วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556

31 Dec: สิ้นปีมะเส็ง


เช้าไปสั่งปาท่องโก๋ไว้ถวายพระตอนเช้า ไปวัด วันนี้ไม่มีอะไร ถนนค่อนข้างเงียบ จะแวะไปธุระแต่หาไม่เจอเลยได้เที่ยวทางอ้อม กลับมาเห็นอากาศไม่ค่อยดี เลยซักผ้า ซักเสร็จอากาศก็ยังไม่ดีขึ้น หุหุ..เอาขนมไปให้กิ่ง สักครู่ใหญ่หยีแวะมาสวัสดีปีใหม่ สามีเธอเกษียณแล้ว

ปีนี้ผ่านไปเร็วมากไม่ได้รู้สึกว่าได้ทำงานอะไรเป็นชิ้นอันมากมายนัก ปีหน้าต้องตั้งเป้าเขียนงานให้ได้เป็นชิ้นอันมากกว่านี้ ไว้กลางเดือนหน้าจะวางแผนว่าจะเขียนงานอะไรบ้าง

คืนนี้เตรียมไปสวดมนต์ข้ามปี ให้เป็นสิริมงคลแก่ประเทศ แก่ตัวเองและครอบครัว ผู้มีพระคุณ อุทิศให้ผู้สละชีวิตและทำคุณต่อประเทศทุกยุคสมัย อุทิศให้บรรพบุรุษทุกชาติ บริวารทั้งหลาย จนถึงเจ้ากรรมนายเวร ........ตลอดจน "สุขเกษม" ให้พวกเขาได้รับผลบุญเป็นสุขๆ  รู้สำนึกและละอายต่อบาปที่พวกเขาได้สร้างเรื่องก่อกรรม/ต่อกรรมแก่คนดี ๆ หลายสิบชีวิตมานาน ให้รู้ผิดชอบ-ชั่วดี เขาจะได้ไม่ต้องเป็นผู้ต่อเคราะห์กรรมให้ลูกของเขาเองต่อไป เราช่วยเขาได้แค่นี้ หวังว่าปีใหม่นี้ครอบครัวพวกเขาคงจะดีขึ้น รู้สึกอิ่มขึ้น ลดโลภะ โมหะในใจได้ และเราจะอุทิศบุญให้พวกเขาเรื่อยๆ ต่อไป

ขอให้ทุกท่าน กัลยาณมิตรที่เข้ามาอ่านได้อนุโมทนาบุญจากที่ได้ไปสวดมนต์ข้ามปีมา และขอให้ปีเก่าเป็นปีที่พาทุกข์ โศกโรคภัยทิ้งไปกับการสิ้นสุดแห่งปี และพร้อมที่จะรับสิ่งดีๆ ในปีใหม่ที่จะมาถึงในพรุ่งนี้แล้ว.......bye bye 2556





วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2556

30 Dec: วันว่าง


เช้าไปวัด กลับบ้านพักผ่อน โทรหาคุณลุง ปรากฎว่าไปเที่ยวพักผ่อนที่นครนายกกับคณะกัน บ่ายไปซื้อของกับกิ่งได้ของเท่าที่ต้องการมา

เมื่อวานจัดการบ้านจนได้ห้องว่างแสนสบายเพิ่มอีกห้อง ใช้เป็นห้องอเนกประสงค์ได้เลย โล่งว่าง บรรยากาศดีมาก เหมาะเป็นห้องนั่งกรรมฐาน ห้องอ่านหนังสือ ห้องพักผ่อน และ...เพราะ "ว่าง" จึงดูสงบ เย็น และเป็นสุข มองออกไปก็เป็นคลอง สบายตา..ก็ดีเวลาผู้หลักผู้ใหญ่มาจะได้พักกัน เพราะบางครั้งท่านๆมาราชการ..ก็ไม่ต้องไปพักที่อื่น ไม่มีใครรู้ จะพยายามทำห้องอื่นๆในบ้านให้ลดของลงอีก ต้องทำแบบญี่ปุ่น เอาของใช้ส่วนเกินออกจากบ้านให้หมดในปีใหม่ ไม่งั้นก็ห้ามเอาของใหม่เข้าบ้าน

วันนี้ไปซื้อช็อกโกเล็ตกระป๋องสวยๆให้ของขวัญปีใหม่ลูกเณร ซื้อหลายแบบใครชอบแบบไหนก็ไปแบ่งกันเอง

วันนี้เขียน เข็มทิศ..ทางชีวิต



วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2556

29 Dec : บุญมา ดอกวาสนาก็ส่ง



เช้าไปวัด เมื่อวานเย็นพระอาจารย์ประชุมฝ่ายจัดการอาหารอีกครั้ง เพื่อความเรียบร้อยลงตัว กันพลาด ก็เข้าใจกันด้วยดี ตอนนี้เราเองต้องลำดับงานให้ดีเท่านั้นเพราะต้องคอยช่วยหลายอย่าง งานอื่น ๆ ก็ทะยอยระดมเข้ามา งานบทความของนักเรียนทุนรัฐบาลที่เขาขอมาปีนี้คงต้องเว้นอีก ไม่มีเวลาเขียนจริงๆ...

