วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

29-30 July: โอกาสเดียว


เมื่อวานเช้าตักบาตรอุทิศให้วาวาด้วยปาท่องโก๋ เพราะวาวาชอบมาก วันนี้เช้าตักบาตรอุทิศให้ครูบาอาจารย์ทั้งหลายด้วย..

เมื่อวานเย็นไปซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้ากับเพื่อน แวะทานอาหารเย็นแบบเบาๆ  เดินดูของจนเพลินรู้ตัวอีกทีเกือบ  3 ทุ่ม ร้านหนังสือที่เราไปยืนอ่านปิดไฟเตือนให้รู้ว่าหมดเวลา เลยรีบกลับกัน

วันนี้พระอาจารย์ให้ช่วยเอามังคุดมากมายห้าลังไปให้โรงเรียนคนตาบอด

บ่ายจัดการเรื่องตำแหน่งอจ.ใหม่ที่คณะยังมีปัญหาอยู่ มีคนประเภทขัดขวางอะไรก็ตามที่จะก่อให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานของสาขา ไม่เข้าใจ แต่เวลาจะยัดเยียดอจ.เส้นเข้ามา ไม่เคยต้องถามหรือตรวจสอบอะไรเลย ตรงสาขาหรือไม่ก็"ครับผม"อย่างเดียวจริงๆ คงเป็นจิตที่คับแคบโมหะจริตและมืดมนของ เขานี่เองที่ทำให้เขาเรียนปริญญาเอกไม่จบ มีอุปสรรคตลอดตั้งแต่การขัดแย้งกับอาจารย์เขาเพราะอีโก้ในตัว ตอนนั้นเราไม่รู้ก็ให้คำแนะนำไปแต่ไม่รอด เพราะเขาทำไม่ได้ เปลี่ยนตัวอาจารย์ แต่ท้ายสุดก็ไม่รอดเพราะความคับแคบในตัวเขาเองสุดท้ายกรรมก็ทำให้เขาไม่จบ ปิดฉากชีวิตการศึกษาไปอีกบท หลังจากปิดฉากชีวิตครอบครัวไปหนึ่งบท ชีวิตเขาโชคดีมีโอกาสได้ทำง่นในตำแหน่งที่เขาเคยไฝ่ฝันมาตลอดเพื่อลบคำสบประมาทจากหลายคนที่เคยรู้ประวัติเขา จนเขาชนะการเลือกตั้ง และผ่านการคัดรอบสุดท้ายโดยกลยุทธ์ของภรรยาและคำสัญญาที่คนมีคุณธรรมจะทำไม่ได้......ในที่สุดเมื่อไม่นานตอนที่จะยัดเยียดอจ.เส้นคนหนึ่งเข้ามาเขาไม่ถามสาขา แถมยังบอกหน.สาขาอีกว่า"ไม่ตรงสาขาก็ไม่เป็นไรเปิดหนังสืออ่านก็ได้แล้ว" แปลกใจมากที่คำพูดนี้ออกจากปากเขาคนนี้ แค่นี้เราสามารถมองเห็นเส้นทางกรรมที่เขาจะเผชิญต่อไปได้แล้ว น่าสงสารชีวิตหลังเกษียณของเขาจริงๆที่จะไม่เหลือความภูมิใจอะไรเลย และไม่มีอะไรเป็นคำสรรเสริญเมื่อเขาออกไป ช่างน่าสงสารจริงๆ มีโอกาสทำในสิ่งดี และถูกต้องแต่กลับไม่ทำ


วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

28 July: เปิดเทอม


เช้าตักบาตรให้วาวา ไปวัด วันแรกที่ไม่มีวาวา วิ่งออกมารับหรือนอนกระดิกหางรอ มองไปตรงที่เขาเคยนอนแล้วใจหายขึ้นมาแวปหนึ่งต้องรีบวางไม่งั้นน้ำตาจะไหล ความคุ้นเคยที่รู้จักกันและเรียกเขาทุกครั้ง ที่เจอกัน วาวาชอบให้เกาท้องมาก วันก่อนที่จะตายก่อนเรากลับก็เกาท้องให้เขา เขายกขารับการเกาท้อง เป็นความสุขเล็กๆที่ให้เขาได้..ภพหน้าใดๆเราจะได้พบกันอีก

วันนี้นัดนศ.ตั้งแต่เช้า จัดการเรื่องลงทะเบียนให้พวกเขาจนเรียบร้อย จัดห้องพักเคลียร์ขยะกระดาษ เอกสารต่างๆ รู้สึกเหงาขึ้นมาเป็นระยะเพราะใจหายที่เปิดเทอมนี้คนเก่าๆหายไปหมด เหลือคนรุ่นใหม่ๆ..ตอนนี้สภาพเหมือนตอนไปอยู่ตปท.ใหม่ๆเลย...

เย็นจะกลับเจออภิชาติเขาบอกมีเกษียณห้าคน ฟังชื่อของคณะวิทย์สองคนแล้วรู้สึกดีใจหากเกษีนณจริงคงทำให้คณะเจริญขึ้น มหาวิทยาลัยคุณภาพบางส่วนน่าจะดีขึ้นเพราะแย่ขนาดสองคนนี้มีน้อยแล้ว อยู่เพื่อเงินตำแหน่งงานทำไม่เป็น ไม่มีสภาพอาจารย์มานานแล้ว สำนึกความเป็นครูหายไปด้วยอำนาจเงิน น่าเศร้าจริงๆ..การศึกษาไทย

เย็นเพื่อนส่งเรื่องมงคลมาให้ แต่ตัดสินใจอยู่แปลกดีบางครั้งเมื่อถึงเวลาดี ที่เหมาะมันก็มาเอง

วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

27 July: แด่..วาวา


เมื่อคืนก่อนนอนก็คิดถึงวาวา สวดมนต์ให้คุ้มครองให้วาวาหากจะไปให้ไปอย่างสบายและไม่เจ็บปวด ตอนกลางวันลูบหัวเธอให้ได้ยินคำว่าพุทโธ บอกเธอเบาๆว่า หากจะไปให้ไปให้สบายไม่ต้องห่วงเพราะเธอได้ดูแลกุฎิหลังนี้และพระอาจารย์อย่างดีมา 10 ปี วาวาไม่เจ็บป่วยอะไรเลย ไม่ยุ่งกับหมาตัวไหนทั้งสิ้น อยู่แบบโลกส่วนตัวสูงมาก เป็นหมาที่แปลกตั้งแต่เด็ก ไม่ชอบพระในวัดอยู่รูปหนึ่ง เมื่อใดที่รูปนี้เข้ามาที่บริเวณด้านนอกมันจะวิ่งไปแยกเขี้ยวทันที เฉพาะรูปนี้เท่านั้น เป็นที่แปลกใจมากแกมขบขันด้วยเพราะพวกเราไม่รู้เหตุผล..จนกระทั่งไม่นานที่พวกเราเพิ่งรู้พฤติกรรมบางอย่างจึงเข้าใจพฤติกรรมวาวาว่าหมาเขามีสัญชาติญาณที่รู้ลึกมากว่าใครดี ใครจิตใจไม่ดีและโดยเฉพาะอกตัญญูต่อผู้มีพระคุณของมัน เพราะวาวาเป็นหมาที่กตัญญูมาก.....หากพระอาจารย์ออกไปทำธุระนอกวัดวาวาจะนอนรอข้างโอ่งน้ำหน้ารั้วเสมอ

 

เมื่อคืนตี 3 .28 ตื่นมาและคิดทันทีว่าตะกี้ที่เห็นวาวามานั้นฝันหรือจินตนาการคิดถึงเธอ ..พอเช้าตรู่ตี 5 พระอาจารย์โทรมาบอกว่าให้เราไปตักบาตรให้วาวาด้วย คงตายเอาตอนดึก เพราะพระอาจารย์ก่อนจำวัดก็ไปดูและพูดคุยกับเขา

เช้านี้เรารีบไปตักบาตรให้เธอ ไปถึงวัดเห็นวาวานอนหลับตาสบาย ตาปิดสนิท หน้าเฉยแบบนอนธรรมดา เราไปลูบหัวเขาบอกให้รับบุญ พระอจ.เอาผ้าคลุมร่างไว้ link ห่อตัววาวาด้วยผ้าของพระอาจารย์ หลังจากพระท่านทำวัตรเสร็จก็นิมนต์ท่านมารับผ้าบังสุกุล ถวายปัจจัย ฝังเขาด้านในหน้ากุฎิ ...เพื่อนที่แสนดีและซื่อสัตย์จากไปอีก 1 ตัวแล้ว เห็นแล้วก็ปลงอีกครั้ง แต่วาวาโชคดีที่เกิดมาชีวิตไม่เคยทำชั่ว และได้อยู่อย่างสงบ สบายในความดูแลอย่างเมตตามากของพระอาจารย์ เรารู้ว่าท่านเสียใจมากพอควร แต่พวกเราก็ไม่พูดมากบอกว่าเขาโชคดีแล้ว ชีวิตเขาหมดหน้าที่ ไปภพภูมิใหม่ที่ดี หลับให้สบาย แล้วจุติในภพภูมิใหม่ที่ดี มีคนดีๆส่งบุญอุทิศให้วาวามากเลย

สายแวะหาสุตามนัด คุยหลายเรื่อง สามีเธอตามมาคุยทีหลังน่ารักมากเป็นคนมีน้ำใจ พูดตรงไปตรงมาดี จนไกล้เที่ยงกลับ ตอนบ่ายแก่ๆ สามีเธอโทรมาจากกรุงเทพช่วยทำธุระให้เราขอบคุณจริงๆ นี่ล่ะที่เขาบอกว่าเพื่อนล่ะที่หนึ่ง

วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

26 July : วาวา


 
วาวา
 
เช้าไปวัด วันนี้สงสารวาวามาก เพราะอาการเริ่มแย่ลง แต่เธอก็อดทนมาก link อุ้มออกจากหน้าห้องน้ำมาไว้หน้ากุฎิพระอาจารย์ที่เธอชอบนอน อาทิตย์ที่แล้ววาวายังปกติดี อารมณ์ดี วิ่งออกมาต้อนรับ ยิ้มแย้มแจ่มใส เรายังพูดเลยว่าหมู่นี้วาวาสดชื่น ไม่กี่วันผ่านไปเธอเริ่มจากอาเจียรไม่กินอาหาร เมื่อวานlinkป้อนยาให้วาวาเพราะคนอื่นมันแหง่ใส่ กับ link เธอเกรงใจ เธอปิดปากแข็งมาก เราเห็นแล้วทรมาณนึกถึงตอนพยายามป้อนยาให้ชาบู วันนี้เลยบอกวาวาว่างดการให้ยาแล้ว เพราะจะให้เธอจากไปอย่างสงบดีกว่า บอกให้พระอาจารย์ทำใจด้วย

บ่ายสามไปกับเพื่อนเอาของที่พระอาจารย์มอบให้ไปให้โรงเรียนคนตาบอดคือ มังคุด สะตอ ทุเรียน แล้วเพื่อนๆชวนออกนอกเส้นทางจนในที่สุดไปหาสุ สุพาไปทัวร์ต่อแล้วกลับมานั่งคุยที่บ้านนั่งกินมะพร้าวอ่อนกันจน 6 โมงเย็น

