคณะ scan นิ้ว ก็ไม่ได้ถามอะไรจนท.เพราะวันนี้เป็นวันปกติที่มีการเรียนการสอน

ไปที่ตึกสอนมีนศ.มารอข้างล่างประมาณ 8 คนจาก 30 คนก็ขึ้นไปสอน สอบถามนศ.รู้ว่านศ.ส่วนมากกลับบ้านกันโดยอัตโนมัติหรือใครส่งสัญญาณก็ไม่รู้ได้ แต่ของเราที่เหลือนี่ก็คงเกรงว่าเราจะสอน และลับได้แต่เราก็สอน ตอนบ่ายมีเด็กบางคนจะกลับบ้านเราบอกว่าใครจะกลับก็กลับได้แต่เหลือไว้ให้สอนด้วย คนเดียวก็สอน ตอนบ่ายก็เลยเหลือ 2 คนก็สอนจนบ่ายสามจบบทมลพิษทางอากาศ  เด็กบอกว่ามีนศ.เรียนแค่ 2 คนในมหาวิทยาลัยบ่ายนี้ พรุ่งนี้มหาวิทยาลัยให้ปฎิบัติราชการแบบไม่ต้องสแกนนิ้ว และวันที่ 2 มกราคมด้วย คล้ายๆว่าให้หยุดรวม 6 วัน  คนที่ไม่ค่อยได้พักก็จะได้พัก

วันนี้เกียรติศักดิ์เอาใบแก้ I มาให้ เขาคุยเรื่องงานที่ทำและเล่าเรื่องช้างป่าที่อายุมากแล้วประมาณ 60 ปี ที่ไปกิน เหยียบต้นไม้ชาวบ้านจนเขาให้จนท.อุทยานไล่ออกไปแต่ก็ทำไม่ได้ จนท.เลยล้อมเขตให้ช้างนี้ถูกจำกัดเขต ต้องซื้อกล้วย ซื้อลวดหนามไปจัดการ ช้างนี้เข้าฝูงๆไม่รับ และมันก็ปีนขึ้นเขาไปไม่รอดเลยต้องหากินในที่ราบ และจนท.ก็ต้องดูแลจะส่งไปศูนย์ที่ลำปางก็คิดว่ามันคงเดินทางไม่ไหว ตอนนี้ก็จะเรียไรค่าอาหารของมันจะประกาศแจ้งทางหน้า web เราเลยไปเอาเงินให้ 400 บาทเท่าที่มีติดตัว นี่ถือว่าวันนี้มีเงินติดตัวมากแล้วเพราะปกติมีไม่เกิน 100 บาทในกระเป๋า เพราะไม่ได้ใช้เงินทำอะไรนัก พกพาสามีแทนกระเป๋า หุหุ ตั้งแต่สมัยเรียนก็มีเพื่อนพกเงินแทน เลยติดนิสัย

สุเชฐแวะมาคุย ฝากเงินดือนตกเบิกพนง.อัตราใหม่ เงินโบนัส ไปทำบุญ เราลยเอาไปถวายพระอาจารย์ที่จะทำบุญเลี้ยงพระปีใหม่นี้

วันนี้รถแอร์เสียมาตั้งแต่เมื่อวานเลยให้พลขับพาไปซ่อม รีเลย์เสีย เติมน้ำยาแอร์ 800 บาท

น้องอจ.ที่สงขลาโทรมาเรื่องการเลือกผู้บริหารคนใหม่ของที่นั่นที่จะลงคะแนนเลือกพรุ่งนี้ เราเลยถามว่าต้องเลือกอีกหรือเพราะได้ข่าวทางโน้นส่งสัญญาณข่าวให้คนทางนี้ว่าคนที่โน่นขานรับไว้แล้ว นอนไปได้เลย  อุตส่าห์ส่งคนไปเป็นกรรมการสภาฯไว้."..." กรรมการสภา"คน"ที่นั่นเกือบหมดแล้ว งานนี้เดินหมากหลายชั้น แต่คนมีสติก็ย่อมดูออกได้ไม่ยาก เส้นทางของคนพวกนี้มีรูปแบบที่ซ้ำๆกันเพราะไม่ค่อยมีคนอยากเอามือไปจิ้ม..กันมากนัก เขาเลยได้ใจ รอดูจุดจบของพวกไม่รู้จักพอและโกงกินคอรับชั่นเชิงนโยบาย ย่อมมีจุดจบแบบเดียวกันเช่นกัน เพราะตอนนี้ก็เห็นๆกันอยู่ ขอให้พวกเขาเปลี่ยนความคิดไปพักผ่อนกันบ้างให้คนรุ่นไหม่ได้มาทำงานสร้างคุณภาพการศึกษา ให้กับอนาคตชาติบ้างเถิด การศึกษาของกลุ่มสถาบันนี้จะได้ยกระดับขึ้นบ้าง จะได้ "สร้างปัญญา" กันจริงๆเสียที "การสร้างภาพ" จะได้ลดลง เราคงได้แต่ฝัน เพราะความจริงพวกเขาคงไม่ทำเพราะผลประโยชน์มากมายจริงๆ เหลือเชื่อ !!!


ฉันมีความฝัน..หวังว่าเมื่อฉันตื่นขึ้นมา "เหลือบ"ทางการศึกษา ในคราบครูอาจารย์จะหมดไปจากที่นี่ เพื่อจะได้ยกระดับคุณภาพวิชาการให้กับนักศึกษาอย่างแท้จริง ....ได้แต่ฝัน!!!!

วันพุธที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2555

26 Dec: สีที่สกปรก...ภาพที่ใสสะอาด


เช้าไปวัด ไปส่งตำราให่จนท.คณะ เหมือนโลกนี้ว่างเบาขึ้น รับเอกสารหลักสูตรกลับมาตรวจต่ออีก...หุหุ  วันนี้มหาวิทยาลัยปิดภายในมีแข่งกีฬาของบุคลากร มีการเลี้ยงและแจกโบนัส โดยมีการประชุมเปิดตัวอธิการบดีคนใหม่ (ที่รู้ตัวก่อนเลือก จริงๆไม่จำเป็นต้องผ่านสภามหาวิทยาลัยก็ได้ เพราะรู้ๆอยู่ ...ได้ข่าวมาว่านายประโยชน์ ผู้บริหารคนใหม่ กล่าวแสดงความขอบคุณและสำนึกในพระคุณของผู้บริหารคนเก่าและคู่หู ว่าทำให้เขาได้มีวันนี้ น่าเอ็นดู เมื่อไหร่ที่นี่จะได้ผู้บริหารระดับสูงมาเพราะความสามารถทางผลงานในบทบาทของอจ.มหาวิทยาลัยเหมือนที่มหาวิทยาลัยเก่าแก่เขาเป็นกัน  โชคดีเราไม่ได้อยู่ร่วมฟัง  ไม่ได้ร่วมกิจกรรมแจกของประจำปี เพราะไม่อยากรับทานอกุศลกรรม (ไม่รู้ว่าปีนี้เจ้หัว เสียชีวิตไปแล้วจะไปขอของฟรีที่ไหนมาแจกได้อีกหรือไม่  หรือเรี่ยไรผู้มีส่วนได้เสียต่างๆเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่) เพราะส่วนมากแล้วเราเลือกที่จะไม่เข้าประชุม เพราะที่ประชุมใดหากมีการกล่าวเท็จ และสร้างภาพตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องเข้าเพราะมันไม่ได้พัฒนาอะไรให้เจริญงอกงาม และไม่ได้สร้างสิ่งดีๆให้นักศึกษา ยากนักที่จะมีการคิดพัฒนาคุณภาพการศึกษา เราได้เลยเป็นสิบปีแล้วที่คุณภาพที่แท้จริงเสื่อมลงมาก แต่ปริมาณคนที่รับเพิ่มขึ้นเพราะนั่นคือเงินต่อหัวที่มหาวิทยาลัยต้องการ......ฟังการบริหารแบบแบ่งเค็ก และถ่าบโอนแบบคุณยายวรนาถ จากที่นี่สู่สงขลา...คนที่นั่นก็เตรียมรับความ...กันต่อ หวังว่าสิ่งศักดิ์ที่นั่นจะเข้มแข็ง!!! ส่วนที่นี่เละเหมือนเดิม หรืออาจมากกว่าเดิมแบบที่มีคนคาดการณ์ไว้หรือไม่ต้องคอยดู..สีที่สกปรกจะวาดภาพที่ใสสะอาดได้อย่างไร??