วันนี้บ่ายส่งเตียงขนาด 5 ฟุตไปถวายวัดเรียบร้อย พร้อมที่นอน ปลอกหมอน ผ้าปูทั้งชุด

เย็นเพื่อนจากกทม.เอารถมาส่งให้ link สวยถูกใจ พระอาจารย์ก็ชอบ

วันนี้ต้นวาสนาออกดอกสวยมาก เห็นไม่ชัดนักเพราะอยู่สูงมาก เกือบปลายยอดและเริ่มมืดแล้วตอนเห็น พรุ่งนี้จะเอากล้องซุมถ่ายจะได้เห็นชัดขึ้น




วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556

28 Dec: อาลัยแด่ ยุทธนา องอาจ



วันนี้ได้ตื่นสายเล็กน้อย พักผ่อน สายแปลงร่างเป็นแจ๋ว จัดห้องทำงานใหม่ให้ได้รับลมธรรมชาติจากคลอง (แม่น้ำ) ที่ไหลผ่าน

 วันนี้มีวีรชนคนรักชาติ ได้ถูกลอบยิงเสียชีวิตอีกคน "ยุทธนา องอาจ" ขอไว้อาลัยด้วยบทเพลงของจิตร ภูมิศักดิ์  แสงดาวแห่งศรัทธา เรายังมีคนไทยอีกมากมายที่เกิดมาไม่เสียชาติเกิด ไม่หนักแผ่นดิน เมื่อชาติต้องการกำจัดคนขายแผ่นดิน คนโกงกินประเทศ ก็จะมีคนดีๆ ออกมาปกป้อง แน่นอนว่า ชีวิตผู้เสียสละไม่สูญสิ้นเปล่า มีคนอาลัย ยกย่อง อย่างจริงใจ น้อมใจส่งให้สู่สุคติ ต่างกับอีกหลายๆชีวิตที่เกิดมาก็สว่างมา แต่สุดท้ายไปอย่างมืดมิดเสียชาติเกิด ยังไม่ตายก็มีคนช่วยกันสาปแช่ง ตายไปไม่ต้องพูดถึง ดีใจทั้งแผ่นดิน มีทุคติเป็นที่ตั้ง น่าสงสารจริงๆ พวกคนเนรคุณแผ่นดิน

แสงดาวแห่งศรัทธา
พร่างพรายแสง ดวงดาวน้อยสกาว
ส่องฟากฟ้า เด่นพราวไกลแสนไกล
ดั่งโคมทอง ส่องเรืองรุ้งในหทัย
เหมือนธงชัย ส่องนำจากห้วงทุกข์ทน
พายุฟ้า ครืนข่มคุกคาม
เดือนลับยาม แผ่นดินมืดมน
ดาวศรัทธา ยังส่องแสงเบื้องบน
ปลุกหัวใจ ปลุกคนอยู่มิวาย
 
ขอเยาะเย้ย ทุกข์ยากขวากหนามลำเค็ญ
คนยังคง ยืนเด่นโดยท้าทาย
แม้นผืนฟ้า มืดดับเดือนลับมลาย
ดาวยังพราย ศรัทธาเย้ยฟ้าดิน
ดาวยังพราย อยู่จนฟ้ารุ่งราง
 
หมายเหตุ
เพลงแสงดาวแห่งศรัทธา เป็นเพลงที่ประพันธ์โดยจิตร ภูมิศักดิ์ ในช่วงปี พ.ศ. 2503-2505 ขณะถูกขังอยู่ที่คุกลาดยาว โดยใช้นามปากกาว่า "สุธรรม บุญรุ่ง" ต่อมาเพลงนี้ถูกนำมาขับร้องในช่วงหลังเหตุการณ์ 14 ตุลา และเป็นที่รู้จักกันทั่วไป เป็นเพลงที่ใช้ปลุกพลัง ความหวัง และศรัทธา......

วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

27 Dec: ด้วยความอาลัย วสุ สุฉันทบุตร


จากข่าว

ล่าสุด วันนี้ (27 ธันวาคม 2556) ที่ เฟซบุ๊ก Banchitar Hemthanon ซึ่งเป็นแฟนสาวของผู้ชุมนุมที่ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ทราบชื่อคือ นายวสุ สุฉันทบุตร ที่ก่อนหน้านี้ได้รับขอบริจาคเลือด มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า นายวสุ แฟนหนุ่ม ได้เสียชีวิตลงแล้ว

 
 
 ก่อนเสียชีวิต"วสุ" นักสู้คปท.จากชุมพร ขนน้ำเต็มคันรถมิตซูมิชิปาเจโร่สปอร์ต เพื่อไปให้ผู้ชุมนุมที่ดินแดง (จากเพจผู้ใช้นามว่า "Gumafia Noominnie")
แม้ว่าจะไม่รู้จักกันเป็นส่วนตัว แต่รู้สึกเป็นเพื่อนร่วมชาติ ขอแสดงความเสียใจ อาลัย และขอบคุณสำหรับจิตสำนึกของความเสียสละเพื่อ"ไทยรุ่นต่อไป" แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ดูความสำเร็จ แต่คุณเป็นความภูมิใจของทุกคน และคนดี สำนึกดี ที่รู้จักคุณ.. ความตายของคุณไม่เสียเปล่าเพราะตายเพื่อสิ่งที่ “คนเป็นไท “ ได้ทำเพื่อแผ่นดิน ตายอย่างผู้เสียสละ ใจเป็นไท ไม่ได้เป็นทาส คุ้มค่าแก่การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในภพนี้แล้ว  ดีกว่าอีกมากมายที่ได้เกิดเป็น “คน” แต่ไม่ได้ดำรงชีวิตด้วยจิตที่เป็น “คน” คอยแต่เบียดเบียน ทำแต่สิ่งชั่วทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ และไม่ต้องนำไปเปรียบเทียบกับผู้ที่มีหน้าที่รักษาความสงบ ความถูกต้องแต่กลับเป็นผู้ทำสิ่งที่น่าละอายเสียเอง ไม่ว่าด้วยเหตุผลการแก้ตัวคืออะไร แต่กฎของกรรม ก็จะติดตามพวกเขาไปจนชั่วชีวิต ไม่ว่าจะหาตัวผู้ทำได้หรือไม่ แต่กรรมได้บันทึกผลเอาไว้แล้ว ไม่มีอะไรจะน่าสงสารเท่ากับนรกในใจพวกเขา ลมหายใจสุดท้ายของผู้กระทำสิ่งชั่ว จะนำพาเขาไปในที่เหมาะสมกับผู้นั้นไม่มีวัน "สุขเกษม" ...ขอดวงวิญญาณของคุณวสุ สุฉันทบุตร วีรชนประชาธิปไตย สู่ภพภูมิที่ดี สงบ วันนี้จะอุทิศผลบุญให้คุณ
เห็นเจ้าหมาน้อยอยากจะขอมาเลี้ยงแทนจัง เหมือนลานาของเราที่ตายไป

