วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557

29-31 Oct:: clear mind


ช่วงสองสามวันนี้เร่งเขียนเอกสารแบบหัวเป็นเกลียว คั้นทุกอย่างเท่าที่เวลาเหลือ เอาเวลาเป็นตัวคั้ง ต้องต่อโต๊ะขยายออกไป วางเอกสารค้นคว้า ทำได้เสร็จตามเวลา แม้ว่าอยากเขียนเพิ่มก็ทำไม่ได้เพราะล้า และหมดเวลา นี่ต่อเวลารอบสองเพราะจริงแล้วต้องส่งอาทิตย์ก่อน เมื่อวานทำงานช่วงเย็นจนหัวร้อน รู้สึกว่าถ้าต่อสปริงหลุด เลยพักแบบทันที เดินไปหาของกินดีที่สุด เบี่ยงออกจากความคิด เรื่องที่กำลังทำ นั่งกินขนมแบบไม่มีอะไรค้าง ใช้สมาธิตัดแยกจิตออกจากงานทันที ได้ผล อาการทุกอย่างเหมือนปิดเครื่องทันที ดีกว่าชะลอเครื่อง ตอนแรกลองชะลอเครื่องสักครู่แล้ว ปรากฎว่าเครื่องมันเริ่มอืด สับสนแบบไม่รู้จะทำอะไรดี หาอะไรไม่เจอเพราะกองไว้เยอะจนจำไม่ได้ จริงๆถ้าสมองยังไม่ล้าจะหาได้แบบปกติ รู่ตัวมีสติว่าต้องหยุด ควรหยุดแบบทันทีจะได้ไม่ล้าต่อ ก็ต้องปิดสวิตท์ เราใช้อึดแบบเดิมปิดแล้วลุกขึ้น ไม่มีอะไรในหัว clear mind ได้หมด ดูหนังเกือบชั่วโมง กลับมานั่งทำงานต่อ fresh เหมือนตอนเช้า  ก็เพิ่งรู้ว่าการฝึกก็สำคัญแต่การรู้จังหวะที่นำมาใช้สำคัญกว่า เมื่อคืนถ้าฝืนทำต่อคงแย่แน่ ...

วันนี้เช้าจัดส่งเอกสารไปเรียบร้อย วันนี้นศ.บอกมาว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ดรอปได้ ขอทราบคะแนนเลย เพิ่งสอบไปเมื่อเย็นอังคาร เลยต้องรีบตรวจทันที อ่านง่ายเพราะเด็กไม่ค่อยตอบข้อเขียน ผ่าน 11 คนจาก 27 คน เฮ้อ!! ไม่รู้จะดรอปกี่คน สมัยก่อนเด็กจะขยันเรียนเพิ่มขึ้นเพื่อชดคะแนนแต่เด็กรุ่นใหม่คะแนนตก ถอนเลย แปลก??