วันนี้ตั้งใจพักงานครึ่งวัน ปรากฏว่าไปยาวเลยกลับบ้านเย็น ซื้อของเตรียมถวายพระปีใหม่ที่ห้างห่อของขวัญให้ วันนี้ได้ 18 กล่อง ต้องไปซื้ออีกเพราะไม่พอ

วันอังคารที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2555

25 Dec: หนังสือภาวะมลพิษสิ่งแวดล้อมเสร็จ


เช้าไปวัด แล้วรีบมาแก้งานส่วนยากคืออ้างอิงที่ต้องตรวจจุด คอมมา และอื่นๆที่มีรูปแบบเฉพาะ น่าเบื่อที่สุดตรงนี้แหละ และจากนั้นก็เป็นสารบัญ คำนำ สุดท้ายคือปก ท้ายสุดคือ....ปกหลัง หุหุ :)  เข้าเล่มแบบเอาคลิปยักษ์หนีบ ประหยัดสุดๆ พรุ่งนี้เช้าส่งให้จนท.คณะ จริงๆ dead line วันนี้ แต่เราขอผลัดไปพรุ่งนี้เช้า เพราะเร่งสุดๆแล้ว ขนาดพิมพ์ออกมาแล้วยังเจอพลาดแต่ไว้ค่อยแก้เพราะไม่มีอะไร แค่อักษรผิดขนาดไปบางอันพลาด....ที่นี่แปลกให้ฝ่ายทะเบียนวัดผลเป็นคนรับผิดชอบเรื่องการจัดการตำรานี้ เลยไม่ได้เรื่องตั้งแต่ขั้นตอนแรกเพราะไม่มีรูปแบบของการตรวจออกมาให้รู้ว่าคุณจะให้กรรมการตรวจเข้มขนาดไหน เอาระดับตำแหน่งทางวิชาการไหม ก็ไม่กล้าทำ ทำไมก็รู้ๆกันอยู่ ออกมาก็เลยลักหลั่นกันตามเคย นี่ให้จัดหากรรมการคนนอกตรวจเอง บางคนเลยบอกให้เพื่อนตรวจให้ จะเป็นแบบทำเป็นพิธือีกหรือไม่...ปกติกรรมการตรวจก็มีรายชื่ออยู่แล้ว..เราไม่ส่งรายชื่อและจะคอยดูว่าแล้วเขาจะหาให้ไหม จริงๆแล้วต้องเป็นหน้าที่ของมหาวิทยาลัยที่ต้องจัดการให้เข้มและถูกตามที่ควรเป็นและมีคุณภาพ

ของเรานี่ก็ทำไม่ครบเพราะควรมีดัชนีคำแต่ทำไม่ทัน ไว้โอกาสต่อไป เพราะเรายังต้องปรับปรุงบางอย่างในเล่มเพิ่มอีก

ไชโย!! ชั่วคราว พรุ่งนี้ตั้งใจจะขอพักสายตาสักครึ่งวัน หลังจากทำมาหลายเดือนทีเดียว มาเร่งช่วงหลัง เพราะช่วงอื่นก็มีภาระต่างๆมาแทรกเป็นระยะ........จากนี้ปีหน้ามีคิวรอ 2 เล่ม ต้องทำให้เสร็จ

วันจันทร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2555

24 Dec: เร่งงาน


เมื่อคืนไอเค็กๆ เป็นระยะ ไม่ได้เป็นหวัดแต่เป็นไอ กลางวันปกติทุกอย่างไม่มีไอสักเค็กเดียว คืนนี้คงไออีก เมื่อเช้าแวะไปหาหมอที่คลินิก เห็นคิวยาวเฟื้อย แล้วถอดใจ บอกว่าจะไปตอนเย็น เย็นนี้ก็ไม่ได้ไปเพราะเร่งแก้งาน

วันนี้ต้องมาทำงานที่วัด เลยเร่งแก้งานออก printer เป็นระยะ ได้แค่ 2 บท ตั้งแต่เช้า อ่านไปก็เจอที่ไม่ถูกใจแก้อีก ตบหน้าโย้หลัง เป็นคนทำงานที่ไม่มีระเบียบจริงๆ เลยต้องรบกวน link ให้มาจัดการจัดกรอบจัดระเบียบให้เราก่อน

เที่ยงวันนี้ตั้งใจจะออกไปกินข้างนอกเพราะจะได้รีบกลับมาทำงานต่อ แต่ฝนตกหนักมาก เลยขี้เกียจออก ในที่สุดด้วยแรงสนับสนุน บอกให้กินมาม่าแทน ก็เลยเอาก็เอา เที่ยงนี้เลยมีอาหารพิเศษ ต้มยำมาม่าปลากระป๋อง ทั้งสองคน ว่าแล้วรีบมานั่งทำงานต่อ ยังทำได้ไม่เท่าไหร่ จนท.ศูนย์วิทย์โทรมาบอกว่าจนท.คณะให้โทรมาเตือนว่าพรุ่งนี้ deadline นะจ๊ะ อาจาย์อย่าลืมส่ง เราบอกว่าฝากบอกไปได้เลยว่าหัวเป็นครองแครงแล้ว จ้า!!! กลับบ่้านเย็น

ถึงบ้านตกใจเจ้าศรีวันออกมาตอนหน้าของบ้าน เจ้าเต้เปิดประตูข้างให้เฮ้อ!! เปียกมอมแมมไปหมด วันนี้ฝนตกหนักมาก  ริต้า ok ไม่ทำบ้านสกปรก รีบ จัดการกวาด ถู เตรียมอาหารให้เด็กๆ เราและ link กินสปาเก็ตตี้แซลมอล คนละกล่องแล้วรีบมาเขียนบันทึก และจะทำงานต่อ

