เช้าวันที่ 3 พวกเราก็ทานอาหารเช้า มารอรถที่จะพาไปสนามบินสุวรรณภูมิ โรงแรมมีรถ 3 คันแต่คนขับ 2 คน กลางวันจะมีคนเดียว เลยต้องรอกันแต่โรงแรมทองทาไม่ไกลจากสนามบินประมาณ 15 นาที ถ้ารถไม่ติด มาเห็นหน้าตาของผู้ร่วมเดินทางครบก็ตอนนี้ล่ะ สรุปไม่รู้จักใครเพิ่ม นอกจากที่มาในจังหวัดเดียวกันโดยที่บังเอิญเขารู้จักเราเพราะม่าม้าไปบริจาคตั้งกองทุนการศึกษาให้ที่นั่น ส่วนอีกคนรู้จักกันตั้งแต่เด็กเป็นรุ่นพี่แต่ไม่เคยรู้ชื่อจริง เห็นหน้าก็จำกันได้เพราะไม่แก่มาก หุหุคนอื่นๆก็เพิ่งมาเห็นหน้า เราเลยเป็นอิสระในการเดินทางในแบบที่ชอบ เครื่องบินออกเดินทางประมาณ 10.00 น ถึงกวางเจา 13.35 น เวลาที่นั่นเร็วกว่าไทย 1 ชม. ถึงสนามบิน Guang Zhou อยู่นอกเมือง เครื่องการบินไทยลงตามเวลา แต่รอตรวจนานมาก เพราะมีบางกลุ่มถูกไนจีเรียแซงคิวเกือบยี่สิบคนกรูเข้ามาในแถวโดยที่จนท.จีนทำอะไรไม่ได้ (คงไม่อยากทำอะไรมากกว่า ไม่น่าเชื่อ)
สนามบิน Guang Zhou
วันแรกนี้เป็นการเดินทางจริงๆเพราะจากสนามบินไปยังเสิ่นเจิ้น 3 ชั่วโมงเราจะเข้าพักในโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ เขามีหอพักอย่างดีเป็นที่สำหรับคล้ายๆให้อาจารย์หรือ ? มาพักอยู่ได้นานๆ ฟังไม่ชัดเจนเพราะนี่ Lena เป็นคนบอก และบอกหลายครั้งว่า เข้าไปแล้วออกไม่ได้เพราะอยู่ห่างไกลชุมชนไม่มีรถผ่าน ดังนั้นหากใครจะซื้อของกินอะไรเผื่อตอนค่ำหิวก็ให้ซื้อไว้ จะแวะที่ supermaket ระหว่างทางให้..ทำเอาเราจินตนาการซะน่ากลัวเลย โดยเฉพาะที่พักที่เราแอบหวั่นๆใจว่าจะไม่สะอาดแบบของจีนโบราณที่เคยได้ยิน แต่เธอก็พูดว่าที่พักนี้สบายมาก เราก็เบาใจ แต่ไม่คิดอะไรมากเพราะตั้งใจตั้งแต่ก่อนมาแล้วว่าอะไรๆก็ต้องรับได้และอดทนเพราะเรามาเรียนรู้เพื่อเป้าประสงค์ของงาน และประโยชน์ส่วนรวม ตั้งใจแล้วหากจะมีลำบากเล็กน้อยต้องทน
นั่งรถผ่านอุโมงค์ที่ทะลุเขา Lena ก็เล่าเรื่องของท่านเหมาเจ๋อตง และท่านเติ้งเสี่ยวเผิงที่มีรูปแบบการพัฒนาประเทศที่ต่างกัน แต่เราฟังแล้วก็ชื่นชมทั้งสองท่านไม่ว่าดีหรือไม่ดีท่านก็ทำเพื่อชาติของตน มีความคิดแตกต่าง แต่ผลที่ทำก็ทำให้จีนยิ่งใหญ่ได้จนปัจจุบัน ไม่ทำให้คนในชาติแตกแยกสามัคคี ผิดเป็นถูก ชั่วดีไม่มี แม้ว่าหลายเรื่องยังคงเป็นปัญหาต่อเนื่อง แต่ความมีกฎระเบียบที่เข้มงวดในหลายเรื่องก็ทำให้ประชาชนอยู่ในกรอบ อาจอึดอัด แต่ไม่ทำให้"ความเป็นจีน"ล่มจม ท่านเหมาสั่งเจาะอุโมงค์ทะลุภูเขา ไม่ย้ายเขาหรืออ้อมเขา ไม่ทำวันนี้วันหน้าก็ต้องทำ
