วันพุธที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2556

15 Jan: วิบากกรรม



 
เช้าไปวัด วันนี้มีการเสนอโครงร่างวิจัย แต่ไม่อยากเข้าหัวข้อแรก เพราะผิดมากเกินแก้ หากแก้อจ.เขาจะมีปัญหาอีก เลยไม่รับรู้เป็นทางออกที่ดีที่สุด ให้กับคนที่เปิดใจรับและ
ต้องการรับเป็นดี หาไม่แล้ว ego โมโหโกรธาจะตามมา ไม่มีประโยชน์ ตอนนี้เลือกที่จะให้แล้วไม่แผ่เมตตาไปทั่ว เพราะบางทีเขาอยู่ภพที่รับไม่ได้ ไช่ไหมเอ่ยสริตา หุหุ

วันนี้ได้เงินคืนจากน้องที่ยืมฉุกเฉิน แวะไปคุยกับเพื่อนเอาเรื่องเอกสารเรียกตัวที่เพิ่งได้รับไปให้พวกเขาดูกัน เล่าเรื่องเป็นที่สนุกสนาน บางคนเสนอหัวข้อที่น่าหวาดเสียว ไรท์เกริ่นให้คนอื่นฟังว่าดูอจ.ไม่มีอาการเดือดร้อนอะไรเลย เราตอบว่าก็ไม่ได้ทำชั่วจะไปกลัวอะไร สิ่งนั้นไม่เคยมีก็ไม่มี หากมันจะมี ก็ไม่ไช่เพราะเราทำ คนชั่วๆมันทำ เราจึงไม่ต้องเดือดร้อน  คนทำชั่วมันเดือดร้อนเอง อย่างน้อยที่เห็นมันต้องเสียเวลาแต่งเรื่องก่ออกุศลกรรมส่งสะสมให้ลูกแดนไกล้ไกลตั้งเท่าใดแล้ว วันหนึ่งเมื่อกรรมจัดสรรลงตัวลูกเขาก็ได้รับสิ่งที่พ่อแม่เขาทำโดยแท้ ไม่นานหรอก คนขวางทางบุญ เราหมั่นอุทิศบุญแผ่เมตตาให้เขาเป็นสุขไปเรื่อยๆ เขาสร้างอกุศลกรรม เราก็อย่าไปทำ เขาก็ร้อนเอง แค่นี้ก็น่าสงสารเขามากแล้วที่วันๆต้องนั่งสะสมเคราะห์กรรมให้ลูกเขาเอง

คืนนี้เพื่อนรุ่นพี่โทรมาคุยยาวเราก็เลยเรื่องรสชาติชีวิตที่ได้เจอให้ฟัง พี่เขาขื่นชมที่เราอยู่อย่างปกติมากเราบอกว่า เพราะไม่คิดชั่วและทำเรื่องชั่ว เราก็เบาสบาย น่าสงสารก็แต่เขาคนสร้างเรื่องเอาไฟเผาตัวทุกวัน มันเป็นวิบากกรรม เมื่อเขาเข้าใจเขาจะพ้นทุกข์เอง

วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2556

14 Jan: มารผจญอีก



ภาพนรกภูมิอยู่หลังประธาน หมายความว่า จงหันหลังให้สิ่ง ชั่วร้ายทั้งปวง
ภาพมารผจญอยู่ผนังด้านหน้าหมายความว่า จงเอาชนะอุปสรรคขวางกั้นให้ได้

เช้านี้ริตาเป็นปกติดี โล่งใจเพราะเมื่อคืนก็กลัวลึกๆว่าเขาอาจจะถูกอะไรกัด เพราะเราได้ยินแต่เสียงหมาๆดังก่อนริต้าร้อง ตอนนี้เลยต้องระวังเต้มากขึ้น

ฟังข่าวกรณีการข่มขืนที่เกิดกับผู้โดยสารหญิงบนรถเมล์ในอินเดีย วันนี้อีกรายแล้วทั้งๆที่ข่าวดังข่มขืนนศ.แพทย์บนรถเมล์ไม่เกินสองสัปดาห์ก่อน โดยคนที่กระทำผิดเป็นคนขับรถและกระเป๋ารถเมล์ แล้วก็เหมือนทุกเรื่องคือตามจับผู้ร้าย ปิดหน้าผู้ร้ายทะนุถนอมกลัวเขาถูกประจาน แล้วนึกถึงตอนที่เคยไปบรรยายงานวิจัยที่อินเดียหลายปีก่อ่นที่มีงานเลี้ยงรับรองตอนเย็นจนค่ำ มีรถบัสบริการรับส่งคล้ายรถเมล์ โดยเขาประกาศเส้นทางไหนขึ้นคันไหนเราจดจำเรียบร้อย พอชึ้นรถก็มีคนลงเรื่อยๆเพราะมีทั้งคนอินเดียและพวกเราต่างชาติ โชคร้ายที่เหลือเราต่างชาติ 2 คน (มารู้ทีหลัง) พอเขาเข้าเขตเมืองเราก็เริ่มจำทางได้เพราะตอนลงจากสนามบินจำจุดเด่นบางอย่างไว้ ก็ตะโกนบอกเด็กกระเป๋ารถเมล์ว่าเราจะลงที่ไหนถึง 2 ครั้ง หลังจากนั้นอีก 2-3 ครั้งแต่ไม่เอะใจว่าเขาฟังไม่รู้เรื่องเพราะเขาพยักหน้ารับรู้ แต่สุดท้ายเขาพาออกนอกเส้นทางที่เราเริ่มงง ในที่สุดคนลงหมดเหลือ 3 คนเรา  2 คนและอีกคนเป็นใครก็ไม่รู้ และรถพาเข้าไปจอดในที่แปลกๆคล้ายๆหอพักที่เงียบมาก คนสุดท้ายลงคงพักที่นั่น เรายังไม่คิดกลัวแต่กังวลเพราะดึกมากแล้ว ในที่สุดบอกคนโดยสารนั้นว่าเราพักในเมืองพยายามพูดให้เขาช่วยบอกคนขับรถบัส และเราบอกเขาว่าเราตะโกนหลายครั้งแล้วและกระเป๋ารถพยักหน้า เขาก็หงุดหงิดว่าในเมืองไกลจากที่นี่มาก ไม่มีรถออกไปแล้ว เราก็เริ่มกลัวว่าแล้วจะนอนไหนเบอร์โทรโรงแรมมีแต่ใครจะมารับเราและ...ในที่สุดคนโดยสารเขาไปพูดกับใครคนหนึ่งคนๆนั้นออกมาพูดกับคนขับ คนขับเลยยอมไปส่งในเมืองห่างออกไปเกินครึ่งชั่วโมง เราจำได้ถึงที่พักเกือบเที่ยงคืนเพราะเขาส่งแค่ถนน ขอบๆเมืองแต่เราจำทางได้ เลยลงเดินอีกเกือบครึ่งชั่วโมง เป็นอะไรที่จดจำเข็ดไปนาน และนึกย้อนเรื่องนี้กับสิ่งที่เกิดขึ้นที่อินเดียนับว่าตอนนั้นเราโชคดีมากที่เขายังไม่คิดร้าย...