ค่ำนี้ได้ดูภาพมวลมหาประชาชน ได้ร่วมวางดอกไม้ เทียนอันเล็กๆ ด้วยความอาลัย ประกอบเสียงขลุ่ยจากคุณธนิส เป็นภาพที่น่าตื้นตัน ทุกคนเศร้าใจ  ดวงวิญญาณของคุณก็คงเฝ้าดูอยู่ด้วยความสุข เพราะคุณเป็นคนที่มีคนอาลัย รักด้วยความจริงใจ ที่สำคัญทุกคนรวมใจกันส่งคุณสู่สุคติภพ พลังจิตของมวลชนจะเป็นแรงหนุนคุณสู่ภพภูมิที่ดี ภูมิใจแทนพ่อแม่ที่มีลูกดี เกิดมาไม่หนักแผ่นดิน ไม่โกงกินชาติ เหมือนพ่อของคุณที่ทำคุณต่อแผ่นดินเช่นกัน..

วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556

26 Dec : กรรมกรวิชาการ



เช้าไปวัด วันนี้มหาลัย มีแข่งกีฬาสี เราพักผ่อน เมื่อวานค่ำคุยกับดร.ยุวดี ลูกศิษย์ เธออยากย้ายมาอยู่ที่เดียวกับเรา และขอความเห็น เราบอกเพียงว่าเราอยู่ที่นี่เพื่อใช้ทุนรัฐบาล และอยู่เพราะที่นี่เป็นบ้านเกิด หากคิดจะใช้ความรู้ความสามารถให้คุ้ม ก็ไม่ควรมาอยู่ที่นี่ เพราะคุณภาพทางวิชาการที่นี่ไม่คำนึงถึง เราต้องดูแลตัวเองให้ดีมาก และไม่หลงกับกิเลส ละโมภ จึงเป็นครูที่ดีได้ หาไม่แล้วก็จะเป็นเพียงคนรับจ้าง กรรมกรวิชาการ เพราะทำทุกอย่างเพื่อแลกกับรายได้ ลอกงาน เอาผลงานเด็กมา ฯ ครูดีๆ ก็ต้องทำใจเพราะชีวิตเราไม่ได้มีแค่เงิน แต่ศักดิ์ศรีความเป็นคน เป็นครู ต้องมี แต่คนรุ่นใหม่นี่แปลกดี สำนึกครูมีน้อยเหลือเกิน บางคนกินเหล้ากับนักศึกษา ฯ (ไม่อยากบันทึก) ให้จนท.ทำผลงานให้ เอาผลงานนศ.มาเขียนขอเงิน งานวิจัยไร้คุณภาพและจริยธรรม ก็ให้เขาตัดสินใจเอง อยู่ก็ต้องทำใจให้อยู่เหนือกิเลสให้ได้ ข้อดีของที่นี่อย่างหนึ่งคือใช้เป็นที่ฝึกตนได้ดีมาก ฝึกสติ ฝึกอุเบกขา

วันนี้สงสารคนรักชาติมาก บาดเจ็บไปหลายสิบ ไม่สบายใจเลย แต่ที่สุดแล้วธรรมะต้องชนะอธรรมเสมอ ไม่ช้าก็เร็ว

วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556

25 Dec: สังสรรค์


 
วันนี้วันพระเช้าแถวที่ผ่านจะไม่มีพระมาบิณฑบาตร ก็เข้าเมืองไปวัด วันนี้เที่ยงนัดกับน้องๆ ดร.รุ่นกลาง ไปทานข้าวติดตามข่าวข้นคนเข้ม หุหุ จนเป็นวัฒนธรรมกลุ่มแล้ว ได้ฟังหลายๆเรื่องในวงการมหาวิทยาลัยแล้วเบื่อมากกก อยากลาออกเร็วๆจัง คุณภาพการศึกษาตกต่ำไปทุกวัน ไม่มีใครสามารถจะช่วยอะไรให้ดีขึ้นได้ในตอนนี้เพราะผลประโยชน์ส่วนตัวมาก่อนจนความเป็นครูแทบไม่มี เอาผลงานเด็กไปลงวารสาร เพื่อเอาผลงานที่ได้ตีพิมพ์มาขอเบิกเงิน เลยทำบ่อยๆ ได้เงินทุกรอบที่ทำ ก็เห็นช่องทางหาเงิน สอนไม่ค่อยสอนกันเพราะไม่มีรายได้อะไรงอก แต่เสาร์ อาทิตย์สอนไม่อั้น ตะบันสอนได้ เพราะมีค่าชั่วโมงเป็นกอบกำ...อื่นๆอีกมากมายที่แย่กว่านี้ก็มี จนเราเองก็หมดใจที่จะช่วยทำอะไรให้ดีขึ้น น้องๆดร.กลุ่มนี้ที่ไฟแรงก็เรื่มลดเปลวลง..มองไม่เห็นทางพัฒนาคุณภาพจริงๆตราบเท่าที่ครูไม่สำนึกความเป็นครู ขาดคุณธรรม ใครแตะก็ไม่ได้ ..สงสารแต่อนาคตชาติจริงๆ

เราก็ได้แต่ทำใจเพราะผ่านเรื่องพวกนี้ เห็นมาทุกยุค ไม่มีผู้บริหารคนไหนรักเด็ก รักแผ่นดินบ้านเกิด ละเลย เอาแต่เงินเป็นตัวตั้งทุกเรื่อง