วันอาทิตย์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2555

23 Dec: หลงกรุง..ตามหาผักชี



เช้านี้ตื่นสาย เพราะเมื่อคืนเป็นไข้เล็กน้อย หวัดกำลังจู่โจม เช้านี้เลย para 1 เม็ดไม่เป็นไร เรากินพาราปีละไม่เกิน 3-4 เม็ด เพราะไม่ค่อยปวดหัวกับใครเขา

แก้ตำราทั้งวัน  งีบช่วงบ่ายเพราะต้องการพักผ่อนให้เม็ดเลือดขาวสู้กะไวรัส เย็นฝนตกหนักมาก

วันนี้ดูรายการ "หลงกรุง" ช่อง PBS เราชอบรายการนี้ เป็นธรรมชาติดี พอๆกับกบนอกกะลา แต่เป็นรูปแบบฝรั่งทำ(เดเนียล) และเขาทำโน๊ตน่ารัก รูปแบบโน๊ตเป็นอะไรที่น่าให้เด็กนักเรียน เรียนรู้ เป็นแบบง่ายๆ เด็กไทยเดี๋ยวนี้ใช้เครื่องมือจนไม่สามารถทำบันทึกลายเขียนกันมันก็ขาดอะไรไปเหมือนกัน กำลังคิดต่อไปในอนาคตหากเรามีเวลามากกว่านี้ก็คงทำบันทึกลายมือมาลงไว้ ตอนนี้ลายมือแย่ลงรู้ตัวเวลาจำเป็นต้องเขียนอะไรรู้สึกเขียนหยาบขึ้น

แต่วันนี่รายการของเดเนียล ตอน "ตามหาผักชี "เรารู้สึกไม่ดีตรงที่เขาไปที่ตลาดสี่มุมเมือง เจอผักเขาก็ลองกินแบบออกจากเข่ง จากห่อพลาสติกที่เขาขายส่ง ก็หยิบทดลองกินทันที กระทั่งมาที่พริกหยวก เขาก็หยิบทั้งดอกขึ้นมากัด แม่ค้าถามว่า.."ไม่กลัวยาฆ่าแมลงหรือไง" .......คำตอบของเขาคือ ยาฆ่าแมลง?? ผมไม่ไช่แมลง ไม่กลัว!!!  หวังว่าการกระทำและคำตอบนั้นคงไม่มีเด็กคนไหนดูแล้วเก็บไปทำ หรือจำไว้เป็นต้นแบบนะ จริงๆแล้วเราคิดว่าตัวเขาน่าจะรู้เรื่องยาฆ่าแมลงที่ชาวสวน ชาวไร่ต้องใช้กับพืชผักแล้วคนไทยเราไม่ได้ปลูกแบบออร์แกนิก ที่ปลอดสาร หรือใช้สารแต่ทิ้งระยะสลายตัวก่อนเก็บเกี่ยวเหมือนต่างประเทศที่เขามีข้อปฎิบัติที่ต้องทำกัน ผักผลไม้ในห้างก็เลยหยิบกินได้ทันทีแบบไว้ใจในสารเคมีว่าไม่ตกค้าง เรามีความแตกต่างของการเอาใจใส่ต่อผู้บริโภคต่างกัน ดังนั้นคำพูดและการกระทำของเดเนียลนั้นเป็นดาบสองคม  ก็หวังว่าผู้ใหญ่ที่ดูคงอธิบายให้เด็กฟัง

ที่เขียนนี่ไม่ไช่การจับผิด เพราะเราไม่ได้เจตนาดูเพื่อจับผิด แต่การฟัง เห็น ได้ยินอะไรที่ไม่น่าจะถูกต้องก็นำมาเขียนไว้ เผื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ที่ดูอะไรก็พินิจพิเคราะห์ อะไรไม่ปลอดภัย ไม่ถูกก็ต้องว่ากันไป   โชคดีนี่อยู่ในบล็อกเราเอง ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในบล็อกของคนกลุ่มใหญ่ที่มากด้วยนักวิชาการ ก็คิดว่าดี มีคนอ่านมาก มาแลกเปลี่ยนแนะนำกันได้  วันหนึ่งเราได้ยินผู้สื่อข่าวอ่านศัพท์วิทยาศาสตร์ผิดซ้ำๆ ตอนนี้จำไม่ได้ว่าเป็นคำอะไร แต่เท่าที่รู้สึกคือไม่น่าจะผิดไม่ไช่คำวับซ้อนอะไร ควรมีการซ้อมอ่านดูมาก่อน หากเขาไม่แน่ใจก็ควรถามหาความรู้ก่อน เราก็เขียนลงในอนุทิน เรื่องการอ่านผิด โดยมีจุดประสงค์เพื่อบอกว่าการเป็ผู้สื่อข่าว (ผู้อ่านข่าว) ก็ควรต้องมีการเตรียมตัว รับผิดชอบ หาความรู้ เพราะคนฟังเขามาก และมีคนทุกระดับฟัง หากผิดบ่อยก็ไม่ดี หลังจากเขียนอนุทินเล็กๆ ก็มีอจ.คนหนึ่งจากทางเหนือ เขียนลงในอนุทินของเขาว่าเราไปจับผิดคนทันที แต่วิธีที่เขาเขียนตำหนิคนแบบตัดสินไปแล้วเพราะเขาตัดสินคนอื่นตามพื้นฐานของเขามากไป คิดว่าคนอื่นคอยจับผิดไม่คิดว่าบางครั้งในสังคมต้องการการติเพื่อก่อ เตือนเพื่อสรรสร้างสิ่งที่ถูกต้อง ต้องดูเจตนาด้วย เมื่อเราอธิบายไปอจ.คนนั้นตามเง็บต่อ เราเลยตัดสินใจออกจากบล็อกสังคมเช่นนั้น เพราะอจ.คนนั้นก็เป็นที่รู้จักกันดีในบล็อกนั้น ได้สร้างภาพในหลายๆรูปแบบที่สังคมทั่วไปชอบกัน หลังจากที่เรารู้จากคนที่นั่นถึงตัวตนที่แน่ชัด เลยไม่คิดจะอยู่ในสังคมโซเชียลที่วุ่นวาย.. ชีวิตเราชอบที่จะไม่วุ่นวายหนอ   เพราะเราคิดจะเขียนเพื่อบันทึกจำ หากเกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นนั่นคือกำไรชีวิต และทุกอย่างชีวิตต้องเลือกได้ ..ตอนนี้รู้สึกขอบคุณเขาที่เป็นแรงผลักให้เราออกมาสร้างบล็อก และเขียนในรูปแบบที่ตัวเองต้องการ และเป็นอิสระ

วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555

22 Dec: บทเรียนโลกไม่แตก


 
ในที่สุดก็ผ่านวันที่บางคนกลัว บางคนคาดหวัง บางคนตั้งตารอด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน ไม่รู้ว่ามีใครได้บทเรียนจากเรื่องทำนองนี้หรือไม่ ก็ไม่รู้จริงๆว่าคิดได้ยังไง....วันสิ้นโลก หุหุ.......หวังว่าอาจมีประโยชน์สำหรับบางคนหากจะคิดว่า ที่อยู่ต่อไปนี้คือตายแล้วเกิดใหมจะถือโอกาสสร้างแต่สิ่งที่ดีๆให้กับ ให้กับแผ่นดินเกิด ให้กับคนที่ดีและหวังดีกับเรา เหลือเผื่อแผ่ให้สรรพ์สัตว์ทั้งหลาย