ดูข่าวแข่งรถไม้โบราณของชาวเขาเผ่าม้งแข่งแบบนักแข่งมืออาชีพของเผ่าม้งบนดอยอินทนนท์ที่เขาทำกันเองแล้วน่ารักมาก ดูบริสุทธิ์ดี แต่ขาดการสนับสนุนหลัก เราอยากให้หน่วยงานรัฐ เอกชน ที่มีกำลัง ซึ่งมีมากมายที่สปอนเซอร์การประกวดนางงาม นักร้อง เรื่องดังๆที่ให้ผลตอบแทนทางธุรกิจ หันมาสนับสนุนเรื่องที่ไม่ให้ผลตอบแทนตรงต่อท่านมากนัก แต่ช่วยส่งเสริมให้กำลังใจชาวบ้านชาวเขาน่ารักๆ เขาไม่ต้องการอะไรมากเท่าคนเมือง แต่เชื่อเถอะสิ่งที่ต้องการเหมือนกันทุกผู้เหล่าคือ ต้องการการสนับสนุนและกำลังใจ)

วันนี้ได้ข่าวการลาออกของ........เพื่อ.....ก็เศร้าใจ อำนาจ เงิน เกียรติ (ปลอม) ย่อมไม่เข้าใครออกใครจริงๆ ย่อมต้องมีในปุถุชน แต่เราไม่ไช่เขา ทุกชีวิตมี internal willing ที่ต่างกันแต่บางครั้งเรารู้สึกเสียดายที่บางคนมีโอกาสที่ดี ในการทำสิ่งดีๆ แต่สุดท้ายแพ้อำนาจเงิน เกียรติชื่อเสียงต้องลงมาคลุก...so sad!!

เราเองวันนี้มีข่าวมารผจญจากนอกมหาลัย แต่โชคดีที่มีเกราะหลายด่านป้องกันให้ เราเห็นอานุภาพแห่งกรรมดีที่ช่วยเมื่อถึงเวลาเสมอ เราช่วยคนอื่นขณะที่เขาเดือดร้อนเสมอ วันนี้เมื่อมารสริตามาผจญ ทุกคนรับรู้ไม่ตระหนก เหตุเพราะทุกคนเชื่อมั่นสิ่งหนึ่งในเราเสมอมาคือ รักษาคำพูด ตรงไปตรงมา ไม่ทำเรื่องชั่วทุกชนิดไม่ว่ามากหรือน้อย ที่สำคัญเหนืออื่นใดที่เราสอนทุกคนเสมอมาคือให้เชื่อมั่นในความดี หากเราไม่เคยทำเรื่องชั่วไว้ไม่ต้องกลัวสิ่งใด ไม่มีใครทำให้เราชั่วได้ นอกจากผู้นั้นมันทำชั่วเอง!! วันนี้กุศลกรรมนั้นส่งผลงอกงามให้เราเห็นหลายดอกผลเลยทีเดียวอย่างไม่น่าเชื่อ ขอบคุณกุศลกรรม ความดีไม่มีวันพ่ายแพ้ และคนดีไม่ทุกข์ (แต่รำคาญ หุหุ  วันนี้มีหลายคนที่รู้เรื่องรำคาญแทน ถามเราเมื่อไหร่ลุย เราบอกว่ากรรมชั่วที่เขาทำจะจัดสรรทุกอย่างให้ลูกเขาเอง เหมือนที่แม่เขาทำกับแม่คนอื่น เราไม่ต้องไปส่งกรรมให้เขาหรอก)

เย็นเอาขนมและเงินไปให้ต๋อมเอาไปจัดงานปีใหม่ให้คนไข้ทางระบบประสาทที่โรงพยาบาล

วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

13 Jan: เด็กไม่มีหน้าที่นำพาไทยสู่อาเซียน



เช้านี้ทอดสารพัดติ๋มซำ เปาะเปี๊ยะ ถุงทอง เกี๊ยวซ่า ไข่ดาว  เที่ยงก็ทำหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์อบชีส ทาเนยกระเทียมกับข้าวโพดอบชีส สปาเก็ตตี้ อร่อยอ้วนไปเลย  หุหุ

วันนี้เขียน "ให้ไปแล้วไม่ต้องไปยึดติด"
http://meecorner2.blogspot.com/2013/01/blog-post_13.html

บ่ายไปซื้อขนมเบเกอรี่มากมายมาเก็บไว้กินกันผอม แล้วเลยไปสนามบินรับพระอาจารย์ไปงานที่วัดประยูรฯ  ค่ำนี้ link ไปงานศพย่าท่านทิมอายุ 99 ปี

ค่ำนี้สงสัยว่าเต้เหง็บๆริต้า ร้องลั่นป่าเลย เราลงมาไม่ทันได้ยินเสียงคล้ายเต้เห่าแต่จับไม่ได้คาหนังคาเขา ที่แน่ๆริต้าเลือดเต็มคาง เรารีบเอาน้ำเกลือล้าง ไฮโปล้าง เช็ดตามด้วย Alc . เสร็จมองหาแผลไม่มี งงๆ  เลยพยายามคุ้ยขนรอบๆปากเห็นคล้ายๆเป็นแบบเส้นแมวข่วนนิดเดียว แต่ทำไมเลือดออกมากจัง ให้กินยาแก้ปวดน้ำของหมา ตอนนี้วิ่งเล่นเป็นปกติ แถมเจอเต้ยังวิ่งเข้าหาอีกไม่เข็ด

วันนี้อ่านเรื่องที่อ.สมเกียรติ อ่อนวิมลเขียน เรื่อง เด็กไม่มีหน้าที่นำพาไทยสู่อาเซียน อ่านแล้วโดนใจจริงๆ จะเอาไปใช้ต่อ เอามาลงไว้ในนี้เต็มๆ ใครไม่เห็นด้วยอย่างไรก็ลองอ่านแล้วคิดกันอย่างเป็นกลางไม่ต้องไปสนใจว่าฝ่ายใด เอาความจริงเป็นหลักเพราะเราต้องให้ความคิดที่ถูกต้องกับคนรุ่นหลัง จำเป็นจริงๆ

*************************************
 
เด็กไม่มีหน้าที่นำพาไทยสู่อาเซียน

คำขวัญวันเด็กปี 2556 ปีนี้คือ “รักษาวินัย ใฝ่เรียนรู้ เพิ่มพูนปัญญา นำพาไทยสู่อาเซียน”

“รักษาวินัย” แปลว่า มีวินัยแล้วพึงรักษาเอาไว้อย่าให้เสื่อมถอย

“ใฝ่เรียนรู้” เป็นวลีที่หวังจะให้เด็ก ใส่ใจในการศึกษาหาความรู้

“เพิ่มพูนปัญญา”สะท้อนว่าควรเกิดความคิดอันเป็นผลพวงของการ “ใฝ่เรียนรู้” ถือเป็นเรื่องต่อเนื่องกัน