วันนี้เย็นพักผ่อนสบายๆ

วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557

28 Oct: เผาจริง


เช้านี้เข้ามหาลัยแล้วเจอนิ ยืนคุยทักทายกันที่หน้าห้องคณบดี 2-3 นาทีแล้วแยกย้ายกัน บ่ายเศษเจอแม่บ้านบอกว่า คณะวิทย์ไฟไหม้ ไหม้ห้องคณบดีเสียด้วย เลยงงๆ เมื่อเช้าปกติดีนี่นา แม่บ้านบอกว่าไปช่วยกันเก็บของที่ไหม้ไฟ โต๊ะ เก้าอี้ เอกสาร แอร์ดำ ฝ้าเพดานดำหมด พิ้นเขม่าดำมากมาย ยังไม่รู้สาเหตุ...ก็ลือกันไปต่างๆนาๆ เพราะคาดเดาการไหม้ว่าน่าจะไหม้หัวรุ่ง แล้วมอด เพราะคนที่เห็นคนแรกมาหลังเรา แต่เขาเห็นควันแต่เราไม่เห็น เพราะเราไม่มองห้องลับนั่น ทั้งที่ยืนคุยกับนิ แล้วแยกย้ายกันกลับ อจ.ที่มาทีหลังเห็นควันเลยบอกแม่บ้าน ..คุยกับหลายคนบอกว่าสงสัยมีอะไร? อยากให้คณบดีเกษียณจริงไปเสียทีมั้ง หัวเราะสนุกสนาน เราก็บอกคราวก่อนเผาหลอก เสียเงินหลวงค่าเลี้ยงจัดงานส่งพวกเกษียณเป็นหลักแสน เพราะมีแสง สี เสียง แถมสั่งซื้อเช่าพระไพรีพินาศองค์ตั้งโต๊ะให้เป็นของที่ระลึกอีกต่างหาก แล้วทุกคนก็ทำงานจ้างตัวเองต่อไป (รู้สึกมีอจ.ผู้หญิงเกษียณคนเดียวและไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงส่ง รู้สึกว่ารายนี้มีความสุขกับครอบครัว มีที่ไปเลยไม่กลับเข้ามาทำต่อ) ผู้ชายที่เลี้ยงส่งเรียบร้อยก็กลับมาทำงานหน้าตาเฉย เราเลยบอกว่าไม่ไปร่วมงานเผาหลอก เสียดายงบหลวง แต่วันนี้เผาจริง เป็นครั้งแรกที่ไฟไหม่ห้องคณบดี เราเคยพูดหลายครั้งในช่วงแรกที่ปิดสติกเกอร์ที่ประตูกระจกที่ลายพร้อยด้วยความตั้งใจ จนมองเข้าไปไม่เห็นในห้องทำงาน ว่า ห้องลับแบบนี้เวลาเกิดเรื่องคงไม่มีใครเห็น งานนี้เลยไม่มีใครเห็นจริงๆ .....คณบดีน่าจะถือเคล็ดได้แล้วนี่เป็นสัญญาณเตือน

สอบเด็กเสร็จตอนเย็นก็ได้รับใบลดวิบากข้างเรา แต่ต่อกรรมให้หลายคนเลย ก็เล่าเรื่องให้น้องๆฟัง ทั้งขำพวกคิด/เชื่อเรื่องโง่ๆได้ น้องๆบอกว่าคนฟ้องคงประสาท เราก็บอกเล่าเรื่องสริตาเพียงเล็กน้อย คนก็เดาออกว่าสมองไม่ปกติ เราบอกเรื่องที่อัยการวิเคราะห์ว่า "อยากได้ของคนอื่นจนตัวสั่น" หุหุ เราก็เวทนาแต่คงถึงเวลาแล้วที่ผลบุญจะเกื้อหนุนเรา เหมือนที่เพื่อนทุกคน บอกเหมือนกันว่าขอให้ออกมาทางโลกก่อน อย่าปล่อยเลยตามเลย มันไม่เป็นอย่างที่เราคิด เลิกคิดชั่วคราวแล้วค่อยกลับไปทางธรรมต่อ ต้องออกมาสู้กับความละโมภโลภมากของสริตาและตำรวจโอฬารก่อน อ้อ เมื่อวานก็เพิ่งกรวดน้ำอุทิศให้นะ...กลับบ้านแบบปลอดโปร่ง วันนี้ทำเอกสารเกือบเสร็จ พรุ่งนี้คงส่งได้ หลายคนรอคอย ทวงมาหลายทาง หลายครั้ง เราก็ผลัดจนเกรงใจแล้ว

วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2557

27 Oct: งานเอกสาร


เมื่อวานเตรียมเอกสารส่งทั้งวันยันค่ำ นานๆทำงานร้อนแบบทะลุองศาเสียที เพราะต้องส่งเมื่อคืนให้เรียบร้อย  เช้านี้ส่งเอกสารอีก 2 ชุดเรียบร้อย ช่วงนี้ต้องอ่านมากกว่าเขียนแล้วเพราะไม่ได้อ่านมานาน สมองเริ่มกลวงเมื่อวันศุกร์ต้องไปยืมหนังสือห้องสมุดให้เพื่อน ก็เป็นโชคดีที่ไปยืมให้เพราะ พอจะยืมจนท.ไม่ให้ยืมบอกว่าเราค้างหนังสืออีกเล่ม เราบอกงั้นจ่ายเงินค่าปรับก่อนก็ได้ จนท.บอกไม่ได้ต้องเอาหนังสือมาคืน แต่จริงๆแล้วเรารู้สึกว่าไม่เห็นหนังสือเล่มนี้มานานแล้ว ก็เลยกลับบ้านมาหา เดินหาห้าหกรอบทั่วทั้งบ้านไม่เจอ แต่ห่วงเพื่อนว่าต้องใช้หนังสือเลยกลับไปใหม่เพราะคิดว่าเราน่าจะคืนแล้ว เลยเข้าห้องสมุดจดเลขเรียนหนังสือ ขึ้นไปชั้นสาม เดินหาครู่ใหญ่เจอเล่มที่ไช้ barcode ตรงกันกับที่เรายืมไป เลยเอาลงมาให้จนท.ตรวจสอบว่าไช่เล่มที่บอกว่าเรายังไม่คืนไช่หรือไม่ ปรากฎว่าตรวจสอบแล้วคือเราได้คืนหนังสือไปแล้ว เมื่อไหร่ไม่รู้แต่เจ้าหน้าที่สะเพร่าไม่สแกนคืนให้ครบ นี่ถ้าหายไปก็จะถูกปรับอีกเท่า นี่ถ้ายิ่งนานไปก็ไม่รู้จะเป็นไง โชคดีนะที่คิดจะช่วยเพื่อนเลยใช้ความพยายามจนเจอความผิดพลาดของจนท.ห้องสมุด นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เจอเรื่องแบบนี้