กลับบ้านเด็กๆ link จัดการอาหารให้เรียบร้อยแล้ว

วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

25July: พวกปากราน้ำ


 
เห็นภาพนี้ขำๆดี
 
เช้าไปมหาวิทยาลัย วันนี้ได้ตักบาตรอุทิศให้...และให้คุณครูดรุณีด้วย ไปวัด  วันนี้ไปตะลอนๆอยู่บนรถทั้งวัน ร้านป้าทิ้งปิดเพราะอธิบดีกรมทางหลวงมา เลยเหมาทั้งร้าน พวกเราเลยต้องเปลี่ยนร้าน ฝนตกเป็นระยะๆ ก็ดีอากาศไม่ร้อน พาพระอาจารย์ไปดูประตูอาคารที่กำลังสร้าง พระอาจารย์เลือกที่ประหยัดแต่ดี

ฝนตกหนักขากลับ แต่พวกเราออกมาในช่วงที่ฝนน้อยลงแล้ว

ดร.บอลโทรมาเรื่องมหาลัยอีก เบื่อมากแค่ได้ยินชื่อจื้งจกประสงค์น่ารังเกียจจริง อายุมากขนาดนี้แล้วไม่เคยจะคิดทำประโยชน์ให้แก่คุณภาพการศึกษาเลย เอาปากราน้ำไม่เลิก วันๆนั่งเงี่ยหูทำงาน หาตำแหน่งไว้กินเงินประจำตำแหน่ง พวกแบบนี้มีทุกที่ การศึกษาไทยตกต่ำเพราะพวกคนแบบนี้มากทีเดียว ..เฮ้อ ชีวิตน่าเบื่อก็ตอนได้ยินเรื่องพวกนี้แหละ จิตตกทุกที ดีที่ตอนนี้วางเร็วขึ้นมาก







วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

24 July: กรรมของตน


เช้าไปวัด เตรียมประมวลการสอนเสร็จหมด ส่งให้จนท.ส่งพิมพ์ เตรียมสอนต่อ อ่านข้อมูลไปด้วย
ค่ำนี้ตั้งใจไปงานสวดศพอาจารย์ดรุณี นุตริยทัศน์ ปรากฎว่าไปถึงวัดงงมากว่าทำไมมืดจัง ปรากฎว่าเผาไปแล้วบ่ายนี้เป็นความผิดของเราที่เชื่อความจำความจำตัวเอง ว่าเผาวันเสาร์ แย่มากจริงๆอันที่จริงการ์ดตั้งตรงหน้าโต๊ะ ไม่หยิบมาดู เมื่อวานเหนื่อยมากไป ตั้งใจว่าจะไปเลยผลัดมาเป็นคืนนี้ และช่วงกลางวันก็คิดถึงอาจารย์ขึ้นมาสี่ห้าครั้ง ไม่เอะใจ นี่ถ้าหยิบการ์ดมาดูก็คงรีบไปแล้ว แย่มากเลยเรา...ยังไงก็ดีที่ได้ไปแล้วครั้งหนึ่ง

ได้ยินข่าวเครื่องบินตกอีกแล้ว มาเลเซีย 2 ครั้งแล้ว ทั้งหาย และตาย ไม่รู้ว่าทำกรรมอะไรมาพร้อมกันเช่นนั้น เราว่ารู้ว่าเครื่องตกยังดีกว่า 370 ที่หายไป สำหรับคนที่เป็นญาติคงทุกข์มากตราบเท่าที่มีลมหายใจเพราะต้องตั้งความหวังว่าวันหนึ่งเขาอาจกลับมา หรือไม่ก็ป่านนี้เขาเป็นไง อยู่ที่ไหน สารพัดคำถาม ยากจะทำใจจริงๆ รู้สึกเห็นใจทุกคนมากจริงๆ อ่านหลายข่าวที่สูญเสียลูกไปสองคน หน้าตาน่ารักมาก วัยกำลังมีอนาคต เฮ้อ !! ชีวิตนี่ช่างอนิจจังไม่เที่ยง..อยากให้หลายๆคนได้บทเรียน เราโชคดีที่ยังมีลมหายใจ เพียรเร่งทำกรรมดีไว้เถิด ชีวิตนี้สั้นจริงๆ

วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

23 July: กลัวติดสบาย


เช้าไปวัด วันนี้หนูโบโทรมาคุยหลายเรื่องราว วันนี้ซักผ้า ฝนเลยตกหนัก บ่ายนี้มีแดดเล็กน้อยก็ยังดี เตรียมสอน เทอมใหม่นี้ใช้หลักสูตรใหม่รุ่นแรก เป็นสาขาใหม่ด้วยก็ไม่รู้จะไปรอดไหม ยังห่วงเด็กว่าจบสาขาใหม่ที่เปิดนี้แล้วจะมีคนรับเข้าทำงานที่ตรงกับความรู้บ้างไหม ส่วนที่ไปเป็นแคชเชียร์ หรือพนักงานขายสินค้า มันก็เสียดายความรู้เสียดายเวลาที่อุตสาห์เรียนมา.....พวกอจ.ที่ร่วมร่างหลักสูตรนี้ทุกคนไม่มีใครอยู่แล้ว ลาออกบ้าง  (หน.โปรแกรม)เรียนต่อบ้าง เหลือเรานี่ล่ะที่รู้เรื่องน้อยที่สุดยังอยู่ เฮ้อ!! นี่ถ้าหลับตาขอลาออกได้จะทำทันที คนเราเป็นยังงี้ เมื่อถึงเวลาอยากออกก็มีเหตุที่ออกไม่ได้ โชคชะตาจริงๆ คงกลัวเราจะสุขสบายเกิน แต่มันก็คงจริงหากเราได้ลาออกชีวิตสบายๆที่มีเวลาว่างมากขึ้นในการที่
จะได้สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้ส่วนรวมก็จะทำได้มากกว่านี้ แต่เราก็จะไม่มีกรอบควบคุม อาจติดสบายเลยออกไปจนกลายเป็นเกียจคร้านหุหุ

บ่ายเตรียมประมวลการสอนตามหลักสูตรใหม่ กีโทรมาชวนไปซื้อของเลยออกไป  link ไปด้วย ตั้งใจจะไปชั่วโมงเดียวปรากฎว่ากีไปเจอของชอบ เลยตามแปะมาปรากฎว่าเลยยาวไปสามชั่วโมง กลับมาเย็น


วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

22 July: ชีวิตสุข


เช้านี้มีการตักบาตรและเจริญพระพุทธมนต์เพื่อความสมานฉันท์ที่บริเวณหน้าศาลหลักเมือง link ไปช่วยพระอาจารย์ เสร็จรีบเข้ามหาวิทยาลัยเกือบไม่ทัน วันนี้เจอคนเยอะเพราะสายแล้ว นศ.ก็ยังวุ่นกับการรับน้องไม่เสร็จ

คิดถึงเมื่อวานที่คุยกับเพื่อนแล้วรู้สึกสบายๆ เวลาเราได้คุยกับคนที่สบายเย็นๆ เราก็ได้รับความรู้สึกเย็นๆ ไม่ร้อน แต่เธอดีกว่าเรามากตรงที่เธอยังคงมุ่งมั่นทำงานวิจัยทางการแพทย์ของเธอไม่หยุด แต่เราหยุดแล้วในส่วนนี้ ตอนนี้เราหันกลับเข้ามาศึกษาตัวตนของตน ในตน ให้มากขึ้น คนเรามีวิถีทางของ
แต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน สุขกับเรื่องที่ไม่เหมือนกัน อะไรที่ดีๆในชีวิต มาจากการทำดี คิดดี มีเพื่อนดี สิ่งแวดล้อมดี สำหรับเราแค่ปฎิบัติตามมงคลสูตรข้อแรก ชีวิตก็สุขแล้ว หุหุ

บ่ายนี้ก็เตรียมสอนไป สลับกับการเป็นแจ๋ว อาบน้ำศรีวัน วันละตัวก็หมดแรงแล้ว

วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

21 July: เจอเพื่อนเก่า


เช้าไปตักบาตรอุทิศให้คุณครูดรุณี แต่ไม่มีพระในเส้นทางที่ไป เลยไปวัดแห่งหนึ่งแต่มีพระรูปเดียวก็ถวายอาหารไป 1 ชุด ไปวัด ตั้งแต่วันนี้จะมีนร.รร.เทศบาลมาถวายอาหารเพลทั้งอาทิตย์ เลยเอาอาหารกลับมา นึกได้ว่าควรเอาไปถวายพระและแม่ชีที่สถานปฎิบัติธรรม เลยไปกัน แม่ชีทั้งสองเห็นเราดีใจมาก วันนี้ชีใหญ่ก็สอนเรื่องเมตตาของเราว่าจะทำให้ติดภพ ให้เอาออกเสีย นี่แหละที่ว่าเมตตาต้องมัปัญญาหาไม่เราเองจะติดบ่วงนั้นเสียเอง...ขอบคุณแม่ชี ที่เมตตาสอนอีก

เย็นนัดเพื่อนหมอมาจากภูเก็ต เป็นเวลา 30 ปีเศษที่ไม่ได้เจอตั้งแต่จบ ตอนนี้เป็นระดับผอ.แล้ว ไม่เปลี่ยนเลย ดีใจมาก  นัดไปทานเย็นอาหารทะเล คุยความหลังแบบคนแก่เจอกัน ลำดับเรียงเรื่องของแต่ละคนว่าเมื่อจบป.ตรีแล้วไปเรียนอะไรต่อกัน ตอนรุ่นพวกเราที่เรียนสาขาเดียวกันนั้นมีเพียง 14 คน เมื่อเธอจบเธอไปต่อแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง (skin desease ที่ไม่ไช่ด้าน cosmetic) มาเรียนที่รพ.พระมงกุฎ ฯ  ขยันเรียนมากไปหาความรู้เพิ่มเติมเรียนรปศ. ของนิด้าเวลาว่างจนจบ... วันเวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน แต่ดูเพื่อนไม่แก่ขึ้นเลยจริงๆ  เธอเปิดคลีนิกด้วย ไม่แต่งงาน แต่มีความสุขกับครอบครัวใหญ่ เราดีใจที่เพื่อนมีความสุข คุยถามข่าวของเพื่อน ๆกลุ่มภูเก็ต ระนอง วันดีคนเก่งก็เป็นอจ.คณะแพทย์ ส่วนผี (ชื่อเล่นจริงๆ สวยด้วยเก่งด้วย) แต่งงานกับหมอด้วยกันไปอยู่พิษณุโลก เปิดโรงพยาบาลที่นั่นด้วย เหวยอยู่วจก. สามีตายแล้ว หม่วยอยู่ระนอง  แต่ร้านขายยาเลิกแล้ว สามีตายแล้วเช่นกัน  บุ๋มยังอยู่ภูเก็ต

วันนี้สบายๆอีกวัน

วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

20 July: แด่คุณครูดรุณี นุตริยทัศน์ ด้วยรักและอาลัย

 
แด่คุณครูด้วยดวงใจ

เช้าวันนี้ตามสบาย เพลไปวัดเอาปลาทอด ข้าวโพดไปถวาย ช่วยเก็บกวาดโรงครัวให้สบายตา  กลับบ้านยังไม่ทันได้ทานข้าว พระอจ.คอมพิวเตอร์ที่ใช้สอนมีปัญหา เลยตาม link ไปช่วยแก้ ไปถึงทำแล้วใช้ได้แต่ไฟดับพอดีเพราะฝนตกหนักลมแรงมาก กลับบ้านทานอาหารบ่ายสองเศษเพราะแวะซืออาหารเม็ดให้เด็กๆ

 โชคดีที่วันนี้ได้ผ่านวัดธรรมบูชาเลยเห็ยป้ายแขวนงานศพของคุณครูดรุณี นุตริยทัศน์ อายุ 81 ปีตกใจมาก เพราะเป็นคุณครูอีกท่านที่เรารักมาก แต่ตั้งแต่กลับมาไม่เคยได้แวะไปกราบคุณครูเลยเพราะลืมจริงๆ เมื่อเห็นป้ายจึงเสียใจมาก รู้สึกผิด เย็นนี้จึงตั้งใจไปงานศพไปขอขมา และกราบระลึกถึงพระคุณคุณครู......