“นำพาไทยสู่อาเซียน” วลีสุดท้าย เป็นส่วนของคำขวัญที่ไม่เกี่ยวกับเด็กมากที่สุด

หรือถ้าจะบอกว่า “การรักษาวินัย...การใฝ่เรียนรู้...และ...การเพิ่มพูนปัญญา” จะเป็นการ “นำพาไทยไปสู่อาเซียน” ก็ไม่ถูกต้อง เพราะ:
  1. แผนการสร้างประชาคมอาเซียนนั้นไม่ได้มีเรื่องรักษาวินัย ไม่มีเรื่องการใฝ่เรียนรู้ ไม่มีเรื่องเพิ่มพูนปัญญา
  2. และหากจะมีการนำพาประเทศไทยไปสู่(ประชาคม)อาเซียน ตามคำขวัญ ก็ไม่ใช่หน้าที่ของเด็กซึ่งยังไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับอาเซียนกันถึงขนาดจะเป็นผู้นำประเทศไทยไปสู่อาเซียนได้
  3. การพูดว่านำไทยไป “สู่อาเซียน” ก็พูดผิด เพราะอาเซียนไม่ได้อยู่ข้างหน้ารอให้เราเดินทางไปหา อาเซียนคือประชาคมของ 10 ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงซึ่งเกิดเป็นประชาคมมา 45 ปีเศษแล้ว และเราก็เข้าอยู่ในประชาคมนี้มา 45 แล้ว คำขวัญนี้ผิดในเรื่องที่จะพาประเทศหรือใครๆไป “สู่” อาเซียนที่ไหน เพราะเราอยู่ในประชาคมอาเซียนอยู่แล้ว และอยู่มานานแล้ว
หากเด็กๆเชื่อคำขวัญของรัฐบาลเด็กๆก็จะได้ความรู้และความรู้สึกที่ผิดติดตัวไปจนโต

เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะนำพาพลเมืองไทยให้พัฒนาเพื่อการดำรงอยู่ในประชาคมอาเซียนอย่างเข้มแข็ง มีคุณภาพและประสิทธิภาพ ไม่ใช่หน้าที่ของเด็กที่จะนำพาประเทศไปหาอาเซียนที่ไหน

เฉพาะเรื่องเด็กกับอาเซียนนั้น หากรัฐบาลปัจจุบันจะใส่ใจเรื่องอาเซียนจริงจังบ้างก็จะรู้ว่ารัฐบาลนั้นยังไม่ได้ทำเรื่องการส่งเสริมการตระหนักรู้เรื่องอาเซียนในหมู่เยาวชนอย่างจริงจัง รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรในเรื่องการเตรียมพร้อมเยาวชนไทยให้สามารถแข่งขันกับเยาวชนชาติอื่นในอาเซียนได้อย่างเป็นระบบเลย

ในเรื่องการศึกษา อาเซียนมีความตกลงร่วมกันไว้หลายเรื่องที่เป็นหัวใจสำคัญ:
  1. อาเซียนกำหนดให้การศึกษาอย่างมีคุณภาพกระจายทั่วถึงเด็กทุกคน ทุกความแตกต่าง แต่การศึกษาของเด็กไทยยังมิได้มาตรฐานเท่าเทียมทั่วถึงกันทั้งประเทศทุกโรงเรียน ไม่มีคำประกาศจากรัฐบาลเลยว่าจะทำเรื่องนี้เมื่อไร? หรือไม่? อย่างไร?
  2. อาเซียนมีความตกลงให้ทุกโรงเรียนเข้าถึงเทคโนโลยีการศึกษาโดยเฉพาะให้เด็กทุกคนทุกชั้นปีทุกโรงเรียนทุกประเทศได้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเสมอเหมือนเท่าเทียมกัน ใก้เด็กได้มีคอมพิวเตอร์ใช้ประจำตัวทุกคน ได้ใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงทุกคนทุกโรงเรียน เด็กที่บรูไน สิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาแบบนี้ไปนานแล้ว บรูไนเริ่มใช้การสื่อสารระบบ 4G ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว สวนสาธารณะเกือบทุกแห่งในกรุงจาการ์ตาให้บริการฟรี WiFi ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วเช่นกัน แต่รัฐบาลไทยปัจจุบันทำได้เพียงจัดหาคอมพิวเตอร์แบบกระดานแผ่นเล็กให้เด็กนักเรียนชั้น ป.1 บางคน บางโรงเรียน และบางจังหวัดเท่านั้นเอง เด็กไทยตามเด็กชาติอื่นไม่ทันแน่นอนอยู่แล้วในเรื่องเทคโลโนยีการศึกษา รัฐบาลไม่ได้เตรียมอะไรเลยที่จะให้เยาวชนไทยไปแข่งขันกับใครได้ในอาเซียน ไม่ต้องพูดถึงการแข่งขันในระดับในโลก
  3. กฎบัตรอาเซียนบัญญัติว่าภาษาอังกฤษเป็นภาษาทำงานในอาเซียน เด็กไทยไม่เคยได้รับการจัดการเรื่องการพัฒนาภาษาอังกฤษให้ใช้ชีวิตรอดในอาเซียนได้เลย ยกเว้นเด็กที่พ่อแม่จัดการเองได้เพราะฐานะดีมีโอกาสเรียนภาษาอังกฤษเองหรือเรียนในโรงเรียนระดับนานาชาติได้ หากรัฐบาลยังไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพียงแต่สร้างคำขวัญให้เด็กท่องจำ เด็กที่มีโอกาสก็จะเป็นลูกคนรวย เด็กด้อยโอกาสคือเด็กส่วนใหญ่ในประเทศจะทำได้เพียงท่องจำคำขวัญได้อย่างน้อยหนึ่งเดือน ทั้งเด็กนักเรียนและครูไทยสื่อสารพูดคุยกับคนชาติอื่นเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ แล้วเด็กและครูของเราจะแข่งกับใครได้ในอาเซียน
  4. อาเซียนมีปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมือทางการศึกษาฯ (ชะอำ-หัวหิน 2552) ซึ่งกำหนดให้มีการจัดทำหลักสูตรพื้นฐานร่วมกัน 2 วิชา คือ วิชาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา และ วิชาอาเซียนศึกษา จนบัดนี้ก็ยังไม่มีหลักสูตรนี้ เรืืองนี้เป็นความผิดของรัฐสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ซึ่งควรจะต้องทำงานร่วมกัน เท่านี้ก็ยังทำไม่สำเร็จ แต่มีประเทศที่ไม่คอยหลักสูตรร่วม เช่นประเทศลาว ก็ทำหลักสูตรสองวิชานี้เองไปจนเสร็จและใช้เรียนได้มานาน 3 ปีแล้ว เด็กไทยและโรงเรียนไทยเรียนเรื่องอาเซียนกันตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการที่สั่งให้ครู “บูรณาการ” การสอนแทรกเรื่องอาเซียนกันเอาเอง ซึ่งครูจำนวนหนึ่งกล่าวประชดว่าเป็นการสั่งให้ “มั่ว” กันไปพลางก่อนในการเรียนการสอนหลักสูตรอาเซียนศึกษาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษานี้ อนาคตของเด็กเรื่องการตระหนักรู้เกี่ยวอาเซียนนั้นยัง “มองไม่เห็นจุดเริ่มต้น” ไม่ต้องพูดเรื่อง”มองไม่เป็นฝั่ง” เพราะยังไม่เริ่มก้าวเดิน ถนนก็ยังไม่เห็น แล้วจะไปเห็นฝั่งที่ไหนกัน!
  5. ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือทางการศึกษาฯ กำหนดให้มีโครงการแลกเปลี่ยนครูและนักเรียนระหว่างโรงเรียนต่างๆในอาเซียน และให้ทำกิจกรรมข้ามชาติต่างๆมากมาย ให้มีเวทีแลกเปลี่ยนความคิดความรู้ระหว่างครูด้วยกันในอาเซียน ทั้งครูสาขาวิชาเดียวกัน และผู้บริหารโรงเรียนระดับเดียวกัน ให้เด็กนักเรียนได้เดินทางแลกเปลี่ยนกิจกรรมค่ายเยาวชน และสรรพกิจกรรมเชิงแข่งขันชิงรางวัลและทุนการศึกษาในอาเซียน แต่โรงเรียนไทยไม่กี่โรงเรียนที่มีขีดความสามารถทำได้ มีโรงเรียนทั่วประเทศกว่า 30,000 โรง แต่กระทรวงศึกษาธิการมีโครงการพัฒนาโรงเรียนให้มีศูนย์อาเซียนในโรงเรียนได้เพียงประมาณ 50 โรง ยังเหลืออีกกว่าสามหมื่นโรงเรียนที่เด็กไทยไม่มีอนาคตในอาเซียนเลย
  6. ผู้นำและนักการเมืองของเราก็ด้อยคุณภาพทั้งด้านการศึกษาสาขาวิชารัฐศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และ ปรัชญา ส่วนภาษาอังกฤษของผู้นำทางการเมืองของเราโดยรวมก็ไม่มีคุณภาพที่จะสื่อสารกับใครได้ในอาเซียน เมื่อนักการเมืองเป็นผู้กำหนดคำขวัญวันเด็ก แล้วเน้นให้เด็กนำประเทศไปสู่อาเซียน...อาเซียนที่นักการเมืองเองก็ยังไม่รู้จักดีพอ แถมมิได้ทำอะไรเป็นรูปธรรมในการสร้างความตระหนักรู้และความตื่นตัวเรื่องอาเซียนทั้งในตัวนักการเมืองเอง และในหมู่เด็กและเยาวชน
คำขวัญวันเด็กปีนี้ออกมาอย่างผิดเพี้ยน ห่างไกลไปจากความเป็นจริง และไม่มีความเป็นไปได้