กลับบ้านเจอเรื่องประหลาดของซันวา เฝ้าดูสังเกตุ จนไม่สบายใจ พาไปหาหมอ หมอบอกเป็นโรคเครียด งงๆ บอกหมอไปว่าเครียดได้ยังไง ไม่ขัง ไม่ตีแบบเจ็บ (เวลาตีเมื่อจำเป็นจะเรียกมา เขายกมือให้เราก็เอากระดาษเบาๆตบที่มือแสดงสัญญลักษณ์ให้รู้ว่าทำผิด) พูดคุยด้วยตลอดที่อยู่บ้าน ขนมกินทุกวัน วิ่งเล่นตลอด แต่เขามีนิสัยชอบ แหง่ๆๆ กับทุกตัวขี้หงุดหงิด หมอบอกกรณี้นี้ไม่มีสาเหตุที่บอกได้ บางตัวเป็นมากกว่านี้ เลยให้ยานอนหลับและคลายเครียด เราบอกว่าสงสัยเจ้าของต้องแบ่งกินด้วยเพราะตอนนี้เครียดกว่าหมา เพราะเป็นห่วงเขา เขาพูดบอกเราไม่ได้

วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556

21 Dec: เตรียมบุญ



เช้าไปวัด กลับมาทำงาน บ่ายไปวัดอีกครั้งเพื่อวางแผนการจัดของที่จะถวายพระ 106 รูป +อีก 200 กว่ารูป ปีนี้ได้ร่วมทำบุญใหญ่ และมากดีจริงๆ

วันนี้เขียน งานต้อนรับสมณศักดิ์ พระธรรมวิมลโมลี

http://meecorner2.blogspot.com/2013/12/blog-post.html

อากาศเริ่มเย็นเอาเสื้อไปให้เจ้าเรโอ คงต้องเตรียมหาเสื้อให้เด็กๆอีก

วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2556

20 Dec: โลภะ บังตา



เช้าไปวัด วันนี้ตามล่าหาหนังสือในห้องสมุด เข้าแล้วก็เดินเพลินไปเรื่อยๆ เกือบสองชั่วโมง หยิบมาได้ 1 โหลพอดี วารสารอีก  6 เล่ม จริงๆมีมากกว่านี้ที่จะอ่าน แต่ดูเวลาตัวเองแล้ว ช่วงนี้หาเวลาส่วนว่างได้น้อยเต็มที ที่มีก็เอาไว้นอน และกิจกรรมพักสมอง (fixed time) ก่อนนอน ......

วันนี้ดูกิจกรรมเดินเพื่อชาติ ค่ำเห็น ศ.ดร.พิเชษฐ วิริยะจิตรา (เดิมอจ.อยู่ มอ. เคยสอนเรา และเป็นคณบดีบัณฑิต สมัยที่เราเรียนป.โท ตอนหลังย้ายไปมช. อจ.เป็นผู้คิดค้นสารสกัดจากเปลือกมังคุด ภรรยาอาจารย์น่ารัก สอนภาษาอังกฤษเราด้วย คิดถึงอาจารย์จัง) เห็นอจ.ตอนขึ้นเวทีก็เอะใจ ว่าคุ้นหน้ามาก เพราะอจ.ไม่ใส่แว่นเลยงงๆ อจ.บริจาคเพื่อชาติ 1 ล้านบาท ขออนุโมทนาด้วย เพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน ....ดีใจจังที่เจออจ.อีกครั้ง อจ.เปลี่ยนไม่มากเลย..ดีใจที่มีอจ.ที่เป็นวิญญูชน มีปัญญา ไม่เหมือนอดีตอธิการบดีบางสถาบันที่ชอบออกรายการโทรทัศน์บางช่อง ที่อาวุโสจนจะสุดปลายชีวิตแล้ว ยังแยกถูกผิด ชั่วดี ออกไม่ได้ ไม่รู้อะไรบังตา แต่ที่โชคดี ที่เราไม่เคยเป็นลูกศิษย์เขา ไม่งั้นคงทำใจลำบาก

วันนี้รู้เรื่องการพยายามขออายัดบัญชี..ขำจัง น่าสงสารคนที่พยายามทำจัง ..ไม่รู้จะช่วยให้เขาพ้นบ่วงกรรมของความโลภที่บังตาได้ยังไง..ลพ.บอกว่ากรรมจะตามพวกเขาเอง ไม่ต้องลุ้น so soon หุหุ

วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

19 Dec: ความโลภ



เช้าไปมหาวิทยาลัย วันนี้ทำงานหนังสือต่อ งงๆกับการจัดการของตัวเองเล็กน้อย  กว่าจะเข้าใจสิ่งที่ตัวเองทำไว้ หุหุ 

เมื่อวานรู้สึกเหนื่อยมาก เลยนอนตั้งแต่หัวค่ำ นี่คือการที่เอาตัวเข้าไปยุ่งกับสิ่งที่ไม่ควรยุ่ง และไม่ชอบยุ่ง แต่มันตั้งใจแล้วว่าหากไม่ยุ่งก็ไม่รู้เห็นด้วยตาตัวเอง มีแต่ได้ยินด้วยหู เราได้ยินมาจนเบื่อหลายครั้งแล้ว ก็เลยต้องเป็นแบบที่เรียกว่าเอามือไปจิ้มขี้ สักครั้งประมาณนั้น โดยการพูดสอนทางอ้อม..เช่น "ไม่เป็นไร ใครทำก็ได้รับกรรมเอง จะมาทำบุญหรือต่อกรรมก็เลือกเอง" พูดให้คนนั้นคิดบ้างว่าการขโมยยักยอกของวัด ของพระ  ของที่คนมาทำบุญ บาปนัก..อีกพวกพวกคือพวกที่ชอบพูดจาในแง่ร้าย พูดจาโดยไม่ถูกต้อง คิดร้าย เอาดีใส่ตัว เราก็บอกว่า "ของกินที่นี่มีพอทุกอย่าง  ถวายพระเต็มที่ไม่เคยไม่พอ แต่อาจไม่พอสำหรับการจะขนกลับบ้านเป็นถุงยักษ์ .." คราวนี้เก็บตก พูดให้คนทำได้ยินเผื่อเอาไปคิดละอายบ้าง จะได้ไม่กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา..คราวหน้าจะเขียนคำพูดของท่านคานธี...ที่กล่าวไว้ว่า

"ทรัพยากรในโลกเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงคนทั้งโลกแต่ไม่เพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงคนที่มีความโลภเพียงคนเดียว" เป็น "อาหารที่นี่มีพอสำหรับทุกคน (กระทั่งคนขับรถ ที่ต้องพยายามกินพร้อมพระเสมอ ทั้งที่บางโอกาสไม่จำเป็น ??) แต่ไม่มีพอสำหรับคนโลภมากแม้เพียงคนเดียว"  เลยทำให้เราเหนื่อยใจ และเสียพลังงานกับการไปยุ่งกับเรื่องแบบนี้ แต่ถ้าไม่ทำบ้างกิ่งคงแย่แน่ เลยต้องช่วย เราเลยหมดแรง ไม่รู้ว่าจะดีขึ้นได้สักแค่ไหน

ให้กำลังใจคนที่เดินเพื่อชาติไทยและสถาบันพระมหากษัตริย์

วันนี้ดูเทปการ debate ระหว่างอดีตอธิการบดี 2 สถาบันแสดงความเห็นโต้ตอบกันในรายการที่พิธีกรไม่ค่อยมีมรรยาทนัก เห็นความแตกต่างทางความคิด เราเคยสงสัยว่าคนที่มีการศึกษาในระดับสูง มีหน้าที่การงานดี และโดยเฉพาะเป็นครู อาจารย์ จะเป็นผู้มีปัญญา แยกแยะชั่ว-ดี ถูก-ผิด ออกจากกันได้อย่างเป็นธรรม วันนี้เพิ่งรู้ว่าบางครั้งการศึกษา และ...ที่กล่าวไม่ได้ทำให้เขาเป็นวิญญูชนได้เลย ฟังแล้วเสร้าใจ แต่ก็รู้สึกว่าเขาคนนั้นที่แก่กว่าน่าจะรู้ตัวว่าตัวเองอาจพลาดไป แต่ยังดันทุรัง เราก็นั่งคิดตามไป ดูเขาดันทุรังไป แล้วน่าสงสารมิจฉาทิฐิในใจเขา  แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นไม่ว่าเจตนาหรือไม่ก็ตามนั่นคือการอกตัญญูต่อชาติแผ่นดินเกิด และตราบาปที่บันทึกติดตามนามสกุลเขาสู่รุ่นลูกหลาน ....ไม่น่าเชื่อเลย

วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

18 Dec: พยาธิ


เมื่อวานเตรียมตักบาตร แต่พระไม่ออกมาบิณฑบาต ไปวัด พระจากกทม.มาเตรียมตรวจข้อสอบ (ของพระ) กันตั้งแต่วันอาทิตย์ มาเตรียมโปรแกรม ฯ อะไรๆ ก่อน เวลาเห็นพระกลุ่มที่ทำงานนี้แล้วก็ปลื้มใจแทน ท่านมีความรับผิดชอบ ขยัน และถือว่าใส่ใจต่อการทะนุบำรุงพระศาสนา เราฆร าวาสก็มีหน้าที่สนับสนุนให้ท่านได้ทำงานได้สะดวกสบาย ก็มีโยมๆมาช่วยกันด้านอาหาร ปานะ ตามกำลัง พระอาจารย์ก็ตั้งใจทำดีที่สุดเท่าที่ท่านทำด้วยความใส่ใจเสมอมา แต่ไม่มีงานใดๆ ที่ไม่มีมาร...เมื่อวานคุยกับบางท่าน /คน ทำให้ต้องไปรับรู้เรื่องแย่ๆของผู้ที่เบียดบังศาสนา บางผู้เป็นเหมือนเห็บ บางผู้เป็นเปรตวัด (เคยอธิบายคำนี้แล้ว และจะนำมาเขียนอีก) รู้แล้วจิตตก เศร้าใจ ก็คงต้องเลิกนับถือกันอีกราย และ link คงมีความรู้สึกมากว่าเราเพราะรายนี้เขา sensitive  กับเรื่องความถูก ผิด  มากกกก อาจแสดงอาการอารยขัดขืน เพิกเฉยไปไม่เห็นตัวตนของผู้นั้นเลย วันนี้รู้ เราจะสังเกตุ ส่วนเรายังไม่รู้ ต้องเจอก่อน แต่คิดว่าสำหรับรายนี้คงไม่ต่างกันพราะผู้นี้ทำมาหลายครั้งแล้ว เรารู้ก็อภัย แต่ครั้งนี้ถูกอัดข้อมูลมามากจนฟังไปรู้สึกรังเกียจพฤติกรรมไป  จนสามารถสรุปสั้นๆว่า เป็นผู้อกตัญญูสมบูรณ์แบบยากแก่การแก้ไขแล้ว เพราะอายุ อยู่ในวัยที่ควรเป็นผู้สั่งสอนผู้อื่น ไม่ไช่ให้ใครไปสั่งสอนได้อีก หากไม่รู้จักมีสำนึกเองก็เป็นผู้ที่ยากแก่การพัฒนาตัวเองต่อไป  คงต้องเป็นผู้ขอ ผู้เบียดเบียน ทางโลกเราเรียกว่าปรสิต พาราไซต์ เอาชัดๆ ......พยาธิ