16.27 น. ถึง Shabu แวะให้เข้าห้องน้ำ ตอนแรกไม่กล้าเข้าเพราะ Lena เล่าไว้น่ากลัว แต่รอถามคนที่เข้าแล้วเขาบอก Ok เลยลองไปแวะดู (รูป)
ห้องน้ำ
18.13 น แวะห้องน้ำอีกครั้ง เราไม่ลง
จากนั้นพาไปทานอาหารจีนมือแรก อาหารเยอะมาก (รูป)
ลองซื้อไอติมก็แปลกดี คำแรกๆไม่ชอบ พอเกือบหมดก็ Ok
เป๋าฮื้อแบบติดกับเปลือก สดมากครั้งแรกที่ทาน (เชยยยย) หุหุ
กุ้งลอบสเตอร์
มีหอยหลายแบบที่มาให้กิน นี่เป็นสองแบบที่แปลกดี ต้องเอาไม้จิ้มฟันจิ้มลงไปดึงขึ้นมา
ดูเหมือนยำวุ้นเส้นหอยนะ แต่กินจริงก็จืดๆ เลยไม่ไช่ยำ
20.25 น กินเสร็จ เดินทางต่อ แวะร้านขายของ บอกว่าให้ซื้อของที่ต้องการเพราะจากนี้ไม่แวะแล้ว เราลงไปดูร้านชาวบ้านว่าขายอะไรบ้าง ก็ซื้อถั่วลิสงอบ 5 y ให้ตักเองใส่ถุงชั่งน้ำหนัก ซื้อลูกพลัม 4 ลูก 5 y แล้วเดินทางต่อ
ร้านเล็กๆของชาวบ้าน อาม่าคงงงๆ คนลงไปทำไมเยอะแยะตอนค่ำแล้ว
20.50น ถึง Expat village รถจอดที่ main building รอ lena ไปจัดการกุญแจ ประมาณ 15 นาที เข้าที่พัก ห้องพักสบายจริงๆ เป็นแบบหอพักในมหาวิทยาลัย แบบเฟลต มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำใน 1 ห้องมีห้องรับแขกที่กว้าง เราพักกับ 2 ladies จากตราดเป็นผอ.รร และครู ไม่ได้คุยอะไรกันเพราะทุกคนเหนื่อย เพียงแต่เราช่วยผอ.จัดการเรื่องต่อ internet ใช้ แล้วเราก็ทำงานต่อเล็กน้อยก็เข้านอนเตรียมเดินทางไปดูโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ไฝ่ฝัน
ห้องรับแขกในห้องพัก
ห้องนอน
ชุดของใช้ในห้องน้ำทำได้สวยกว่าในโรงแรมมืออาชีพหลายๆแห่งเสียอีก
ขำกับเครื่องทำน้ำอุ่นในห้องน้ำที่มีหม้อต้มใหญ่จัง อาบไกล้ๆก็กลัวๆนะ
ข้างหัวเตียงมีแผ่นป้ายกระดาษบอกลักษณะอากาศ คิดว่าแม่บ้านคงมาเป็นคนหมุนให้เพื่อจะได้เตรียมตัว
นี่เป็นหนึ่งในหอพักหลายชุด เนาพักที่ อาคาร Gardenia ที่เห็นก็เป็นชื่อดอกไม้ต่างๆ