วันนีก็ส่งเอกสาร ไกล้เที่ยงนัดไปดูรถ และทานข้าวกับเพื่อนจนบ่ายสามเศษกลับบ้าน

วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2557

25 Oct: บุญใหญ่ มารต้าน



วันเวลาผ่านไปรวดเร็วปานกามนิตหนุ่ม เพิ่งรู้ตัวว่าไม่ได้เข้ามาบันทึกตั้งสัปดาห์แล้ว แย่จัง ช่วงนี้ยุ่งกับเรื่องของเพื่อนๆผู้หวังดีมากมาย เรื่องที่ไม่เคยรบกวนใคร แต่บังเอิญมีเพื่อนคนหนึ่งฟังเราคุยโทรศัพท์ เลยถามว่าเรื่องอะไร ก็เล่าเรื่องให้ฟัง เท่านั้นเองข่าวนี้กระจายออกในกลุ่มเพื่อนสนิทอย่างรวดเร็ว แล้วก็โทรติดต่อติดตาม เสนอความช่วยเหลือกัน ต่อว่าเราก็มีว่าทำไมโดนตำรวจแย่ๆ และเมียคนนั้นทำขนาดนี้แล้วทนอยู่ได้..เราก็บอกเราไม่ได้ทนอะไร เพียงแต่มันเหมือนตัวเห็บหมา ที่คอยขึ้นลงเป็นช่วงทำให้รำคาญบ้าง แต่ไม่ได้ทุกข์อะไร เพราะมันเป็นวิบากกรรมที่เป็นเช่นนั้นเอง เราไม่ได้ทำชาตินี้ ชาติที่แล้วอาจไปล่วงเกินใคร เลยไม่คิดรบกวนใครปล่อยให้ตำรวจสองสามีภรรยามันก่อกรรมกับเราและขัดขวางทางบุญของเราเรื่อยๆ เหมือนที่หลวงพ่อในป่าบอกไว้ว่า ยิ่งใครคิดจะสร้างบุญใหญ่ มารจะมาขวางเสมอ เป็นการทดสอบ ......
...เรื่องนี้มีตั้งแต่สมัยพุทธกาล ยิ่งการคิดสร้างถาวรวัตถุที่เป็นประโยชน์ด้วยจำนวนทรัพย์ที่มาก ย่อมถูกทดสอบมากขึ้น เป็นเหตุให้การสร้างของใหญ่ต้องระดมบุญจากหมู่ชนเพื่อต่อสู้มาร แต่เพราะเราเห็นว่าบ้านนอกไม่เหมือนกรุงเทพหรือวัดบางวัดที่มีกำลังศรัทธามาก มีสิ่งที่ตอบสนองศรัทธาได้ถูกจริต ทำให้การระดมบูญทำได้ง่าย แต่บางวัดไม่มีหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีเลขเด็ด ไม่มีความงมงาย ไม่มีความรวยแจกให้ ทำให้ยากที่จะมีคนมากมายมาทำบุญด้วยศรัทธาที่จะบำรุงพระพุทธศาสนาโดยแท้ ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ไม่คิดจะรวยเป็นสิบร้อยเท่าทวีคูณจากที่ทำไป...เราจึงต้องสร้างด้วยเงินที่ต้องเริ่มต้นจำนวนมากอย่างน้อยต้องเห็นความเป็นไปได้ของการสำเร็จ ไม่สร้างแล้วค้างเติ่งเช่นนั้น การขอรับบริจาคของวัดที่ทำกิจกรรมวิชาการ การอบรมหรือถวายความรู้พระภิกษุ การปกครอง จึงเป็นอะไรที่ คนพุทธส่วนมากไม่เข้าใจนัก การเรี่ยไรบางวัดก็ไม่ทำกัน...ยิ่งโดนโอฬารและสริตากล่าวเท็จ ทำสิ่งผิดกลั่นแกล้งต่อเรามากเพียงใด ทำให้เรารู้สึกว่าบุญสร้างของใหญ่นี้ไกล้เข้ามาแล้ว ความสำเร็จไกล้เกิดแล้ว หลายครั้งจึงไม่ทุกข์ มารมี บารมีเกิดแน่ หุหุ วันนี้ไปทำบุญร่วมทอดกฐินที่วัดที่นครศรีธรรมราช ถวายร่วมกฐิน xx,xxx บาท อุทิศบุญให้ทั่วพิภพจบสากล ทหารทั้งหลายที่สละชีวิตเพื่อชาติ บริวาร เจ้ากรรมนายเวร และไม่ลืมอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่ส่งถึงยากมาก..โอฬารและสริตา หุหุ

วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2557

16-17 Oct: กฐินพระราชทาน



แต่ละปีผ่านไปเร็วจัง ปีนี้งานกฐินพระราชทานก็ผ่านไปด้วยดี เมื่อเย็น 16 ก็สมโภชพระกฐิน เราและเพื่อนจากกรุงเทพสองคนก็ไปร่วม เอารถคันหนึ่งให้พี่เขายืมใช้ระหว่างอยู่ที่นี่ 3 วันเพื่อความสะดวก เราสอนตลอดเช้า แล้วเย็นก็ไปร่วมงาน ปีนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดจองเป็นเจ้าภาพตั้งแต่ต้นปี

เมื่อวานเช้าก็รีบไปวัด ช่วยทุกอย่างเท่าที่ทำได้ กิ่งช่วยงานอาหารเต็มที่ มีชาวบ้าน ชาววัด จากที่ต่างๆช่วยกันนำอาหารมาร่วมบุญกันเป็นซุ้ม มี 16 ซุ้ม อาหารเกือบ  30 รายการ เป็นปลื้ม งานผ่านไปด้วยดี ราบรื่น ที่ห่วงคือฝน ก็ไม่ตก หลังจากตกต่อกันมาสองวัน  หายเหนื่อย ขอบคุณชุดที่แม่ไมค์ให้ คนชมหลายคนเชียว อิอิ