คำขวัญวันเด็กปีนี้เป็นคำขวัญที่ไร้สาระและไร้พลังใดๆที่จะเชื่อมโยงให้เกิดการตระหนักรู้เพื่อร่วมสร้างประชาคมอาเซียนแต่อย่างใดเลย

สมเกียรติ อ่อนวิมล
วันเด็กแห่งชาติ
12 มกราคม 2556

วันเสาร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2556

12 Jan: ของขวัญที่น่ายินดี..แน่หรือ


จากข่าวของขวัญวันเด็ก ข้างล่างนี้

"....เรียกได้ว่าเป็นของขวัญวันเด็กที่ถูกใจเหล่านักเรียนหลายคนเลยทีเดียว สำหรับการที่กระทรวงศึกษาธิการออกมาประกาศยกเลิกกฎการตัดผมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ที่นักเรียนชายต้องตัดผมเกรียน ส่วนนักเรียนหญิงต้องผมสั้นเท่าติ่งหูเท่านั้น งานนี้ก็มีหลายฝ่ายออกมาแสดงความคิดเห็น ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยกับกระทรวงศึกษาธิการอย่างมากมาย..."
อ่านต่อที่ http://education.kapook.com/view54328.html
สำหรับเราแล้วบอกตรงๆรู้สึก..เฮ้อ!! คำขวัญวันเด็กก็ไม่ควรมีคำว่า "มีวินัย"อีกต่อไป ในเมื่อเรื่องเล็กๆ ที่ฝึกกันได้ ที่่เขาทำกันได้มาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ ปู่ย่า กลายเป็นเรื่องละเมิดสิทธิในความคิดเด็กหรือผู้ใหญ่บางคนในปัจจุบัน ลองเข้าไปอ่านความคิดเด็กแต่ละความคิดข้างต้น.....และเรา ก็อยากถามเขาย้อนไปเหมือนกันว่าแล้วไว้ผมยาวมันจะทำให้เรียนเก่งหรือไง แต่หากย้อนกันไปมาก็ไม่รู้จบ แต่ที่แน่ๆหากจะฝึกให้เด็กโตขึ้นอย่างมีวินัย ต้องสอนให้เขารู้จักเหตุผล ความเหมาะสม ความมีระเบียบ และไว้ใจเชื่อมั่นในประสบการณ์และความปรารถนาดีของผู้ใหญ่  ไม่มีใครทำอะไรหวังร้ายต่อเด็ก ลูกหลาน ของตัวเอง แต่ครั้งนี้หากจะเกิดผลตามมาในอนาคตระยะยาวข้างหน้า คงเป็นเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของ "ผู้ใหญ่ใจดี" เพราะไม่ไช่เด็กทุกคนที่จะมีผู้ปกครองเอาใจใส่สั่งสอนได้เท่ากัน รู้ผิดถูก ควรไม่ควร ได้เหมือนกัน ...ถึงเวลานั้นก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว นอกจากเศร้าใจ กับการพัฒนาในแนวดิ่งลง นี่คงเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงชิ้นแรกของรมต.ศึกษาคนปัจจุบันเลย คุณภาพการศึกษาคงดีวันดีคืน คงโดดเด่นเกินเด็กชาติใดในอาเซียนแน่ หุ หุ

 
อันนี้ใครจะคิดต่างก็ไม่ว่ากัน ลูกใครก็ลูกคนนั้น แต่อย่าลืมว่าเราอยู่ในสังคมไทยเดียวกัน ไม่มีผลกระทบใด ที่ไม่กระเทือน ก็คอยดูไม่นานเกินรอ

วันศุกร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2556

11 Jan: เจริญ



 
เช้าไปมหาวิทยาลัย แวะถามคณบดีว่าคุณเจริญ จนท.ระดับบริหารของกฟผ.ได้ส่งรูปที่ถ่ายที่นั่นมาตามสัญญาหรือไม่ ปรากฏว่าไม่มีเช่นกัน เลยพูดพร้อมกันว่าคงเป็นราคาคุยมากกว่า คือดีแต่พูด แต่ไม่ชอบรักษาคำพูด เพราะนี่ก็เดือนหนึ่งผ่านมาแล้ว..สรุปเชื่อไม่ได้จบ ไม่เป็นไร คนแบบนี้มีมากในสังคม เพราะคนบางประเภทเขาผายลมทางปากกัน

ตั้งใจเช้านี้จะตรวจข้อสอบและเขียนคำบรรยายวิชาที่ขาด แต่มีอจ.มาคุยด้วยเลยไม่ได้ทำงานที่ตั้งใจ แต่ไม่เป็นไร ได้ให้ความรู้ความคิดที่จะทำให้ชีวิตเขาจัดสรรเวลาด้วยความไม่ประมาท