ต่อไปคงจะรู้ว่าการตีความความคิด เรื่องของคนอื่นโดยพื้นฐานที่แตกต่าง เป็นยังไง เราคิดต่างพื้นฐานกัน แล้วตีความ...ถ้าเป็น "พุทธะ" ก็ไม่ตื่นกลัว ไม่ประมาท ไม่หลงระเริง หากทำความดี สร้างบุญ สะสมกุศล ไว้พร้อม เวลาไหนก็พร้อมไปทั้งนั้น

วันนี้ไปช่วยย้ายของฉุกเฉิน เพราะจะมีคนมาขอที่พัก พักของและคนในอนาคต เลยต้องยอมสละเวลาอีกครึ่งวันไปช่วย หมดแรง แต่ได้กุศลไม่เป็นไร ช่วยคนเวลาที่เขาต้องการย่อมดี

เหลือเวลาเท่าไหร่เราขอลุยแก้ตำราอย่างเดียว ทุ่มสุดใจเพราะเป็นตำราในโอกาสพิเศษเพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวง ใครจะทำเพื่ออะไรด้วยเหตุผลแตกต่างกัน แต่เราเพื่อให้นักศึกษามีตำราด้านนี้อ่านเพิ่มขึ้นอีกเล่ม เป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่ตอบแทนแผ่นดินของพ่อหลวง

วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2555

21 Dec: สวดมนต์เฉลิมพระเกียรติฯ



ที่มาภาพ: http://www.innnews.co.th/

เช้าเอาตำราของอ.ดอกรักไปให้จนท.คณะส่งต่อ ใช้เวลาอ่าน 2 วัน 2 คืนไม่เต็ม อ่านมึนก็หยุดทำกิจกรรมอื่น แล้วกลับมาอ่านต่อ ส่งใบลาป่วยเมื่อวาน แล้วบอกจนท.บางเรื่องที่เกี่ยวกับตำราเล่มนี้

วันนี้เลยได้แก้ตำราของตัวเองต่อ

เย็นนี้เปิด TV ร่วมฟังสวดมนต์ และนั่งอธิษฐานจิต ตามข่าวด้านล่าง ไม่ได้ไปที่นั่น แต่จะร่วมสวดที่ไหนก็ได้ ทุกอย่างอยู่ที่ใจ ไม่รู้มาก่อนแต่โชคดีที่เปิดเจอ เลยได้มีโอกาสร่วมฟังสวดด้วย ให้เทวดาประจำบ้านได้ฟังด้วย

ผบ.ทบ.นำกำลังพล-ประชาชน สวดมนต์เฉลิมพระเกียรติฯ
กรุงเทพฯ 21 ธ.ค.- เวลา 16.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อถวายพระพรชัยมงคลและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เพื่อเสริมสร้างพลังความรักความสามัคคีและแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยมีพระสงฆ์เข้าร่วมสวดเจริญพระพุทธมนต์ จำนวน 99 รูป มีสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลาง และเจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นำจุดเทียนชัยถวายพระพร พร้อมอธิษฐานจิตถวายพระพร 3 ต้น ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

บรรยากาศภายในพระอุโบสถวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร มีกำลังพลของกองทัพบก พุทธศาสนิกชน และประชาชนทุกหมู่เหล่าเข้าร่วมพิธีสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติเป็นจำนวนมาก.-สำนักข่าวไทย

ชีวิตที่เหลือนี้ทำอะไรให้ในหลวงได้ก็ต้องทำ อย่าได้ละโอกาส
เพราะ
 พระองค์ท่านทรงทำมามากแล้ว เพื่อพสกนิกร จนยังได้ดำรงความเป็นไทยและเป็นไท อย่างผาสุก จนทุกวันนี้

วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

20 Dec: เรื่องน่าอ่าน



 
ในความมืดมิด อะไรจะสว่างเท่าแสงแห่งธรรม
 
วันนี้ตื่นแต่เช้าตรู่ตรวจอ่านตำราของอ.ดอกรัก อ่านต่อเนื่องจนมึนๆ เลยหันไปเขียนบล็อกต่อ เพราะอ่านของตัวเองก็ไม่รู้เรื่อง

ราคาทองตกลงพรวดๆ 300 บาท ฟังจากข่าว TV แอบคุยกันว่าสงสัยกลัวโลกแตก หุหุ เช้านี้ลงอีก 100 เหลือ 24250 บาท หุ้นบางตัวตกดิ่ง.....

หายมึนอ่านต่อ การตรวจแก้งานคนอื่นก็ดี ได้ความรู้ไปด้วย ได้ทบทวนสิ่งที่ลืมไปแล้วด้วย

เย็นนี้ค้นเรื่องสวล.ไปโผล่ที่หลวงพ่อโตได้ อ่านแล้วดีเลยเอามาลง เพราะเห็นว่าเหมาะกับเรื่องดังตอนนี้ เผื่อไว้จะได้ไม่ประมาท

"การประคองดวงจิตก่อนที่จะดับ"

http://meecorner2.blogspot.com/2012/12/blog-post_20.html

ค่ำนั้มีอาการเหมือนจะเป็นหวัดแบบครั้งที่แล้วเป็นเกือบเดือน วา!! ขออย่าให้เป็นแบบครั้งนั้นอีกเลย ไอจนเหนื่อย ซี่โครง กระบังลม เดือดร้อนไปหมด


กฟผ.พาไปดูโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ตาย่า เบย์ (Daya bay) 4/1



โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ตาย่า เบย์ (Daya bay) 4/1: มีอะไรในกอไผ่ ??



เสื้อแดง คุณ Lena :chinese guide,
 ติดกับ lena คือคุณทวิช Thai guide, ขวาสุด คุณเปิ้ล
หันหลัง อ.เอก ล่ามของเรา 


การไปครั้งนี้ผู้จัดการทัวร์ไทยน่ารักและบริการดีมีความชัดเจน ทำให้ทุกอย่างราบรื่น รถบัส 1 มีคุณทวิช กาญจนพฤกษ์ เป็น guide ไทยที่ดูแลตลอด เขาจะเดินถือธงชาติไทยติดปลายไม้เป็นสัญลักษณ์เผื่อกรณีเดินตามแล้วอาจหลงเพราะไปคราวนี้ไม่มีเสื้อทีมให้สังเกตุ คุณทวิชตัวสูงที่สุดก็เลยสะดวกมองเห็นทั้งธงและตัวคุณทวิช ส่วนบัส 2 มีคุณเปิ้ลป็นคนดูแล และมีอาจารย์เอก (สมพงษ์ ปิยะนารานันท์) อายุน่าจะไม่เกิน 30 ปี ยังวัยรุ่นอยู่ น่ารักดี polite มีน้ำใจ เข้าใจอะไรๆดี เป็นล่ามคนไทยที่ไว้สื่อสารภาษาจีน และบางกรณีก็ช่วยแปลภาษาอังกฤษให้ด้วย เพราะที่ไปบางคนก็ภาษาตปท.ไม่แข็งแรง อจ.เอกเขาก็ช่วยได้ดี ราบรื่น
  