เสร็จงานพาพี่ไก่และสามีไปตระเวณบุญต่อ จนทุ่มเศษพาไปส่งสนามบิน  อิ่มบุญไปเลย

ถ้าอีกวันสองวันว่างจะเอารูปมาลง


วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2557

15 Oct: เพื่อนมา


เมื่อวานยุ่งกับการหาซื้อชุดไทยธรรมในราคาราชการ สำหรับงานกฐินพระราชทาน ได้ครบให้พลขับมาช่วยรับ แวะซื้ออาหารหมา

เช้านี้ไปรับเพื่อนที่สนามบิน ตอนแรกเขาให้เพื่อนลูกมารับแต่ตื่นสายเลยโทรให้เราไปรับแทนเลยต้องเปลี่ยนแผน เที่ยง พาไปเลี้ยงบนเขาถูกใจ เย็นเขาเลี้ยงที่ลำพู

วันนี้แอ๋วโทรมาด้วยความเป็นห่วง เราบอกว่ายังไม่ได้ทำอะไรเลยตั้งแต่กลับมา ยุ่งเรื่องส่วนรวมอยู่ ขอบคุณที่เพื่อนเป็นห่วง

วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557

12 Sep: .งานแต่ง


 
ช่วงนี้ยุ่งงานเตรียมสอน ตำราสอนเสร็จเรียบร้อยเสียที หลังจากพักป่วยมาเป็นสิบกว่าวัน เพิ่งกลับมาจากไปงานแต่ง ลูกชายเพื่อนแต่งงาน เป็นเพื่อนสนิทมากตั้งแต่เรียนป.ตรี เลยตัดสินใจไปร่วมงาน จัดงานใหญ่อลังการงานสร้าง เฉพาะงานยกขันหมากเลี้ยงแขก ใช้สถานที่ในรีสอร์ทชานเมืองกรุงเทพของตัวเอง หมดไปแล้วสี่ล้านเศษ (ไม่รวมค่าสินสอดเป็นปึกต้องใส่สองพานยักษ์ ทองเต็มพาน) เราไปพักบ้านเพื่อนเจ้าของงาน เพื่อนวิศวะ วิทยาศาสตร์รุ่นเดียวกันไปเจอกัน แต่กลุ่มวิทยาฯไปน้อยเพราะแต่ละคนจะรอไปงานเลี้ยงใหญ่ค็อกเทล แต่งชุดราตรี สูทหรู กันเราไม่ไปงานนั้นเพราะคงไม่เหมาะกับชุด ไม่เคยใส่ชุดราตรีประกอบเครื่องอัญมณี เพราะอยู่บ้านนอกเคยชิน ...ไปเจอเพื่อนๆที่ไม่ได้เจอกันนาน เพื่อนเราไปเล่าเรื่องที่ตำรวจรังแกเราให้ผู้ใหญ่และเพื่อนในงานฟัง เจ้าพ่อได้ยินก็โกรธเรามากถามว่าเรื่องแบบนี้ปล่อยไว้ทำไมนานมาก และไม่ให้เพื่อนๆรู้...พวกนี้เลยเบรนสตอร์มแทนเราหมด ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวว่าหยุดเสียเถิดทางธรรม เอาทางโลกที่ต้องทำก่อน เมตตาใช้กับตำรวจโอฬารคนนี้ไม่ได้...ว่าแล้วมีเรางานเข้าเพราะพวกนี้เขาไม่ยอมให้เราถูกรังแก ขนาดกลับมายังถูกตามจี้อีก เฮ้อ!!

ในงานมีผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการต่างๆ อดีตอธิบดี...และคุณหญิง...มาด้วยสวยมาก  ท่านทนง พิทยะ มาด้วย หลายคนเป้นกลุ่มธุรกิจ การเมือง กลุ่มดารามา 1 กลุ่ม เรารู้จักคนเดียว สวยๆทั้งนั้น มีหนุ่มสาวกลุ่มจบจากอเมริกา อังกฤษแห่งดียวกับลูกชายเพื่อนมาถือของขันหมากกันมากมาย ก็ดูว่าโลกนี้เป็นของคนรุ่นใหม่จริงๆ