มีน้องอจ.ถามเราว่า "อจ.คิดหรือรู้สึกยังไงคะ กับการที่เราให้ของใครแล้วเขาคนนั้นเอาของนั้นให้คนอื่นต่อ" อันนี้เรามีคำตอบที่ไม่ยาวแต่จะมาเขียนต่อพรุ่งนี้ พร้อมกับเรื่องที่คุยอื่นๆ
http://meecorner2.blogspot.com/2013/01/blog-post_13.html


เย็นไปรับ link ที่กลับมาพร้อม pa แต่ pa ไปธุระงานบวชต่อเลยมีจ้อดมารับ เราแวะพลาซ่าซื้อสารพัดขนม 3 ร้าน แล้วไปสนามบิน สังน้ำผลไม้เจ้าประจำแล้วนั่งตรวจงานเด็กระหว่างรอ นกแอร์สายเสมอ

link เอาปฎิทินตั้งโต๊ะที่ท่านเจ้าคุณเทียบให้มาเป็นรูปที่ท่านนำปธน.โอบามาและนางฮิลลารี ครั้งเยือนวัดโพธิ์ทั้งเล่ม 12 รูป ดูแล้วสุขใจเพราะทุกรูป ทุกคนยิ้มอย่างมีความสุข สดใส มีอิสระทางใจจริงๆ ชอบมาก ปธน.โอบามานอบน้อมมากกุมมือขณะคุยถาม นี่เป็นความนอบน้อมของผู้ที่เป็นใหญ่จริง ไม่ไช่พวกที่ชอบวางก้ามทำตัวใหญ่ทั้งๆที่ต้องมีหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของปชช.กลับเป็นพวกที่ปชช. แทบจะไม่หวังพึ่งเมื่อภัยมา แถมยังหาเรื่องปชช.เสียอีก ตอนนี้เพื่อนเรากำลังโดนรบกวนอยู่เลยเอามาใส่ไว้ในนี้ด้วย


วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2556

10 Jan: ชัยชนะที่ไม่ชนะ



วันนี้สอน และสอบนศ.ทั้ั่งวัน ห้องไม่ต้องพอเลยย้ายลงมาสอบห้องข้างล่าง เลยได้คุยกับจนท.และดร.กรณ์  เรื่องผีในตึกวิทย์ หุหุ เอามาแลกเปลี่ยนกันว่าใครเจออะไรกันบ้าง :)

ปิดคดีเหมืองคลิตี้! ศาลปกครองสูงสุดสั่งกรมควบคุมมลพิษ จ่ายชดเชยชาวบ้านที่ได้รับพิษสารตะกั่วจากโรงงานปล่อยน้ำเสีย รายละ 1.7 แสน รวม 22 ราย หลังต่อสู้คดีมายาวนานกว่า 9 ปี

วันนี้เราติดตามข่าวนี้ด้วยความยินดียิ่งที่ในที่สุด...ทุกข์ยากของชาวบ้านคลิตี้ผ่านวันเวลาแห่งความขมขื่นและการรอคอยความยุติที่เป็นธรรม ในที่สุดการต่อสู้ของชาวบ้านที่เดือดร้อนก็ชนะ แม้ว่าชัยชนะนี้ไม่คุ้มค่าของการรอคอย แต่ดีกว่าที่จะไม่ได้อะไรเลย และที่สำคัญจะได้เป็นกรณีตัวอย่างสำหรับเรื่องราวในลักษณะเช่นนี้ ซึ่งยังจะคงจะเกิดขึ้นอีกมาก ตราบเท่าที่หน่วยงานรัฐละเลย ไม่ใส่ใจ (มักอ้างว่ากำลังคนไม่พอ) ขาดสำนึกของหน้าที่ที่เสียสละและเห็นใจชาวบ้านผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ และถูกนายทุนเอาเปรียบมองชีวิตชาวบ้านไร้ค่าจึงไม่เคารพสิทธิ ไม่รักษาสภาพธรรมชาติที่ชาวบ้านใช้อยู่กิน แม้ว่าจะได้เงินชดใช้ (ไม่มากเลย) แต่หลายชีวิตก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เจ็บป่วยเรื้อรัง ร่างกายอ่อนแอ ความผิดปกติด้านสติปัญญาของเด็กที่เอาคืนมาไม่ได้...ขออย่าให้เหตุการณ์นี้เกิดที่ส่วนใดๆของประเทศไทยอีกเลย เพราะชัยชนะเช่นนี้ไม่มีใครชนะ เพราะทุกคนพ่ายแพ้ต่อสารพิษที่ปนเปื้อนไปแล้ว


"....คดีดังกล่าวนั้นอยู่ในการพิจารณาของชั้นศาลมานานกว่า 9 ปีแล้ว ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 ขณะที่ชาวบ้านในชุมชนคลิตี้ล่างต่างได้รับผลกระทบจากสารตะกั่วที่ปนเปื้อนในห้วยคลิตี้มานานกว่า 14 ปี คือตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 จนชาวบ้านหลายคนมีอาการป่วยเรื้อรัง
 
เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2556 ศาลปกครองสูงสุดนัดอ่านคำพิพากษาคดีที่ชาวบ้านในชุมชนคลิตี้ล่าง อำเ ที่ผ่านวันรอคอยภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง กรมควบคุมมลพิษ เป็นจำเลย ฐานปล่อยปละละเลย ไม่ควบคุมตรวจสอบการประกอบกิจการ ของ บริษัท ตะกั่วคอนเซนเตรทส์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่ปล่อยน้ำเสียซึ่งมีสารตะกั่วเจือปนในลำห้วยคลิตี้ อำเภอทองผาภูมิ ส่งผลให้ชาวบ้านในชุมชนคลิตี้ล่างได้รับผลกระทบอย่างมาก จึงฟ้องร้องให้กรมควบคุมมลพิษเรียกเก็บค่าเสียหายจาก บริษัท ตะกั่วคอนเซนเตรทส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อมาจ่ายให้ผู้เสียหาย ฐานเป็นผู้ก่อมลพิษ และขอให้กำหนดมาตรการในการคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของราษฎรในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย "

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://hilight.kapook.com/view/80620

วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556

9 Jan: เชื่อในความดี


เช้าไปวัด วันนี้บ่ายประชุมแก้หลักสูตรจนเย็น รีบกลับบ้านมาตามนัด ทันพอดี ฝากขนม ของขบเคี้ยวไปให้