ย้อนไปสามสิบกว่าปี คุณครูเป็นครูที่น่ารักมาก สอนคหกรรม ใจดี พูดจาไพเราะอ่อนหวาน ครูจะขี่จักรยานสองล้อคู่ชีพ พร้อมตะกร้าใบหนึ่ง ครูจะแต่งตัวเรียบร้อย กระโปรงทรงกระสอบปิดเข่า สีดำหรือไม่ก็กรมท่า เสื้อขาวเรียบๆเป็นส่วนมาก ผมสั้นหยักศกครูผิวขาว หน้ากลม ตัวเล็กป้อมๆน่ารักเสมอ ภาพของครูเรายังไม่เคยลืม เสียงที่มีเมตตาของครูยังก้องอยู่เมื่อนึกถึงแม้ขณะกำลังเขียนนี้  ครูสนิทกับม่าม้ามาก ม่าม้าเอ่ยถึงเป็นประจำ ...แต่เราไม่เคยเจอครูเลยหลายสิบปี และไม่เคยทราบว่าครูไปอยู่ที่ไหน  ครูสมัยก่อนไม่ต้องมีรางวัลครูดีเด่น แต่ครูเป็นครูที่ดี เป็นครูดีในดวงใจของศิษย์จริงๆ

วันนี้เมื่อไปถึงงานศพจึงรู้ว่า คุณครูยังมีลูกสาวเหลืออีกคน อายุ 40 เศษ น่ารักแต่ไม่ขาวแบบครู เราบอกเธอประโยคแรกเลยว่า เรารักคุณครูมาก เสียใจจริงๆ ลูกสาวครูน้ำตาคลอทันที เราอยากให้เธอรู้และปลื้มใจว่าคุณแม่ของเธอเป็นคนดี และครูดีจริงๆ  เราบอกว่าคุณครูสนิทกับแม่เรา เธอถามว่าแม่เราชื่ออะไร เมื่อเราบอกชื่อ เธอจึงบอกว่าเธอเคยได้ยินแม่เอ่ยชื่อแม่เราบ่อยเช่นกัน  เธอบอกว่าเราไม่ต้องรู้สึกผิดเพราะครูไปอยู่กรุงเทพตลอดมา จนป่วยและลูกๆตาย เหลือเธอ จึงเพิ่งได้เอาครูมาอยู่ที่นี่ได้ปีเศษ .....เราดีใจที่อย่างน้อยได้มีโอกาสแสดงกตัญญูครั้งสุดท้ายได้กราบคุณครู และบอกคุณครูว่าศิษย์คนหนึ่งที่ครูได้ สั่งสอน ได้เรียนจบปริญญาเอก และเป็นคนดีของสังคม ผลบุญที่ครูสั่งสอนจนศิษย์ได้ดี และเป็นคนดีจงเป็นพละบุญส่งให้คุณครูสู่สุคติภพ เบื้องหน้าโน้นเทอญ หลับให้สบายนะคะครูขา ...พรุ่งนี้หนูจะตักบาตรให้คุณครูค่ะ

วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

19 July: 18 มงกุฎ


เช้าไปวัด วันนี้รอกลุ่มเพื่อนที่เขานัดกันไปวัดทำน้ำทุเรียน ข้าวตอก ตามประเพณีเข้าพรรษา เราร่วมทำบุญไปเล็กน้อย ไกล้เที่ยงตระเวณขับรถไปทัวร์ตามนัด แวะทานข้าวที่ร้านอาหารบนเขา วิวสวยมากๆ หลังจากนั้นตระเวนไปที่ต่างๆ แวะร้านขนมนั่งกินไปคุยสนุกกับเจ้าของร้าน คนรุ่นใหม่ที่พวกเราแวะมาทุกเดือน แวะไปร้านไกล้เคียงอีกสองร้านที่ต้องแวะประจำ กินเล่นกันจนพุงกางไปหมด วันนี้พักผ่อนสบายๆ ชีวิตชิลๆ หุหุ

เย็นนี้สวดมนต์อุทิศกุศลให้ทั่วพิภพจบสากล สองสามีภรรยาตำรวจคู่นั้นที่น่าสงสารพวกเขาที่ยังติดหลงในความโลภไม่รู้จบ ลึกๆก็อยากบริจาค สงเคราะห์ให้พวกเขาเป็นทาน แต่พวกเขาก็ไม่ไช่พวกที่อดอยาก ยากจน ขาดแคลนแต่เป็นพวกคนโลภ ออกจะฟุ่มเฟือยเกินตัว ติดสร้างภาพด้วยซ้ำ เหมือนที่เพื่อนๆตั้งชื่อครอบครัวนี้ว่า พวก 18 มงกุฎ  เราเองก็เวทนาพวกเขามากที่เห็นทั้งคู่พร้อมใจกันยืนโกหก กล่าวคำเท็จ และต่อกรรมให้ลูกอีก วันหนึ่งไม่ช้าเมื่ออกุศลกรรมส่งผล มันคงแก้ไขไม่ได้

เมื่อสองสามวันที่แล้ว ถวายปัจจัยในการตรวจสุขภาพพระ 1 รูป สามเณร 1 รูป อนุโมทนาบุญด้วยกัน