ตอนแรกเพื่อนจะพาไปคุยกับผู้ใหญ่แต่เราบอกขอไว้ก่อน ยังไม่เดือดร้อนอะไรนัก ตอนนี้แค่หมาเห่า อย่าเห่าตอบ หมากัดก็แค่มองหน้ามันก่อน เราไม่ไช่หมาคงยังไม่ต้องกัดตอบ แต่อยากบอกมันว่าคิดให้ดีก่อน กรรมมีเวลาของมันในการตอบสนอง นี่ก็คงใกล้เต็มทีแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557

5 Sep: หนังดี


เช้านี้ได้ดูหนังอาถรรพ์วันคริสต์มาส เห็นโฆษณานึกว่าจะไร้สาระ แต่ที่สนใจคือเป็น กึ่ง animation ผสมผสานการ์ตูนก็ไม่เชิง เป็นครั้งแรกที่ได้ดูแนวนี้ ดูไปๆชอบ ยิ่งชอบมากขึ้นเมื่อเห็นเนื้อหาการเดินเรื่อง เป็นเรื่องที่สอนใจดีมาก ไม่น่าเชื่อที่ฝรั่งมีแนวคิดเชิงพุทธที่สามารถสร้างหนังผสานแนวคิดเช่นนี้ได้ เราโทรคุยกะ link บอกให้หาซื้อเรื่องนี้มาเก็บไว้ดูอีก เสียดายแทนจริงๆสำหรับคนที่ไม่ได้ดู และเสียดายแทนอีกหลายคนที่ตายไปแล้ว..ที่ไม่มีโอกาสได้กลับมาดู แวบหนึ่งใจเราหวนคิดถึงหลายๆคน ที่ควรได้ดูก่อนตาย ชีวิตพวกเขาอาจมีปาฏิหารย์ได้พบและมีโอกาสแก้ตัวได้ทำในสิ่งดีๆก่อนตายแบบเรื่องนี้...ส่วนเราโชคดีที่ได้ดูและจะแน่วแน่ทำในสิ่งดีและถูกต้องต่อไป ที่สำคัญคือต้องเอาชนะมารให้ได้

วันนี้ link กลับจาก BKK
อาการหวัดเริ่มทุเลาแบบค่อยเป็นค่อยไป จมูกเริ่มรับกลิ่นได้บ้างหากสูดดมใกล้ๆแรงๆ ถ้ากลิ่นอ่อนก็ยังไม่ได้กลิ่น

วันนี้อ่านหนังสือ ไม่ได้ทำอะไร แวะไปหาทุมตั้งแต่เที่ยงกลับบ่ายสองเศษ พลขับมารับไปสนามบินตั้งแต่บ่ายสามกว่า เราเลยให้รอ เตรียมอาหารให้เด็กๆก่อน

วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2557

4 Sep: หวัดยาว


ไม่ได้มาบันทึกเกือบอาทิตย์ หวัดครั้งนี้แรงจริงๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะด้วยอายุที่มากขึ้นจึงหายช้า หรือเชื้อหวัดตอนนี้มันแรงขึ้น เพราะเป็นหัดมาหลายครั้งไม่เคยอาเจียร 3ครั้งในวันเดียวแบบนี้มาก่อน แถมปวดห้วมาก ซึ่งการปวดห้วเป็นเรื่องใหญ่มากของเราเพราะในชีวิตแทบไม่เคยรู้จักการปวดหัวเลย งานนี้โดนเต็ม นอนซมด้วยผลของยา มึนไปหมดยาเม็ดโต กินไปก็น็อกทุกมื้อ จนวันนี้จมูกยังไม่ได้กลิ่นอะไร แปลกมาก ยังไออยู่ ดีที่นอนเต็มที่ พักเกือบ 10 วัน ถือโอกาสนอนพักสมอง

วันนี้แอ๋วและลูกหนูโทรมา

คืนนี้เพิ่งสวดมนต์ได้ ไม่งั้นง่วงพับ ยาฆ่าเชื้อหมดแล้ว ยาไอละลายเสมหะมีอีกเพียบเพราะเราปรับเองตามความเหมาะสม