ค่ำนี้ได้โทรศัพท์จากหลายคน  happy new year ทั้งทางไกล้และไกล แต่ละคนก็มีวิถีชีวิตที่ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก บางคนก็เพิ่มกิจกรรมทำเกษตรในช่วงไกล้แก่ เฮ้อ ฟังแล้วเหนื่อยแทนเหมือนกัน .......มีคนหนึ่งตั้งคำถามมาว่า "จะจัดการกับคนชั่วๆที่คอยเบียดเบียนได้ยังไง ทำยังไงจึงพ้น" อันนี้ตอบไม่ยากและทำไม่ยาก เพราะเราเคยได้รับประสบการณ์แย่ๆโดยตรงจากคนที่มีหน้าที่บำบัดทุกข์ของประชาชนด้วยซ้ำไป ...คำตอบคือ ความชั่วตัวเราควบคุมตัวเราที่จะไม่ทำได้ ส่วนคนชั่ว ไม่ต้องไปคิดจัดการอะไรกับเขา เพราะเขาต้องสำนึกด้วยตัวเขาเอง หากเขาไม่สำนึกและตามเบียดเบียนเรา ก็ขอให้เราพยายามวางเฉย ไม่ต้องไปสนใจ (แต่ไม่ประมาท) กรรมจะเป็นตัวจัดสรรเขาเอง เราอย่าไปทำอะไรโต้ตอบสิ่งชั่วๆ ไม่มีประโยชน์ที่จะแลกกัน ต้องเชื่อมั่นในความดี และความเป็นคนดีของตัวเอง เหมือนคำกล่าวที่ว่า "ความดีไม่มีวันพ่ายแพ้" "ธรรมะต้องชนะอธรรมเสมอ" แล้วเราจะอยู่อย่างไม่ทุกข์จริงๆ อาจรำคาญบ้างเหมือนเห็บเหาที่คอยไต่เป็นระยะๆ หุหุ

วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

8Jan: ครูขายตรง..แม่ค้าแลกเกรด



 
 
เช้าไปวัด วันนี้อ่านและแก้ไขหลักสูตรทั้งวัน สลับกับเล่นเกมส์ที่ไม่ต้องใช้ปัญญา หุหุ ติไม่ได้เล่นมาเกือบปี หรือเป็นปี ส่วนมากเราจะเป็นเช่นนี้ ปั่นงานวิชาการอยู่ช่วงใหญ่จนอิ่ม สมองตื้อตัน ก็จะหากิจกรรมอื่นๆสลับ  ไม่ต้องไปเที่ยวที่ไหนเพราะหลังบ้านก็เป็นชายคลองที่ธรรมชาติมาก นั่งเขียนหนังสือหรือเล่นเกมส์กระดานเงยหน้าขึ้นก็เห็นคลอง กับเสียงนกสารพัดชนิด  

ค่ำนี้ดร.รุ่งแวะมา  surprise  เธอเพิ่งสอบจบป.เอกมา ก็เข้ามาทำงานที่มหาวิทยาลัยเดิมที่เดียวกับสามีเราได้ประมาณ 1 สัปดาห์ (เธอแวะมาคุยกับ link) จนดึก เราก็นั่งสนทนาด้วย ก็เลยพอสรุปได้ว่าอจ.รุ่นใหม่ๆโดยเฉลี่ยมีความสำนึกของความเป็นครูน้อยลงมาก เป็นแบบตัวใครตัวมัน หาผลประโยชน์กระทั่งกับนักศึกษาของตัวเองแบบไม่ละอาย เช่น ของดร.รุ่ง นักศึกษามาเล่าว่าพวกเขาต้องออกไปพักหอพักนอกมหาวิทยาลัยเพราะอาจารย์ที่สอนคนหนึ่งแลกกับคะแนน หากใครไปพักหอพักของเธอคนนั้นจะมีคะแนนพิเศษบวกให้ เด็กก็ย้ายออกไปเพราะอยากได้คะแนน เด็กก็คือเด็ก แต่สำนึกของครูต้องมี...

ส่วนของมหาวิทยาลัยเราก็มีหลายอาชีพมากเอาอย่างเดียวก่อนประเภทพวกครูขายตรง (ทำได้แต่อย่าเอาไปเกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนเพื่อแลก...) เอาวิชาการตลาดไปทำปฏิบัติ โดยให้เด็กสมัครสมาชิกเป็นดาวน์ไลน์ขายตรง คะแนนอยู่ที่ยอดขาย บางวิชาตั้งสะสมรายเดือนแลกคะแนน เด็กบางคนให้พ่อแม่ซื้อเพราะไม่รู้จะขายใคร และแบบนี้ค่อนข้างมาก หากขายน้อยคะแนนน้อยลงมาตามลำดับ เด็กบางคนบ่นกับอาจารย์ที่สนิทแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะระดับที่เหนือขึ้นไปบางคนก็รับของเซ่น กินของเซ่นจนเต็มปากพูดไม่ออกเหมือนกัน กรรมตกที่เด็กและพ่อแม่ เสียค่าเล่าเรียนแล้วต้องจ่ายส่วยแลกเกรดอีกต่อ....ไม่รู้เมื่อไหร่จะหมดไปเสียทีพวก "ครูขายตรง" หรือ "พวกแม่ค้าแลกเกรด" ที่ไร้จรรยาบรรณแบบนี้ ช่างไม่ละอายจริงๆ บางทีเราก็อยากรู้นะว่าก่อนมาเป็นอาจารย์พวกเขาเคยเจออาจารย์ประเภทนี้ทำกับเขามาก่อนเลยทำต่อๆ หากินบนหลังลูกศิษย์ได้ หรือเขาถูกพ่อแม่เลี้ยงมาอย่างอัตคัตขัดสน ทำให้เมื่อเป็นครูต้องดิ้นรนอย่างไร้คุณธรรม........ครูพวกนี้เขาเดินย่ำตามรอยกรรมใคร ???


วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2556

7 Jan: ความดีจะไม่มีวันพ่ายแพ้

 
ชอบคำกล่าวในเหนือเมฆ 2 มีคนเอามาโพสต์ไว้หลายๆที่ เราเลยขอเอามาเก็บในนี้ด้วยเผื่อใหญ่โตโอฬารจะเข้ามาอ่าน หุหุ จะได้สำนึกดีในหน้าที่บ้าง

เราชอบมากและขอสนับสนุนคำกล่าวนี้

ความดีจะไม่มีวันพ่ายแพ้ ขอเพิ่ม ....คนดีจะไม่มีวันพ่ายแพ้ต่อความชั่วเช่นกัน
 
 
เช้าส่งlink ที่มหาวิทยาลัยแลัวกลับออกมาจัดการธุระเล็กน้อย วันนี้ก็ฟังข่าวพายุที่จะเข้าทางใต้ ก็รอๆอยู่แต่วันนี้แสงแดดดีมาก

ตอนสายดร.วัฒนาติดต่อมาให้ช่วยไปเป็นผู้เชี่ยวชาญฟังการเสนอโครงร่างงายวิจัย ก็ตอบรับ 1 หัวข้อ ปฎิเสธ 2 หัวข้อ


บ่ายแก่ๆได้ข่าวจากปดับว่า --- กิติยา (ตัวจริงตัวปลอมก็ไม่รู้) ต้องการเบอร์โทรเรา ก็ say no  ไปเพราะไร้สาระ สงสัยเป็นพวกเก็บตกขอเศษขอเลยอีกคน น่าสงสารจริงๆ เราโทรไปหาเพื่อนให้เช็คประวัติเก็บไว้ด้วย




วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

6 Jan: เรื่องดีๆ


 
เช้าไปวัด วันนี้ไปวัดโฉลกตั้งใจเอาหนังสือจำนวนหนึ่งไปให้ห้องสมุด และเอานาฬิกาไปถวาย ปรากฎว่าห้องสมุดชั้นวางหนังสือ ตู้ยังไม่เรียบร้อย ท่านทิมเลยให้เอาหนังสือกลับก่อนแล้วค่อยแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