ยืนรอๆสมาชิกเตรียมตัวเดินทางต่อ 
 
สิ่งที่ guide ทำทุกวันช่วงเย็นคือ จะบอกโปรแกรมของเช้าในวันต่อไป และนัดหมาย โดยจะบอกว่าให้ตื่นกี่โมง เวลาอาหารกี่โมง และพร้อมออกเดินทางกี่โมง และต้องจัดการอะไรบ้าง ซึ่งการไปครั้งนี้ดีที่ทุกคนรับผิดชอบตัวเองได้ดีมาก ตอนเช้าแทนที่รถจะรอพวกเรา กลายเป็นพวกเรายืนรอ นั่งรอรถบัส (bus HK ไม่ค่อยตรงเวลานัก)

เช้าวันที่4 เป็นวันที่สองในจีน (วันแรกเดินทางอย่างเดียว)วันนี้จะได้เห็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ตั้งใจจะมาเพื่อที่นี่โดยเฉพาะ นัดตื่น6.00 น. แต่เราก็ตื่น 05.20 น.ซึ่งก็เป็น 04.30น.ในไทยอยู่ที่นั่นเราก็ตื่นประมาณนี้ทุกวันเพื่อเตรียมตัวอ่านเอกสารเรื่องราวของสถานที่ๆจะไปล่วงหน้าเพราะข้อมูลพวกนี้download ไว้ตั้งแต่ก่อนไปแต่อ่านไม่ทัน

7.00น.เดินไปทานอาหารที่ภัตตาคารในตึกใหญ่ เห็นวิวอ่าวที่สวยงาม แล้วลงมาเตรียมตัวขึ้นรถบัสเพื่อพาไปห้องประชุม ฟังจนท.ระดับบริหารบรรยาย

ภัตตาคารในโรงไฟฟ้า
 
 
บรรยากาศในห้องทานอาหาร มองผ่านกระจกไปที่อ่าว
 
ขนมที่ชอบมากเป็นไส้เผือกข้างนอกสุดตล้ายๆมีแป้งข้าวเหนียวเล็กน้อยเคลือบ อร่อย ของไทยก็มีคล้ายๆกัน แต่เราจะมีไข่เค็มเล็กๆ หรือแปะก็วยอยู่ในเผือกอีกที หลายซ้อน หุหุ





อิ่มแล้วจากนั้นก็เป็นรายการพาไปที่ตึกใหญ่มาก (รูปล่าง) เพื่อฟังบรรยาย
 
 
ในอาคารชั้นล่าง ต้องเดินขึ้นไปชั้นบนฟังบรรยาย
หมายเหตุ: ข้อมูลเชิงวิชาการของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์อยู่ที่..http://meecorner2.blogspot.com/2012/12/nuclear-power-in-chinna-daya-bay.html  


ผู้มาบรรยายน่าจะเป็นผู้บริหารระดับกลาง ที่กฟผ.รู้จัก (น่าจะค่อนข้างดี) (เราจำชื่อไม่ได้ เพราะได้ยินไม่ชัด เราขอสมมติว่าชื่อ Mr.K ) เขาบอกเพิ่งกลับมาจากไทยเพื่อมาต้อนรับคณะนี้ แต่น่าจะไม่ไช่ฝ่ายปฎิบัติการเพราะเราทดลองถามข้อมูลเชิงวิชาการแล้วตอบไม่ตรงความเป็นจริงที่รู้มา อันนี้ไม่ไช่ลองเชิง แต่ต้องการรู้ว่าเขามีความจริงใจจริงจัง และให้ความสำคัญกับคณะที่ไปขนาดไหน และเป็นการวัดด้วยว่าฝ่ายที่พาไปคือกฟผ.มีความจริงใจจริงจังขนาดไหนที่จะให้ตณะที่ไปได้รับข้อมูลตรงความจริงและลดข้อสงสัยมากที่สุด เพื่อความเข้าใจที่จะนำมาต่อยอดได้จริง .....Mr.K นี้เป็นคนจีน แต่พูดอังกฤษได้ เขาจะพูดอังกฤษตลอด และมีเลขาคนไทยก็เตรียมVDO presentation เป็นภาษาไทย ดีน่าสนใจเหมาะสำหรับให้นักศึกษา นักเรียนเรียนเพื่อเพิ่มพูนความรู้ เป็นความรู้ทั่วไป สำหรับเราก็เป็นการทบทวนความจำแต่ตอบโจทย์ข้อสงสัยใดๆยังไม่ได้ ใช้เวลาประมาณ20 นาทีก็จบ

รายการต่อไปคือตอบคำถาม ใครพูดอังกฤษก็ถามเองได้ ใครไม่ถนัดก็ผ่านล่ามคืออจ.เอกได้ ก็มีหลายคนถาม มีคนหนึ่งถามตอนต้นๆเกี่ยวกับน้ำที่ปล่อยออกมาอุณหภูมิเท่าใดและทำให้อุณหภูมิของน้ำในทะเลรอบๆนั้นเพิ่มขึ้นเท่าใด และทางรง.ได้มีการประเมินผลกระทบ ecological risk หรือไม่ เขาตอบมาไม่ตรง หรือเฉียดคำถามเลย คนถามเลยถามคำถามเดิมซ้ำ เขาก็ตอบไม่ตรงอีก คราวนี้เราเลยหันไปพูดกับคุณเจริญ (Admin. Level 9)ของกฟผ.ที่นั่งหลังเราว่าเขาตอบไม่ตรงคำถามเลย เป็นเพราะล่ามแปลไม่ตรง หรือเขาไม่เข้าใจหรือแกล้งไม่เข้าใจเพราะเป็นคำถามง่ายๆ ?? สุดท้ายไม่ได้คำตอบ จากนั้นมีคนถามคำถามอื่นๆตอบตรงบ้างอ้อมบ้าง ไม่ตอบหลบออกไปเลยก็มีเช่น มีคนถามให้เปรียบเทียบต้นทุนของการผลิตไฟฟ้าแต่ละชนิดโดยที่คนถามเป็นอจ.วิศวะ ม.อุบล ซึ่งมีความเข้าใจระบบค่อนข้างดีทีเดียว และถามเป็นอังกฤษตรงๆ รายการนี้ก็เฉี่ยวออกไป!อีกครั้ง แต่ถ้าเป็นเรื่องถามทั่วๆไปที่เป็น fact ที่เห็นๆอยู่ เขาก็ตอบปกติ เขาตอบได้ตรง.. เราจึงนั่งฟังและตั้งข้อสังเกตตลอดเวลาว่าหากจะถามคุ้มไหมที่จะถาม มีความจริงใจที่จะตอบไหมและเป็นตัววัดความจริงของโรงงานนิวเคลียร์ด้วย เพราะหากเป็นเรื่องที่ทำอะไรที่ถูกต้องก็เปิดเผยได้ ไม่ต้องปิดบังอะไร หากมีอะไรที่ไม่เคลียร์ ล่ะก็...มันน่าจะมีอะไรในกอไผ่ ??