วันนี้มีตรวจข้อสอบมีพระระดับครูอาจารย์เป็นร้อยรูปมาช่่วยกันระดมความรู้ตรวจ

ขอแวปออกมาบันทึกการเมือง ตอนนี้เห็นพวกนักวิชาการเด็กที่อยากเด่นดังออกมาแสดงความเห็น ตระเวณออกไปทุกช่องเราเห็นเลยว่าระดับปรมาจารย์ แตกต่างจากพวกปูเสฉวนดร.รุ่นใหม่นี้อย่างไร ที่อยากเด่นดัง ทำไงก็ได้ พูดเรื่องที่ขัดต่อความถูกต้อง จริยธรรม ทำในสิ่งผิดก็ยอม ขอให้ได้...และเงินก็คงตามมา จริงไหมดร. ป..ป..so poor!! นี่เป็นพยาธิของประเทศ

วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556

15 Dec: ฟังๆๆ


สองวันนี้ไม่ยุ่งมากนัก แต่เหนื่อยสมอง เมื่อวานไปนครศรีธรรมราช แวะไปถ่ายรูปสถานที่ที่พระอาจารย์เขียนบันทึก กลับถึงบ้านก็ทุ่มเศษ เพลียหมดแรง เจอคนมากไป

วันนี้เที่ยงเพื่อนต้มปลากุเลาต้มส้มมาให้ 1 หม้อ อร่อยถูกใจ

บ่ายไปวัดถ่ายรูปที่ยังขาดอยู่ ตอนนี้น่าจะครบ เตรียมส่งสำนักพิมพ์

ช่วงนี้ฟังปราศรัยทุกคืน จากผู้มีประสบการณ์ และมีปัญญา เลยทำให้ตัวเองได้เรียนรู้ความคิด และอะไรอีกหลายอย่างมากขึ้น นี่ล่ะที่เขาว่าฟังมากรู้มาก สุตตปัญญา แต่ต้องเลือกฟังจากคนดีๆ จะได้ไม่มีขยะรกสมอง

วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556

12 Dec: ดูโง่ ดูดี...ไร้ปัญญา



เช้าไปมหาวิทยาลัย ฝนตกโครม เลยไม่ได้ตักบาตร

วันนี้เขียน

พระธรรมวิมลโมลี (สงคราม อสิญาโณ): เลื่อนสมณศักดิ์ 2556 (1)

http://meecorner2.blogspot.com/2013/12/2556-1.html

มีเพื่อนเก่าโทรมาขอความช่วยเหลือ เพราะโดนคนเลวๆ โลภๆ มาทำเรื่องป่วนในครอบครัว เขารู้เรื่องที่เราต่อสู้กับความไม่ถูกต้องมาตลอด ด้วยความสงบเย็นเป็นสุข ไปเรื่อยๆสบายๅ ใครเป็นผู้ก่อก็ทุกข์ไป เราก็จัดการให้ หวังว่าเขาจะผ่านไปด้วยดีเช่นกัน..ในสังคมยุคนี้มีคนที่โลภ อยากได้ของคนอื่นจนตัวสั่น (หมอเพื่อนเราบอกว่าลักษณะเช่นนี้เป็นภาวะผิดปกติทางจิต เคยมีคนไข้หญิงมาหาเขาด้วยอาการเช่นนี้ต้องบำบัด แต่หากไม่บำบัดอาการก็จะเพิ่มเรื่อยๆ จนในที่สุดก็จะไปเป็นขโมย สร้างเรื่องโกหกสารพัด..แบบที่เราสงสัยว่ารัชนีกร และโอฬาร คนใดคนหนึ่งมีอาการของภาวะนี้เช่นกัน เลยไม่ "สุขเกษม" ไปตลอดชีวิต อาจถ่ายทอดไปยังลูกหากคนที่เป็นแม่เป็นภาวะนี้) ก็น่าสงสารไปตามกรรม เราก็เห็นอาการของรัชนีกร ว่ามีแนวโน้มมากพอควรก็รู้สึกเวทนาบ้างบางครั้ง หุหุ

ข่าวช่วงนี้ทุกวงการออกมาให้สัมภาษณ์ เห็นอะไรหลายอย่างในแง่ของการแยกแยะถูกผิด สังคมไทยตอนนี้ขาดปัญญากันมาก เลยต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่สามารถคิดแยกแยะได้ คิดว่าวางตัวเป็นกลางแล้วดูดี จริงๆแล้ว ดูโง่ ดูดี กับไร้ปัญญา ก็ต่างกันแบบเห็นชัดทีเดียวนะเอย

วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

11 Dec: วิญญูชน


เมื่อวานหลงวันไปมหาวิทยาลัย งงๆว่าทำไมสายแล้วจึงไม่มีนักศึกษาเลย ก็เลยโทรหาเพื่อนปรากฎว่าคำตอบคือ วันรัฐธรรมนูญ หยุดราชการ...เออ อาการหนักเขียนหนังสือจนลืมวันที่  ไปวัดช่วยจัดการงานของพระอาจารย์ เที่ยงกลับ

วันนี้เช้าไปวัด พระอาจารย์ให้แกะกระเช้าเอาขนมไปแจกเณร แจกพระ เลยแวะไปสนทนากับท่านกอบ เพลกลับ

ทำงานไปฟังข่าวไป ได้ฟังศ.สมบัติ พูด ว่าที่เราสู้ด้วยสันติอหิงสา มีเพียงนกหวีด คนมากมายเช่นนี้ถ้าต่างประเทศก็คงจบไปแล้ว รัฐจะลาออกเอง แต่ทั้งนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขว่า เขาเป็นวิญญูชนกัน แต่เรากำลังสู้กับพวก.....ซึ่งขาดสำนึก ความละอาย และไร้ศักดิ์ศรี ขาดยางอายก็เลยต้องเหนื่อย และใช้เวลามาก  เราไม่มีอะไรจะเขียนทั้งที่อยากเขียนเพราะไม่ว่างเขียนมากนัก ต้องเร่งงาน  แต่ก็ส่งใจไปช่วยลุ้นให้ผู้ต่อสู้เพื่อชาติได้สำเร็จตามมุ่งหมาย พระสยามเทวาธิราชคุ้มครองประเทศและคนดีเสมอมา ครั้งนี้ก็คงช่วยปัดเป่าให้ธรรมะเหนืออธรรมอีกครั้ง

วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556

9 Dec: เรื่องดีๆ คนดีๆ ...เรื่องเลวๆ คนเลวๆ



หายไปหลายวันไม่ได้เข้ามาบันทึก เพราะไปร่วมงานที่กรุงเทพ นานๆไปทีแบบบ้านนอกเข้ากรุง


เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2556พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสถาปนา เลื่อนและแต่งตั้งสมณศักดิ์พระเถรานุเถระ ประจำปี 2556 จำนวน 71 รูป และในปีนี้พระอาจารย์เป็นพระเถระรูปหนึ่งที่ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์จากพระราชาชั้นเทพ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ในราชทินนาม ที่
พระธรรมวิมลโมลี
ศรีศาสนกิจโกศล  โสภณธรรมานุสิฐ ตรีปิฏกบัณฑิต มหาคณิสสร
บวรสังฆาราม คามวาสี

 เราและ link จึงได้ไปร่วมในพิธีดังกล่าวและ จะนำรูปมาลงไว้

เหนื่อยกันมาหลายวันมาพักได้ 1 วัน เมื่อวานมีพิธีต้อนรับตั้งแต่สนามบินจนถึงวัด ตอนนี้ก็ผ่านไปเรียบร้อยด้วยดี ยังมีงานมงคลรออีกหนึ่งงานปีหน้าฟ้าใหม่

ตอนนี้ก็จะเริ่มทำหนังสืออีกเล่ม ลุ้นว่าทันหรือไม่......

วันนี้สอน 4 ชั่วโมงติดต่อกันไม่ได้พัก ลืมพัก ทานข้าวบ่ายสอง มานั่งลุ้นข่าวของมวลมหาประชาชน ได้ข่าวยุบสภาก็สบายใจขึ้นเล็กน้อยเพราะมันยังเป็นเพียงภาพลวงตา มายา ยังไม่ไช่สิ่งที่ประชาชนต้องการ หรือปชช.ควรจะได้รับโดยเสมอภาคกัน...ใกล้ความจริงแล้วที่ธรรมะ จะชนะอธรรมในที่สุด ไม่มีใครทำชั่ว เอาเปรียบ รังแกคนอื่นได้โดยไม่ได้รับกรรมสนอง ช้าหรือเร็วเท่านั้น และก็มีทุคคติเป็นที่ตั้งรออยู่เรียบร้อย

พรุ่งนี้เป็นวันที่จะเริ่มต้นอะไรดีๆ จากนี้ไปก็เป็นการเปลี่ยนแปลง  พวกที่มีชุดสีกากีใส่บ่งบอกความเป็นข้าราชการ ก็เป็นชุดที่มีเกียรติมีศักดิศรี ต้องทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ก็น่าจะได้สำนึกบ้าง เลิกการรีดไถ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม กระทั่งบางคนจ้างให้มีการปลอมแปลงหลักฐาน จ้างคนทำ/แก้หลักฐานเพื่อรีดไถคนอื่น จนคนจ้างทำ(สีกากี) เองก็ชีวิตก็น่าสงสารไม่ “สุขเกษม” เลย อยากให้ตระหนักกฎของกรรมให้มาก เพราะลูกหลานจะเป็นคนได้รับกรรมนั้น ตัวอย่างที่เห็นตอนนี้ไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อในแผ่นดินแบบไม่ละอายต่อคนในแผ่นดินได้อย่างไร คนดีจำนวนมากเรียก...ว่า “คนชั่ว” เกิดเป็นคนทั้งที เอาดีไม่ได้แถมถูกคนตราหน้าว่า “ชั่ว”  เสียชาติเกิดจริงๆ

หมายเหตุ เรื่องนี้เกิดที่บนถนนไกล้ปั้มน้ำมันของคนเดินทางโดยรถยนต์ลงใต้เมื่อวันที่ 6 นี้ คนขับรถพาพระภิกษุกลับ 3 คัน มีคันที่ 3 ที่บรรทุกของที่มุทิตาสักการะพระอาจารย์นำกลับมาก่อน ตอนใกล้รุ่งพอผ่านถนนช่วงที่ด้านซ้ายขรุขระมาก หน้าถนนเสียต้องวิ่งขวา มีรถตำรวจออกมาดัก แจ้งความผิดที่วิ่งขวาพร้อมถามว่าจะให้ออกใบเสร็จจ่ายที่โรงพักปรับ 200 บาท หรือจะให้ตรงนี้ 100 บาท คนขับรายนี้ไม่ไช่คนขับธรรมดา (หากรู้แล้วคงหนาว) แต่เขาไม่อยากช้าหรือเอาเรื่องเพราะต้องตามคณะเจ้าคณะจังหวัดที่อยู่คันแรก เลยจ่ายค่าอาหารสุ...100 บาท เอากลับมาเล่าให้รับรู้ทั่วกัน แต่ไม่มีใครแปลกใจเรื่องนี้เพราะมันทำจนชาวบ้านชินชา แต่ก็สาปแช่งลับหลัง เงินที่ได้จากกระทำกรรมชั่ว/ผิดบาปต่อคนอื่น ทุจริต ไม่ทำให้ชีวิตพวกนี้มีความสุขได้จริงๆเสียที ต้องก่อกรรมรีดไถไปตลอดชีวิตจนวัน.........ตาย!!