จากนั้นไปรร.คนตาบอด เอานม โยเกริต์ ประมาณ 100 กล่อง และขนม ของพระอาจารย์ไปให้

ไปกราบหลวงพ่อสะอิ้ง อายุท่านปีนี้  100 ปี แม้ว่าท่านจะเดินไม่สะดวกแล้ว แต่ท่านยังสวดมนต์ทำวัตรบนที่นอนท่านมิได้ขาด เราดีใจมากที่วันนี้ท่านฉันได้มาก  เพราะ link ป้อน ท่านเหมี่ยวแวะมาท่านเลยบอกว่าวันนี้แปลกที่ท่านฉันได้มาก สงสัยเพราะ link ป้อนเลยเกรงใจ ฉันเอาใจโยม วันนี้ท่านไม่บ้วนออกมาเท่าใดนัก เอาหมูหยองไปถวายด้วย พระอาจารย์ฝากรังนกไป 1 ตะกร้า วันนี้ท่านคลำหัว link แล้วตบหัวไป 10 ครั้ง พูดเบาๆว่า "ได้ไปสวรรค์" คราวก่อนนานมาแล้ว คลำหัว link แล้วบอกว่า "เป็นคนดี" หุหุ เป็นปลื้ม ต้องทำดีต่อไป

วันนี้ในหมู่บ้านมีงานเลี้ยงพระปีใหม่ เราไม่อยู่ร่วม แต่เอาปัจจัยใส่ซองฝากกีไว้ถวายพระ 9 รูปแทน เราถือหลักว่าเสาอย่าอยู่ไกล้กันนัก หากรู้ว่าอะไรมากเรื่องและเป็นจุดเริ่มของความวุ่นวายก็อย่าได้เข้าไปร่วมเพื่อเริ่มต้นความวุ่นวายเป็นอันขาด รู้จักน้อย เรื่องน้อยก็วุ่นวายน้อย คนเราหากศีลไม่เสมอกันยากที่จะเลี่ยงความวุ่นวาย ดังนั้นไม่เข้าไปเริ่มต้นก็คือจุดยุติ ส่วนกีและแปะเขาชอบเพราะกรรมเขาทำมาเช่นนั้น ทั้งๆที่รู้ว่าคนหลายคนในหมู่บ้านโทรเลอบบี้ไม่ให้เลือกกีและไม่ให้ร่วมมือเรื่องยาม เราฟังด้วยความรู้สึกว่า...น่าเบื่อจัง "คน" ชีวิตยุคนี้จะอยู่ได้อย่างสงบก็พยายามอยู่กับตัวเองให้มาก อย่าเอาชีวิต จิตใจไปแขวนไว้กับสิ่งเร้าภายนอกมากนัก งดความมีตัวตนได้ ชีวิตสงบ สบายจริงๆ

วันนี้เลยได้ทำบุญ และเรื่องดีๆ

วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2556

5 Jan: ใจหรือตัวที่เป็นทาส

ศรีวันและริตา

เช้าไปวัด วันนี้เอาปลากุเลาต้มส้มที่กุ้งเอามาให้เราและฝากไปถวายพระอาจารย์ด้วย รีบกลับบ้านเพราะวันนี้คนงานจะมาตัดต้นไม้ ทำทั้งวันเราก็ตามชี้ และก็ตัดแต่งกิ่ง ตัดอะไรที่รกๆเล็กๆ ช่วยกวาดเมื่อยแขนไปหมด แก่แล้วเน้อ

 เย็นเลยจัดการทายานวดแขน หุหุ  ขอบคุณ..ที่วันนี้อุตุฯพยากรณ์ว่าจะเกิดฝนตกหนัก ครึ้มๆตอนเช้า แต่ไม่ตก ไม่ร้อนเลยทำงานสะดวก

ค่ำนี้เตรียมหนังสือต่างๆที่จะเอาไปถวายห้องสมุดของวัด และจะไปกราบหลวงพ่อสะอิ้งเพื่อมงคลปีใหม่ เตรียมเพมเพอสไปถวายด้วย

ตอนนี้ดี..ไม่ต้องดูรายการละครช่อง 3 สุดสัปดาห์ ไปดู ศีล 5 ...ของช่อง 5 แทน ดีกว่ากันเยอะเลย กระแสสะท้อนเรื่องของละครเหนือเมฆ2 ยังคงสะท้อนก้องอยู่ ไม่น่าเชื่อนี่คือสังคมไทย ที่เป็นไท แต่กลับมีคนระดับผู้ตัดสินใจที่ใจเป็นทาส

note: ตอนนี้วิธีโหลดภาพของ blogspot เปลี่ยนไป ยังไม่ได้จัดการเลยต้องขอเอารูปที่โพสต์ไว้มาลงอีก


วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2556

4 Jan: เหนือเมฆ2..เหนือความคาดหมาย


ช่อง 3 แจง เหนือเมฆ 2 ไม่ได้ถูกตัดจบเพราะการเมือง

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางผู้บริหารช่อง 3 ได้ตัดสินใจยุติการออกอากาศละคร "เหนือเมฆ 2" ในวันนี้ (4 ม.ค.) เนื่องจากไม่อยากมีปัญหากับนักการเมือง……………

“.....โดยมีกระแสข่าวอ้างว่า นักการเมืองรายหนึ่งสั่งให้ยุติการออกอากาศ เนื่องจากเนื้อหาของละคร มีเค้าโครงระบุถึงการเมืองและการคอร์รัปชั่นของนักการเมือง บางตอนมีการระบุพฤติกรรมของนักการเมืองในเชิงลบ หรือกรณีไปเกี่ยวข้องกับสัมปทานดาวเทียม โดยในวันนี้มีรายงานว่านำเรื่องราว 3 ตอนที่เหลือของวันที่ 4-6 มกราคมนี้ มาตัดต่อรวมกันให้เหลือเพียงตอนเดียวและแพร่ภาพในวันศุกร์ที่ 4 มกราคมนี้ เป็นตอนจบไปเลย…”
อ่านข่าว..ดูตัววิ่งหน้าจอโทรทัศน์ด้วยความเศร้าใจ กับคนไทยจริงๆ!!!!