ตลอดเวลาที่เขาตอบคำถามเราจึงนั่งวิเคราะห์ว่า มีปัญหาจากการแปลผ่านล่ามหรือไม่ ? เพราะล่ามถามเป็นจีน เราก็ไม่รู้ว่าถามตรงประเด็นครบไหม คนตอบเขาตอบตรงเป็นอังกฤษซึ่งเราก็ฟังรู้เรื่องแน่นอน หรือล่ามคนถาม ถามตรง แต่เขาแกล้งไม่รู้เรื่องจึงตั้งใจตอบเลี่ยง อันนี้เป็นเหตุที่เราจึงไม่ถามในห้องรวม(ทั้งๆที่คุณเจริญนั่งลุ้นบอกเราตลอดว่าให้ถามที อยู่หลายครั้งเพราะมีข้อมูลบางอย่างที่เราค้นมา และเราเอาให้คุณเจริญอ่าน ทำให้เขาสนใจ เช่น เราถามคุณเจริญว่าเคยรู้ไหมว่าที่นี่เคยมีการรั่วของสารกัมมันตรังสี คุณเจริญตอบว่าไม่ทราบ..อันนี้ไม่แปลกใจ เราจึงเอาข้อมูลที่ได้มาให้คุณเจริญอ่าน....แต่ผู้บริหารที่มาบรรยายคนนี้ควรจะทราบ)...แต่จะถามโดยตรงส่วนบุคคลหากมีโอกาส..เพื่อขอความแน่ใจว่าเขาไม่รู้หรือเขาปิดบัง.....ในที่สุดเมื่อเสร็จรายการตามกรอบเวลาที่วางไว้ก็เป็นการมอบของที่ระลึกตามธรรมเนียม...



แล้วจากนั้นก็เป็นรายการพาไปทัวร์ (A clean energy group) เพื่อดู model ของระบบการจัดการของเสีย และที่ทิ้ง เขามีอะไรให้ดูในลักษณะการเตรียมพร้อมสำหรับผู้มาเยี่ยมชมได้ตลอดเวลา ............... (ตอนต่อไป) เป็นเรื่องที่น่าสนใจเพราะการจัดการ waste เป็นหัวใจสำคัญที่ไม่มีใครอยากลงรายละเอียด เพราะส่วนมากไม่อยากลงทุนมากนัก เลี่ยงได้ก็เลี่ยงเหมือนการทิ้งน้ำเสียของรง.ในไทยนั่นล่ะ...แต่นี่กากกัมมันตภาพรังสี!!!!!!!!
 

วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2555

19 Dec: นิเวศวิทยาจุลินทรีย์ที่ไม่มีใครตรวจ

 
 

เช้าไปวัด เข้ามหาวิทยาลัย เจ้าหน้าที่คณะ รีบเรียกเราอย่างดีใจเพราะเธอส่งตำราเรื่องนิเวศวิทยาจุลินทรีย์ ของอจ.ดอกรัก มาให้เราพร้อมบอกว่าไม่มีใครตรวจให้ (กรรมการชุดนี้มี 3 คน รวมเรา 4 ) เราถามจนท.ว่าส่งให้อจ.ที่เรามอบหมายให้หรือเปล่า (เราเป็นประธานกรรมการของสาขาสวล.และชีววิทยา ในการตรวจตำรา ทั้งๆที่เป็นผศ.ทางเคมี หุหุ ) เลยถนัดหมด เอิงเอย !! ไม่รู้โชคดีหรือร้ายที่อ่านอะไรๆก็รู้เรื่องไปหมด ยกเว้นคณิตศาสตร์ ค่อนข้างปัญญาอ่อน ยิ่งคิดเงินยิ่งไม่เป็น ดีเลยไม่ต้องคิดอะไรมาก...

ในที่สุดเมื่อจนท.บอกว่าไม่มีใครรับตรวจด้วยเหตุผลต่างกัน ทั้งฟังขึ้นและไม่ฟังแล้วไม่จืดเลยโดนเฉพาะเหตุผลของนายประสงค์ ที่เรารู้ๆอยู่ อยากจะหัวเราะเมื่อได้ยินเหตุผลของคนๆนี้ แต่ขำไม่ออก...เลยรับมาตรวจเอง เพราะไม่งั้นไม่มีใครตรวจให้เขาในด่านแรก ทั้งๆที่งานของเรายังเพิ่งแก้ได้ 2 บท ขาดอีก 6 บท ช่วงนี้งานอื่นแทรกเวลาทำงานเลยหายไป 2 วันเต็มๆ  เพิ่งตรวจตำราเคมีของดร.รัตนาเสร็จนึกว่าจะได้แก้ของตัวเองต่อ ..เฮ้อ!!!พรุ่งนี้เลยตั้งใจลางานเพื่อมาตรวจงานให้อ.ดอกรัก เพราะวันนี้อ่านระหว่างนั่งรถได้ตั้ง 1 บท ยังแอบคิดว่าจะมีใครยอมลางานมาแก้หนังสือให้คนอื่น...หนอ..ไม่เป็นไร ทำดี ก็ดี แล้ว หุหุ ให้กำลังใจตัวเอง..

การตรวจแก้ตำราเป็นความเสี่ยง เคยได้รับบทเรียนที่งงมากจากที่นี่ เพราะเราตรวจแก้ผลงานขอผศ.ของอจ.คนหนึ่งเราตั้งใจอ่านมากตรวจแก้ให้ทุกคำอย่างละเอียด ตรวจสอบกระทั่งอ้างอิงที่เธอใช้อ้างทั้งหมดว่า link ได้ไหม กะว่าถ้าเธอแก้ตามที่เราแนะ เมื่อส่งออกไปตรวจโดยกรรมการนอกจะผ่านได้อย่างรวดเร็ว เพี่ยงแค่เราเสียเวลาแก้ข้างใน ปรากฎว่าเธอโกรธเรามาก คิดว่าเราแกล้งเธอที่ให้เธอต้องแก้มากมาย หลังจากนั้นเธอไม่พูดกับเราเกือบ 2 ปี เราเสียใจพอควรในครั้งนั้นเพราะไม่คิดว่าความตั้งใจจริงที่ช่วยแก้จนดึกดื่น ค้นเพิ่มให้ จะได้รับผลเช่นนั้น เรามารู้ภายหลังว่าเธอมีปฎิกิริยาที่ตอบสนองความตั้งใจดีของเราได้เแปลกมาก หลังจากนั้นไม่นานเธอได้ตำแหน่ง ผศ.มาเราไม่รู้ว่าเธอได้คิดหรือไม่ อย่างไร แต่หลังจากนั้นเธอก็พยายามทักทายเราเสมอจนปัจจุบัน

..แต่เนื่องจากเราค่อนข้าง hurt กับเรื่องครั้งนั้น หลังจากนั้นการตรวจตำราของเราก็เปลี่ยนไป เรามักจะเขียนสรุปกว้างๆแบบหลักการให้เขาไปแก้เอง..เช่นกรณีอจ.ดอกรักเราก็จะแนะกว้างๆให้เขียนภาษาไทยแล้ววงเล็บอย่าเขียนภาษาอังกฤษทับไป เช่น iron  ก็เขียนเลยว่า เหล็ก...รูปภาพเราก็บอกให้ไปตรวจลิขสิทธิ์ภาพเอง เพราะสมัยก่อนเราตรวจให้หมด.......วันเวลา ประสบการณ์ที่ถูกกระทำ ทำให้เราเปลี่ยนได้เช่นกัน .....การ จะบอกคนอื่นหรือแก้งานของคนอื่นได้เขาต้องปวารณาก่อน ลดego ลง ไม่งั้นเราไม่กลับไปตรวจเช่นนั้นอีก