วันศุกร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

18 July: เรื่องดีๆที่ทำ


 
เช้าไปวัด บ่ายมีนัดกับพี่ชายของเพื่อน แวะคุยเล่าเรื่อง ก็เข้าใจตรงกัน สรุปทุกอย่างตรงกัน แวะร้านทำไวนิลตรวจดูงานที่ส่ง เป็นครั้งแรกที่ทำประกาศบอกบุญของวัดที่กลุ่มพวกเราทำ เพราะพระอาจารย์ไม่ชอบการเรี่ยไร แต่ครั้งนี้คงต้องช่วยกันเพราะส่วนหลังคาแพงมาก ขาวบอกว่าต้องบอกบุญให้มาร่วมด้วยช่วยกัน หอประชุมพระสังฆาธิการหลังนี้ จะก่อเกิดประโยชน์ในการบริหารงานคณะสงฆ์ในอนาคตมากมายทีเดียว ..ร้านที่ทำไวนิลทำให้ฟรี อนุโมทนาบุญด้วย และเราทำเป็นแผ่นแจกให้แจกที่โรงครัววันพระด้วย บอกบุญให้ทั่วถึง มีเรื่องดีๆ ให้ทำทุกวัน... ชีวิตนี้ก็คุ้มแล้ว แต่แปลกบางคนก็ช่างคิดเรื่องร้ายๆได้ทุกวัน น่าสงสารจริงๆ

เย็นกลับบ้านด้วยความสบายใจ ทุกอย่างเป็นได้ตามที่หวัง อัศจรรย์แห่งบุญนั้นมีจริงๆ ถึงเวลาคับขันจะมาช่วยเสมอ ขอบคุณจริงๆ



วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

17 July: คนพาล


เช้าไปวัด วันนี้สบายๆ ใช้เวลาพักผ่อน เตรียมสอน รู้ข่าวว่าปริญญากลับมาแล้ว แต่ยังไม่จบ  5 ปีเศษแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นไหม ได้แต่หวังว่าด้วยวัยที่มากขึ้นเขาจะรู้จักคิดและมีความเป็นครูมากขึ้น

วันนี้ก็มีการคุยเล่าเรื่อง สองสามีภรรยานั้นในวงอาหารเป็นรายการขำขัน ตอนนี้เลยสรุปกันว่าเพิ่งเข้าใจว่าเมื่อสุนัขเขาคำรามหรือเห่าหาเรื่องนั้น มันกำลังพูดว่า "กูไม่กลัวมึง" ข่มไว้ก่อน เรานึกภาพไม่ออกนะเพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ในที่นั้นเพราะเดินออกมาพอดี แต่ทันได้ยินปลายเสียง แบบงงๆว่าใครกลัวไม่กลัวใครกัน ตอนนี้คำนี้เลยเป็นวลีล้อเล่นทั้งวัน

ส่วนเรายังนึกถึงหน้า และแววตาของจิตที่ทุรนทุรายด้วยโทสะ จริต และโลภะจริต แล้วสงสาร วาจาที่ผรุสวาสกล่าวออกมาจากปากคนยศ พ.ต.ท. แบบคนพาลทั้งกิริยา คำพูด แต่ที่น่าสงสารกว่านั้น คือลูกชายเจฟ ที่หน้าเศร้ามาก ตลอดที่นั่ง เรากำลังนึกถึงคำพูดของ..ที่บอกเราว่าอกุศลกรรมที่พ่อแม่ทำจะตกแก่ลูก และโดยเฉพาะการให้ลูกได้รับรู้การกระทำที่ชั่วของพ่อแม่ด้วยยิ่งเร่งกรรมยากจะหลีกเลี่ยง  ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้น โลภจนลืมความทุกข์ของลูก so sad แล้วจะ "สุขเกษม"ได้อย่างไร เช้านี้อุทิศบุญแผ่เมตตาให้พวกเขาเช่นเคย..บางทีแอบคิดนะว่าพวกเปรต เราส่งบุญไปไม่ถึง แล้วครอบครัวนี้เราแผ่กุศลให้ตลอดเลย ก็ยังไม่ลดการก่อกรรมลง แล้วพวกนี้เป็นอะไรหนอ หุหุ

วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

16 July: บททดสอบ


มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นมากมายในสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นเรื่องบุญล้วนๆ  (ค่อยทะยอยเขียน เรื่องค้างเยอะจัง)ส่วนวันนี้เป็นเรื่องที่แตกต่าง เป็นเรื่องเผชิญมาร แต่มันทำให้เรารู้ว่าเราฝึกผ่านแล้วอีกด่านหนึ่งของการทดลอบ ต้องขอบคุณสองสามี ภรรยาผู้น่าสงสารคู่นั้นจริงๆ วันนี้เอาลูกชายวัยรุ่นและพ่อตามาร่วมก่อกรรม เราเห็นเด็กแล้วน่าเอ็นดู และสงสารที่เด็กต้องมีพ่อแม่ที่มีความโลภมาก ขนาดต้องใช้ลูกเป็นเครื่องมือทำความผิด ไม่รู้จริงๆนี่คือบาปที่ตัวเองกำลังได้รับคือทำร้ายลูกตัวเอง เหมือนที่เขาทำร้ายเราในขณะนี้ เราแก้ชดวิบากไปแบบสงบ มีสติเลยสบาย ไม่ทุกข์ วันนี้ก็มองเขาด้วยความรู้สึกน่าเวทนาว่าลงทุนทุกอย่าง กล่าวเท็จ กล่าวคำหยาบแบบตาใส เรามองก็อมยิ้มเพราะปลง และคิดว่ากำลังดูบทละครชีวิตของพวกเขา ที่เขาเขียนเรื่องเอง กำกับเอง แสดงเอง เราบังเอิญผ่านมาในเวลาหนึ่ง ก็เลยโดนสะเก็ดกรรม ไม่เป็นไร มารไม่มีบารมีไม่เกิด เป็นบททดสอบที่ดี การไม่โกรธตอบ ทำตัวเองให้ดี ให้ถูก ในส่วนของเราเป็นอะไรที่ดีจริงๆ วันนี้สอบผ่าน ขอบคุณมาร "สุขเกษม" จริงๆ หุหุ

วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

10 July:เงินบาป


เช้านี้ลางานอีกวันเพราะต้องไปทำธุระส่วนตัว สองเรื่อง สำเร็จด้วยดี และมีของแถมเจอคนรู้จักที่คุยแล้วเป็นประโยชน์ เลยอยู่ฟัง กลับบ้านเกือบเย็นแล้ว หมดไปอีกวัน ตั้งใจจะซื้อของถวายพระวันเข้าพรรษา เลยยังไม่ได้ซื้อ พรุ่งนี้ต้องจัดการ