เราได้ตามดูละครเรื่องนี้มาประมาณ 80%  เพราะผู้แสดงส่วนมากเป็นดารานักแสดงอาวุโสระดับผู้กำกับทั้งสิ้น  เลยทำให้ดูได้แม้ว่าพระเอกนางเอกดูบุคลิกยังไม่เข้มพอนัก.....ขณะที่ดูหลายตอนก็มีคำพูดของท่านนายกฯในเรื่องที่รังเกียจคนโกงบ้านโกงเมือง พยายามต่อต้าน กำจัด และลดช่องทางของพวกโกงกินบ้านเมือง บังเอิญคงไปโดนตรงเอาใครหลายคน หรือหลายคนคงเดือดร้อนเพราะ ยิ่งดูก็เหมือนฟังคนอื่นด่าตัวเขา..ก็เลยต้องหยุดออกอากาศ โดยให้เหตุผลว่า เพราะเนื้อหาบางตอนไม่เหมาะกับการออกอากาศ ตั้งแต่ดูมายังไม่เห็นฉากสาวๆตบตี ด่าทอแย่งผู้ชาย ไม่เห็นการแต่งตัวที่ล่อแหลมประหยัดไปหมด ไม่เห็นฉากแย่งมรดกแบบไทยๆ  ชกต่อยไร้สาระ  เลยสงสัยว่าแล้วเหลือฉากแบบไหนที่ไม่เหมาะจะออกอากาศ???? เพราะเห็นแต่ฉากที่สอนให้มีสำนึกรักแผ่นดิน รักษาผลประโยชน์ชาติ  รักศักดิ์ศรีความเป็นข้าราชการ การเป็นคน  ...เลยรู้สึกว่ายุคนี้ประชาธิปไตยเต็มใบจริงหรือ หรือยุคนี้ผู้ดีเดินตรอก.....หรือคนดี ความดี ต้องให้โอกาส คนชั่ว ความชั่ว ...สรุปว่าเราต้องแผ่เมตตา แผ่ เมตตา แผ่เมตตา

น่าสงสารช่อง 3 ที่ต้องยอมเลิกเสนอในสิ่งดีๆเพื่อรักษาผลประโยชน์..??.........ขอแสดงความยินดีกับนักแสดง ผู้กำกับ ผู้เขียนบท ที่ท่านสามารถทำให้คนชั่ว ความชั่ว สั่นสะเทือน  ท่านควรดีใจที่ท่านทำให้เห็นว่าพวกท่านมีอิทธิพลเหนือคนชั่วจริงๆ
อ่าข่าวต่างๆได้ใน


วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556

3 Jan:


เช้านี้สอนตั้งแต่ 8.00 น. มีนศ.มาเรียน 8 คน หยุดปีใหม่ยาวกันไปเลย เที่ยงนัดกับ 3 ดร.รุ่นกลางไปทานข้าวกัน กลับมาสอนต่อจนเย็น

ตอนนี้ในมหาวิทยาลัยก็กำลังตั้งก๊กใหม่ จัดกำลังพล ระดับบนล่าง ต่อรอง ปล่อยข่าว ภายใต้การควบคุมและบัญชาการของป้าหญิงแก่ที่กลัวน้ำลดตอผุด เลยต้องนั่งจัดกำลังวางเกราะกำบังให้ดี และหาเหยื่ออ่อนๆที่ไม่รู้เรื่องอะไรมาเป็นบังเกอร์ หากมีเรื่องอะไรก็เป็นแพะไปก่อน เกมนี้ก็ดูกันต่อไป กลายเป็นว่าตอนนี้มีอธิการบดี 4 คน มหาวิทยาลัยนี้คงไปโลด หุหุ

ค่ำโตแวะเอาขนมมาให้

วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2556

2 Jan: งานมงคล

 
 


ท่านเจ้าคณะภาค 16 และ พระสุธรรมาธิบดี (หลวงปู่แสง)
ลพ.จิต (ซ้าย: อุปัชฌาย์ของท่านเจ้าคณะภาค 16)
 

เช้าไปวัด วันนี้มีงานกิจกรรมมงคลในวัด เจ้าคณะภาค 16 ท่านมีการทำบุญให้โยมมารดา และพระอุปัชฌาย์ บูรพาจารย์ มีพระเถระผู้ใหญ่มาร่วมมากมายจาก 3 จังหวัดภาคใต้ชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ที่ปลื้มใจและประทับใจมากคือพระสุธรรมาธิบดี (พระราชาคณะชั้นรองสมเด็จ เราจะเรียกท่านว่าหลวงปู่แสง) ท่านมาร่วมงาน เป็นด้วยท่านรักเมตตาเจ้าคุณเจ้าคณะภาค  16 มาก ท่านอายุครบ 100 ปี พระอาจารย์เจ้าคณะภาคจะไปกราบหลวงปู่แสงทุกปีในวันเกิดของหลวงปู่ ....วันนี้มีการแต่งตั้งเลขาเจ้าคณะภาค 16 รูปใหม่ด้วย

เจ้าคณะจังหวัดชุมพร (พระธรรมโกศาจารย์)
 
 กลางนั่ง ท่านขาว เลขาเจ้าคณะภาค 16 รูปใหม่
 
บน-ล่าง พระเถระผู้ใหญ่เจริญพระพุทธมนต์
 
 
 
บน: ผอ.สนง.พระพุทธศาสนาอ่านคำสั่งแต่งตั้งเลขานุการเจ้าคณะภาค 16 รูปใหม่
ล่าง: เลขานุการเจ้าคณะภาค 16 รูปใหม่รับตราตั้ง
 
 
เจ้าคณะภาคฯ สักการะพระผู้ใหญ่
 
รองผู้ว่าราชการจังหวัดรับของจากพระอาจารย์
 
ท่านพระครูศรัทธาโศภิต พิธีกรกิตติมศักดิ์ตลอดงาน
 
 
ท่านเจ้าคณะจังหวัด สุราษฎร์ธานี (ซ้าย) ท่านสมบูรณ์ เลขานุการจจ. (ขวา)
 
เณรน้อยนั่งพักผ่อน
ไทยทานถวายพระ
 
 
 
 

วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2556

1 Jan:ไชโย...ปีใหม่แล้ว



ส.ค.ส.พระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประจำปีพุทธศักราช 2556
 

ไชโย...ปีใหม่แล้ว !!!!  HAPPY  NEW YEAR 2556 ค่ะ ขออัญเชิญภาพอันเป็นมงคลมาไว้เป็นปฐม

มีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรง จิตแจ่มใส หัวใจเบิกบาน ตลอดปีใหม่นี้ นะคะ

(แล้วพรุ่งนี้เช้าจะมาเขียนต่อในนี้อีก)

เมื่อคืนสวดมนต์ที่ห้องพระด้วยความสงบใจ ขอบคุณบารมีพระพุทธองค์และสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่ปกป้องคุ้มครองให้เรามีสติ  มีปัญญา และปลอดภัยจากภยันตรายต่างๆตลอดปีชงของเรา

วันนี้ไปทานเที่ยงกะเพื่อนบ้าน (link เลี้ยง 1,290) ยาวตลอดจน 16.00 น    เพราะแวะไปบ้านอีกคนที่เราไม่ได้รู้จักแต่คุยสนุกมากตรงไปตรงมาจนน่าตกใจ ที่มีคนแบบนี้อีกคน ก็ดี

เย็นนี้ถูกโทรตามให้ไปช่วยดูเรื่องการนับคะแนนในหมู่บ้านเลยยาวอีก สองทุ่มจึงกลับบ้าน สรุปไม่ได้ทำอะไรเลยวันนี้ รู้สึกสงสัยปีนี้จะลอยๆเบาๆ ยังไม่ได้ทำอะไรเลย 5 วันแล้ว เอาหลักสูตรมาตั้งเตรียมตรวจก็ไม่ได้เปิดเลยเรา

วันนี้ไปสั่งเป็ดย่าง 12 กล่องไว้เลี้ยงพระพรุ่งนี้