สายรีบไปจัดหาอาหารมาถวายเพล มีพระที่กรอกคะแนน หลังจากที่เมื่อวานตรวจเสร็จสามหมื่นกว่าชุด วันนี้ชุดกรอกคะแนนใช้คอมพิวเตอร์ 10 กว่าตัว พระ 15 รูป โยม 10 คนช่วยกันตรวจทานด้วย มาช่วยจัดอาหาร มีพระนำอาหารมาช่วยเยอะแยะ ทั้งปู หอย มะพร้าว เย็นตาโฟ แกงเหลือง แกงส้ม ขนม เราจัดเสร็จ เก็บเคลียร์ให้โยมมากิน ก็กลับมาทานข้าวที่บ้าน เป็นห่วงเด็กๆเพราะเอาเจ้าหนูริต้า  ไว้กะศรีวัน ร็อตไวเลอร์  ไม่รู้เป็นไงบ้าง
...ถึงบ้านพบว่าเจ้าริต้าเล่นกับพี่ตัวใหญ่สนุกสนาน

วันอังคารที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2555

18 Dec: วันตรวจธรรมศึกษา

 
เช้าไปมหาวิทยาลัย กลับบ้านมาเตรียมเอกสารให้เพื่อนที่จะไปช่วยทำธุระให้ ไปวัดช่วยงานพระอาจารย์ วันนี้มีพระมาตรวจข้อสอบนักธรรม  100 รูป ระดมกำลังมาจากภาค 16 ชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานีเพราะข้อสอบเป็นหมื่นชุด ตรวจทั้งวัน

เลี้ยงเพลโดยโยมผู้มีจิตศรัทธาสนับสนุนให้ท่านทำกิจด้วยความราบรื่น และฉันเสร็จท่านให้พรพร้อมกัน 100 รูปวันนี้เลยรับพรเต็มกำลัง ใครเข้ามาอ่านก็ร่วมอนุโมทนาด้วยกันค่ะ

 
 
 
 
สาธุ

วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555

17 Dec: ริต้า

 

 
 

เช้าไปวัด วันนี้ไปมหาวิทยาลัยพร้อม 3 นัดลืม 1 นัดแต่จนท.ตามเพราะสำคัญ ไม่งั้นคณบดีไปไหนไม่ได้เพราะเรายังไม่เซ็นต์ หุหุ คุยกะปู่สมพร ไปตึกภาษาตปท.เจอ Cliff เขาถามว่าเรามาหาเขาหรือ เราบอก  No มาหาเพื่อน เอาเอกสารให้

เอาตำราเคมีที่ตรวจเสร็จไปส่งให้หนูนา

เย็นไปช่วยงานพระอาจารย์พรุ่งนี้มีตรวจข้อสอบธรรมศึกษา ที่วัดมีพระมาช่วยงาน 100 รูป เลยไปจัดเอกสารให้

เอาริต้าไปฉีดยา หมอบอกว่าเป็นพันธุ์ผสม เหมือนชาบู อายุแค่เดือนเศษ กีนะกี คงถูกลูกน้องหลอกเลยบอกข้อมูลเราผิดหมด เราไม่มีปัญหา หากหมาส่งถึงมือเราไม่ว่าจะโดยตัวคนเอามาให้ไปขอมาแล้วไม่อยากเลี้ยงหรือโดยเจตนาใด เราก็รับเลี้ยงเพราะถือว่าคงมีบุญที่เคยทำกันเลยมาเจอในภพชาตินี้


ริต้ากะซันวา    ริต้าในตะกร้า

ศึกษาดูงานด้านพลังงานที่จีนและฮ่องกง 3

วันเดินทางวันแรกในจีน

เช้าวันที่ 3 พวกเราก็ทานอาหารเช้า มารอรถที่จะพาไปสนามบินสุวรรณภูมิ โรงแรมมีรถ 3 คันแต่คนขับ 2 คน กลางวันจะมีคนเดียว เลยต้องรอกันแต่โรงแรมทองทาไม่ไกลจากสนามบินประมาณ 15 นาที ถ้ารถไม่ติด มาเห็นหน้าตาของผู้ร่วมเดินทางครบก็ตอนนี้ล่ะ สรุปไม่รู้จักใครเพิ่ม นอกจากที่มาในจังหวัดเดียวกันโดยที่บังเอิญเขารู้จักเราเพราะม่าม้าไปบริจาคตั้งกองทุนการศึกษาให้ที่นั่น ส่วนอีกคนรู้จักกันตั้งแต่เด็กเป็นรุ่นพี่แต่ไม่เคยรู้ชื่อจริง เห็นหน้าก็จำกันได้เพราะไม่แก่มาก หุหุคนอื่นๆก็เพิ่งมาเห็นหน้า เราเลยเป็นอิสระในการเดินทางในแบบที่ชอบ เครื่องบินออกเดินทางประมาณ  10.00 น ถึงกวางเจา 13.35 น เวลาที่นั่นเร็วกว่าไทย 1 ชม. ถึงสนามบิน Guang Zhou อยู่นอกเมือง เครื่องการบินไทยลงตามเวลา แต่รอตรวจนานมาก เพราะมีบางกลุ่มถูกไนจีเรียแซงคิวเกือบยี่สิบคนกรูเข้ามาในแถวโดยที่จนท.จีนทำอะไรไม่ได้ (คงไม่อยากทำอะไรมากกว่า ไม่น่าเชื่อ)


สนามบิน Guang Zhou 
 
ครบแล้วก็ลากกระเป๋าเดินไปเกือบครึ่งกิโลเมตรขึ้นลงสะพานลอยข้ามไปที่หน้าโรงแรมที่เห็นในรูปข้างล่าง (Pulman hotel) แยกเป็น 2 bus เราขึ้น bus 1 ตามสีของบัตรที่ทัวร์ติดให้ไว้แล้วตั้งแต่สนามบิน สีชมพู กับสีส้ม (bus 2) ก็นั่งคันละ 24-26 คน สบายหลวมๆ เรานั่งคนเดียวด้านหลังเกือบท้ายสุด แต่ตอนหลังก็นั่งท้ายสุด เพราะสามารถนั่งตรงกลางทางเห็นหน้ารถชัด เห็นซ้ายขวาเคลื่อนตัวไปถ่ายรูปได้สะดวก แถมหากไม่ทันยังหันหลังถ่ายจากท้ายรถได้อีก อุณหภูมิ 15-20 C guide จีนของรถเราซื่อ Lena  น่ารักดี เธอพูดไทยได้ดีทีเดียว เธอบอกว่าเธอเรียนจากอาจารย์ไทยชื่อสมศรี (ไม่ได้บอกนามสกุล แต่ที่ดีคือเธอมีครู และรู้จักการกล่าวชื่อครู)  เธอเป็นคนตัวเล็กๆ อายุ 34 ปี เป็นคนที่นั่นคือเสิ่นเจิ้น เธอมีประสบการณ์มาก เล่าเรื่องที่น่าสนใจที่ไม่มีในหนังสือให้ฟัง รู้จักการออกตัวในหลายเรื่อง จะบันทึกไว้อ่านด้วยเพราะชอบ ระหว่างเดินทางหลายคนหลับคงเหนื่อย บางช่วงเธอเลยหยุดเล่าบอกว่าให้นอนกันก่อน เราก็มองดูข้างทาง ไม่เคยหลับในระหว่างเดินทางเลย (ไม่ว่าที่ไหน เราเป็นเช่นนี้เสมอ จากภาคใต้ถึงภาคเหนือ หากอยู่บนรถจะไม่หลับเลย เพราะการดู สิ่งที่ผ่านตาไปคือกำไรชีวิต เพราะเราอาจไม่ได้กลับไปหรือผ่านจุดนั้นอีก) ...