วันนี้อ่านหนังสือ "WISDOM OF FORGIVENESS"  ดาไลลามะ ดีจัง ยังอ่านไม่จบ ค่อยๆอ่านเท่าที่มีเวลาตอนเดินทาง

วันนี้ได้ยินคนเอ่ยเรื่องของสริตา ฟังแล้วรู้สึกละอายแทนเธอจัง และอีกสองสามความรู้สึกว่าจะสงสาร เวทนา หรือเห็นใจ อันไหนจะเหมาะกับคนที่มีโมหะ และโลภะจริตสูงแบบเธอนะ มีบางคนบอกว่างานนี้สงสัยสามีเธอตั้งใจจะส่งเธอเข้าคุก หุหุ แต่เราว่านะคู่นั้เป็นคู่ก่ออกุศลกรรมแบบผีเน่า โลงผุ เขาสร้างมาให้อยู่ในบ่วงเดียวกัน ทำกรรมด้วยกัน อกุศลกรรมที่พ่อแม่สร้างไว้มากมายและต่อเนื่องจะสะท้อนไปยังลูกสองคนที่อเมริกาในไม่ช้า เงินบาปไม่มีวันเลี้ยงลูกให้ดีได้ ผลของอกุศลกรรมซื่อตรงนัก

วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

9 July: โรคอยากได้


วันนี้ลา ไปรับเพื่อนที่สนามบินตั้งแต่เช้า พามากินติ๋มซำเจ้าอร่อย พาไปทำธุระ เที่ยงไปทานข้าวกะกีและแปะ คุยกันหลายเรื่อง เช้าวันนี้งานผ่านไปด้วยดี เป็นผลบุญหนุนส่งจริงๆ วันนี้ได้รู้เรื่องราวลวงโลกมากมาย ก็เลยคุยกันในกลุ่มว่าสงสัยว่าสริตาเป็นโรคทางจิต อาจเป็นพวกโรคจิตแบบที่หมอเคยวินิจฉัยอจ.ที่มหาลัยแห่งหนึ่งที่เคยไปเรียนที่ออสเตรเลียกับเราว่า เป็นโรคอยากได้ของคนอื่นจนตัวสั่น แปลกมากตอนแรกที่ได้ยินไม่คิดว่าจริง แต่อยู่บ้านเดียวกันหลายคน เลยช่วยกันดูเธอ ในที่สุดทุกคนเห็นและเข้าใจอาการ บางคนรับได้ บางคนรับไม่ได้ เรื่องราวในบ้านตอนนั้นน่าจะนำมาทำเป็นละครสั้นจริงๆ..ตอนนี้มาเจอรายนางสริตา แต่รายนี้จิตโลภแล้วยังจิตหลอกตัวเอง ลวงโลกโกหกแบบปั้นน้ำเป็นตัว จนในกลุ่มที่เธอไปก่อกวนส่ายหัวเบื่อมาก แปลกที่เธอไม่ละอายหรือเกรงใจคน มีแต่ กูจะเอา กูจะเอา หุหุ น่าเวทนาพ่อแม่และสามีที่ไม่สามารถหาเลี้ยงเธอให้พอได้ ต้องให้เธอออกมาทำเรื่องผิดธรรมเช่นนี้ วันนี้เล่าไปก็หัวเราะกันไปขำเรื่องที่เธอแต่งขึ้น กีบอกเราว่างานนี้ต้องเอาไปเขียนเป็นนิยายน้ำเน่า...

เย็นไปส่งเพื่อนกลับเรียบร้อย...เป็นวันที่ยาวมากกกก

วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

8 July: ดักปลาใหญ่



เช้าไปมหาวิทยาลัย ไปซื้ออาหารถวายเพลพระ ตอนนี้มีพระและเณรมาเรียนบาลีสิบกว่ารูปด้วย  ไปวัด เจอท่านพิเชฐ เลยสนทนาเรื่องการปฎิบัติหลายๆสำนัก ..

วันนี้มีติดต่อธุระกับคนสองราย ได้รับการแจ้งจากยะเรื่อง คุณเป็นคนสำคัญ รายการใหม่ของมหาวิทยาลัยที่นัดรวมพลคนเกิดในเดือนเดียวกัน 1-15 มาเจออธิการบดี แล้วสังสรรค์ให้รู้จักกันและอาจกินข้าวร่วมกัน เพราะนัดเจอ 11.30 น และมีการสั่งจากใครไม่รู้ว่าให้ไปทุกคนที่มีชื่อ..ก็ยังงงๆกันว่าจะต้องมีเช่นนี้ตลอดไปไหม ก็จะดูรอบนี้ว่าจะไปกันกี่คน ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเป็นการต้อนปลาเพื่อดักปลาใหญ่ตัวหนึ่งรึเปล่า หุหุ ปลาใหญ่ตัวนั้นน่าจะไม่โง่หรอก...

ช่วงนี้มีงานด่วนแบบไม่คาดคิดเข้ามาตัดหน้า ทำให้ต้องชลองานอื่นไป รวมทั้งการจะเขียนบันทึกการฝึกลมหายใจเพราะต้องการสมองที่โปร่งในการเขียน ขอเวลาเป็นสุดสัปดาห์ดีกว่า

วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

7 July: สิ่งใดไม่จริง สิ่งนั้นไม่มี


วันนี้ตื่นแต่เช้าเดินทางไปภูเก็ต ระหว่างทางก็เล่าสรุปเรื่องที่ไปฝึกตนให้ link ฟัง ถือเป็นการทบทวนตัวเอง

วันนี้ช่วงเย็นระหว่างเดินทางก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งข่าวบางเรื่อง โชคดีมากที่เพิ่งออกจากการฝึกตนเมื่อวานแล้ววันนี้ได้รับเรื่องนี้ทันที รอมาตั้งแต่ปี 2555 คงผลบุญส่งมา เรื่องบางเรื่องก็มีเวลาของมัน ในการดำเนิน แปลกดี...สิ่งใดไม่จริง สิ่งนั้นไม่มี   ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมเสมอ

พรุ่งนี้ว่างก็อาจได้มาเขียนเล่าบันทึกเพิ่มเติม

วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

6 July: ไปฝึกลมหายใจ


วันที่ 3-6 ไปฝึกลมหายใจ ในสถานปฎิบัติธรรม...ที่เจอโดยความบังเอิญ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที่ทำให้ได้ไปพบที่แห่งนี้ และเราอาจเป็นคนที่จริงจังกับความรู้สึกของตัวเอง และมุ่งมั่นอยากเรียนรู้ ทำให้เมื่อกลับมาแล้วก็ยังใคร่ครวญติดภาพและคำพูดที่แม่ชีได้พูดเล่าให้ฟัง ในที่สุดใช้เวลาสามวันตัดสินใจไปฝึกลมหายใจที่นั่น ขาวก็สนใจขอตามไปด้วย เขาจะไปวันศุกร์ ส่วนเราตอนแรกจะไปวันศุกร์ แต่เห็นว่าเป็นวันพระ เลยตั้งใจไปก่อนวันพระเพื่อจะได้ร่วมกิจกรรมวันพระของที่นั่นให้เต็มวัน..ก่อนไปหนึ่งวันขาวบอกยกเลิกการไป เราไม่แปลกใจ เพราะเรื่องเช่นนี้จะมีมารมาขวางบุญทุกครั้ง ต้องมีความตั้งใจและจิตที่มั่นคงแน่วแน่เท่านั้นจึงผ่านมารที่เข้ามาในรูปแบบต่างๆได้ เราเองก็มีตั้ง 4 เรื่องที่เข้ามาเพื่อจะทำให้เราไม่ไปหรือเลื่อนการไป ที่แปลกมีเรื่องหนึ่งเป็นกรณีเดียวกับขาวและขาวเลือกเป็นเหตุผลของการไม่ไป แต่เราหลีกเลี่ยงเรื่องนั้นจนได้ไป ...หากเรารู้ทันมารและเลือกการไปฝึกปฎิบัติอย่างแน่วแน่แล้ว มารก็แพ้ไปเองเพราะสิ่งที่เกิดกับสุขภาพของเราคือการปวดเข่า และฝ่าเท้าของเราแบบไม่มีสาเหตุ (เหมือนที่เคยเกิดก่อนไปฝึกที่อื่นก่อนหน้านี้) เมื่อไปถึงที่นั่นกลับไม่มีอาการใดๆเลย กระทั่งกลับมาก็ไม่มีอาการใดๆ เป็นปกติเหมือนเดิม..

การไปครั้งนี้ได้ข้อคิด ได้เรียนรู้ ได้คำตอบของหลายเรื่อง บางเรื่องเอามาเปลี่ยนตัวเองได้ แม้จะเรียนรู้ช้าไปหน่อย แต่ก็ไม่สาย..เรื่องของข้อธรรมที่จะนำมาใช้กับชีวิตจริงนี้เรียนรู้ไม่รู้จบจริงๆ แค่คิดเป็นไม่พอ ต้องคิดถูกจึงเข้าใจและนำมาใช้ได้จริง แม่ชีชี้แนะหลายเรื่องที่เราถาม นำประสบการณ์ตรงของแม่ชีที่ท่านปฎิบัติและศึกษามา มาตอบ ปัญหาในชีวิตเราแต่ละปัญหามันเหมือนแม่กุญแจ ที่ต้องใช้ลูกกุญแจอันที่ไช่ ปัญหานั้นก็จะถูกแก้ตรงจุด ..สำหรับเราเหลือปัญหาเดียวที่พยายามแก้ไขตัวเองคือ "เมตตาอย่างไรให้ไม่มีเงื่อนไข " เพราะเรามีเงื่อนไข สำหรับการมีเมตตา เรารับไม่ได้กับพวกคนที่ชอบขโมย พวกโกงกิน  ทำให้เราขาดเมตตากับคนพวก/คนกลุ่มนี้ ตอนนี้เราเข้าใจในการปฎิบัติตัวกับคนพวกนี้แล้วทำให้อะไรๆที่เคยเกาะกุมความคิดถูกกุญแจถูกดอกไขออกไปแล้ว ทั้งๆที่มันเหมือนกับที่พระอาจารย์และ link ได้ปฎิบัติกับคนพวกนั้น แต่ไม่มีคำอธิบายออกมาเนื่องจากนั่นเป็นวิธีปฎิบัติตนอย่างเป็นธรรมชาติของผู้เข้าใจธรรมเช่นนั้น จากนี้เมื่อสามารถแก้ปมอันนี้ได้ อะไรอีกหลายอย่างก็เป็นเรื่องเล็ก เพราะปัญหาในโลกน้มาจากการขาดเมตตาต่อกัน กระทั่งกับสองสามีภรรยาตำรวจจอมสร้างเรื่องคู่นั้น เราก็ต้องแผ่เมตตาให้พวกเขาทั้งครอบครัวให้มากขึ้น จะพยายาม...ดีแค่ไหนแล้วเพราะธรรมะที่ศึกษาและฝึกตนมาทำให้เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหาของชีวิตเรา แต่เป็นบทเรียนของทุกครอบครัวที่ต้องระวังอย่าให้คนแปลกหน้าเข้ามาตีสนิท หรือวางแผนการณ์ทำร้ายกับคนในครอบครัวจนสายเกินไป ..

แล้วจะเอาเรื่องที่สามารถเขียนได้มาบันทึกไว้ช่วยจำอีก และอาจเกิดประโยชน์บ้างต่อผู้มาอ่านในอนาคต