วันแรกนี้เป็นการเดินทางจริงๆเพราะจากสนามบินไปยังเสิ่นเจิ้น 3 ชั่วโมงเราจะเข้าพักในโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ เขามีหอพักอย่างดีเป็นที่สำหรับคล้ายๆให้อาจารย์หรือ ? มาพักอยู่ได้นานๆ ฟังไม่ชัดเจนเพราะนี่ Lena เป็นคนบอก และบอกหลายครั้งว่า เข้าไปแล้วออกไม่ได้เพราะอยู่ห่างไกลชุมชนไม่มีรถผ่าน ดังนั้นหากใครจะซื้อของกินอะไรเผื่อตอนค่ำหิวก็ให้ซื้อไว้ จะแวะที่ supermaket ระหว่างทางให้..ทำเอาเราจินตนาการซะน่ากลัวเลย โดยเฉพาะที่พักที่เราแอบหวั่นๆใจว่าจะไม่สะอาดแบบของจีนโบราณที่เคยได้ยิน แต่เธอก็พูดว่าที่พักนี้สบายมาก เราก็เบาใจ แต่ไม่คิดอะไรมากเพราะตั้งใจตั้งแต่ก่อนมาแล้วว่าอะไรๆก็ต้องรับได้และอดทนเพราะเรามาเรียนรู้เพื่อเป้าประสงค์ของงาน และประโยชน์ส่วนรวม ตั้งใจแล้วหากจะมีลำบากเล็กน้อยต้องทน

นั่งรถผ่านอุโมงค์ที่ทะลุเขา Lena ก็เล่าเรื่องของท่านเหมาเจ๋อตง และท่านเติ้งเสี่ยวเผิงที่มีรูปแบบการพัฒนาประเทศที่ต่างกัน แต่เราฟังแล้วก็ชื่นชมทั้งสองท่านไม่ว่าดีหรือไม่ดีท่านก็ทำเพื่อชาติของตน มีความคิดแตกต่าง แต่ผลที่ทำก็ทำให้จีนยิ่งใหญ่ได้จนปัจจุบัน ไม่ทำให้คนในชาติแตกแยกสามัคคี ผิดเป็นถูก ชั่วดีไม่มี แม้ว่าหลายเรื่องยังคงเป็นปัญหาต่อเนื่อง แต่ความมีกฎระเบียบที่เข้มงวดในหลายเรื่องก็ทำให้ประชาชนอยู่ในกรอบ อาจอึดอัด แต่ไม่ทำให้"ความเป็นจีน"ล่มจม ท่านเหมาสั่งเจาะอุโมงค์ทะลุภูเขา ไม่ย้ายเขาหรืออ้อมเขา ไม่ทำวันนี้วันหน้าก็ต้องทำ

16.27 น. ถึง Shabu  แวะให้เข้าห้องน้ำ ตอนแรกไม่กล้าเข้าเพราะ Lena เล่าไว้น่ากลัว แต่รอถามคนที่เข้าแล้วเขาบอก Ok เลยลองไปแวะดู (รูป)

  ห้องน้ำ

18.13 น แวะห้องน้ำอีกครั้ง เราไม่ลง
จากนั้นพาไปทานอาหารจีนมือแรก อาหารเยอะมาก (รูป)

 
ลองซื้อไอติมก็แปลกดี คำแรกๆไม่ชอบ พอเกือบหมดก็ Ok
 
 
 
เป๋าฮื้อแบบติดกับเปลือก สดมากครั้งแรกที่ทาน (เชยยยย) หุหุ
 
 
กุ้งลอบสเตอร์
 
มีหอยหลายแบบที่มาให้กิน นี่เป็นสองแบบที่แปลกดี  ต้องเอาไม้จิ้มฟันจิ้มลงไปดึงขึ้นมา
 
ดูเหมือนยำวุ้นเส้นหอยนะ แต่กินจริงก็จืดๆ เลยไม่ไช่ยำ

20.25 น กินเสร็จ เดินทางต่อ แวะร้านขายของ บอกว่าให้ซื้อของที่ต้องการเพราะจากนี้ไม่แวะแล้ว เราลงไปดูร้านชาวบ้านว่าขายอะไรบ้าง ก็ซื้อถั่วลิสงอบ 5 y ให้ตักเองใส่ถุงชั่งน้ำหนัก ซื้อลูกพลัม 4 ลูก 5 y แล้วเดินทางต่อ

ร้านเล็กๆของชาวบ้าน อาม่าคงงงๆ คนลงไปทำไมเยอะแยะตอนค่ำแล้ว

 20.50น ถึง Expat village รถจอดที่ main building รอ lena ไปจัดการกุญแจ ประมาณ 15 นาที เข้าที่พัก ห้องพักสบายจริงๆ เป็นแบบหอพักในมหาวิทยาลัย แบบเฟลต มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำใน 1 ห้องมีห้องรับแขกที่กว้าง เราพักกับ 2   ladies จากตราดเป็นผอ.รร และครู ไม่ได้คุยอะไรกันเพราะทุกคนเหนื่อย เพียงแต่เราช่วยผอ.จัดการเรื่องต่อ internet ใช้ แล้วเราก็ทำงานต่อเล็กน้อยก็เข้านอนเตรียมเดินทางไปดูโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ไฝ่ฝัน

ห้องรับแขกในห้องพัก

 
ห้องนอน
 
 
ชุดของใช้ในห้องน้ำทำได้สวยกว่าในโรงแรมมืออาชีพหลายๆแห่งเสียอีก
 
ขำกับเครื่องทำน้ำอุ่นในห้องน้ำที่มีหม้อต้มใหญ่จัง อาบไกล้ๆก็กลัวๆนะ
 
 
ข้างหัวเตียงมีแผ่นป้ายกระดาษบอกลักษณะอากาศ คิดว่าแม่บ้านคงมาเป็นคนหมุนให้เพื่อจะได้เตรียมตัว
 
นี่เป็นหนึ่งในหอพักหลายชุด เนาพักที่ อาคาร Gardenia ที่เห็นก็เป็นชื่อดอกไม้ต่างๆ