 


วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556

3 Dec: วันชนะ


เช้าไปวัดเอาของที่พระอาจารย์จะถวายพระทั้งหมดไปวัด เมื่อวานไปเลือกซื้อที่โรบินสันได้ถูกใจในระดับหนึ่ง เพราะยังไงที่นี่ก็ไม่ไช่กรุุงเทพที่จะมีของมากมายให้เลือก

ตอนนี้ก็เตรียมงานส่วนอื่นๆ ทำหนังสือเล่มสำคัญต่อ

เมื่อวานลุ้นมวลชนหน้าบชน. ให้พวกเขาปลอดภัย เห็นพวกน่าสงสารที่ไม่มีทางเลือกหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ ร่วมกรรมทำบาปต่อคนไทยใจไม่ทาส ถืออาวุธ ขว้างแก๊สน้ำตาแล้วสมเพชพวกเขาเหล่านั้นมาก นั่งภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองประเทศดลบันดาลให้มีปาฎิหารย์  จัดการพวกน่าสมเพชเหล่านั้น

วันนี้ดีใจในระดับหนึ่งที่ในที่สุดสิ่งที่ทำลงแรงไปเมื่อวาน สำเร็จ สามารถผ่านด่านพวกสำนึกน้อย ไม่มีทางเลือกได้สำเร็จ  แต่นี่ก็เป็นเพียงด่านแรกเท่านั้น  หลังวันที่ 10 ค่อยมาดูกันอีกครั้ง

สงสารพ่อแม่ของเด็กรามคำแหงที่ตาย ไม่มีการต่อสู้เพื่อความถูกต้องที่ได้มาง่ายๆ ต้องมีผู้เสียสละเกิดขึ้นเสมอ แต่เขาก็เกิดมาคุ้มค่าได้ทำในสิ่งที่คนขี้ขลาดไม่กล้าทำ พวกขี้ขลาดต้องใช้อาวุธเป็นเครื่องตัดสินเสมอ

ตอนนี้ธรรมะเหนืออธรรม ได้ในระดับต้น ยังต้องมีอะไรที่ต้องทำอีกมากมาย ซึ่งต้องอาศัยปัญญามากกว่ากำลัง และต้องมีความสุจริตใจเป็นที่ตั้งจึงสำเร็จ


วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556

2 Dec: เชียร์


 
วันนี้ตั้งใจลางาน ลางานเพื่อชาติ link เชียร์สุดๆ ใครจะเข้าใจยังไงไม่ไช่สาระ เพราะทุกคนมีเหตุผลของตนเอง ใจเป็นประธานเราทำในสิ่งที่ทำได้ และไม่ละเลยที่จะทำ มีคนเสียสละความสุขไปนอนกลางดิน เสียชีวิตจากการมีอุดมการณ์ (ดีกว่าตายอย่างไร้ค่า) เราแต่ละคนยิ่งมีการศึกษายิ่งต้องมีปัญญาในการชั่งและแยกดี ชั่ว ออกจากกันได้ และช่วยคนละไม้คนละมือ กองหน้ากองหลัง แสดงในส่วนให้กำลังใจ ทำในแบบที่ตัวเองทำได้ วันหนึ่งจะได้ไม่ต้องเสียใจที่ไม่ได้มีส่วนร่วม ไม่ว่าเขาแพ้หรือชนะ หากเขาทำเพื่ออนาคตชาติที่ดีขึ้น เราต้องสนับสนุน เพราะวันที่เขาชนะ เราจะได้ไม่รู้สึกละอาย ว่ามีความสุข บนกองทุกข์ของผู้อื่น ไม่ได้ช่วยอะไรพวกเขาเลยกระทั่งการแสดงออกก็ไม่กล้า เรื่องนี้ไม่มีใครบังคับได้ ขึ้นกับความแข็งแรงของกระดูกสันหลัง และรอยหยักบนสมองจริงๆ

วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

1 Nov: บ่วงกรรม



ขึ้นเดือนใหม่อีกแล้ว และก็จะขึ้นปีใหม่ในอีก 1 เดือนข้างหน้า เร็วจริงๆ อะไรที่อยากจะทำ ยังทำไม่เสร็จอีกหลายเรื่อง อะไรที่ไม่ได้วางแผนจะทำ มันก็เข้ามาแทรก และต้องทำก่อนโดยเฉพาะงานของประโยชน์ส่วนรวม เราจะทำก่อนเสมอ งานตัวเองตอนนี้เลยจอดรอ คิวยาวววว..ไม่เป็นไร ทำแล้วมีประโยชน์ มีความสุขก็ทำแม้ว่าบางทีเหนื่อย เพราะทำทีละหลายงานก็เลยมึน ..สองวันนี้พักงานเขียนไปทำงานเก็บข้อมูล และออกตระเวณดูของที่ต้องเตรียมถวายพระสลับกัน เมื่อวานออกไปหากระจาด ตะกร้า ไม่ไหวทั้งนั้น ของที่นี่ค่อนข้างแย่ จะหาของฝีมือประณีตเหมือนภาคกลาง เหนือไม่มีเลย เหนื่อยใจนะ ของที่ซื้อถวายมากมายอาจใช้ได้ บางอย่างเป็นประโยชน์สำหรับบางท่าน แต่บางอย่างอาจไม่มีประโยชน์ waste เปล่าๆ เลยปรึกษาพระอาจารย์ใหม่ในที่สุดลงตัวที่เครื่องใช้ไฟฟ้า อันนี้คิดว่าดี เป็นประโยชน์มแก่ทุกท่าน ใชัได้และได้ใช้ทั้งหมด ...โล่งใจไปอีกอย่าง

ยังคงคอยให้กำลังใจคนที่สำนึกดี คิดช่วยชาติให้หลุดออกจากวงจรโกงกินคอรัปชั่นแบบไร้สำนึก ทำนาบนหลังชาวนา ดูคนไม่ไช่คน โกงทุกรูปแบบ ถึงเวลาชดใช้อกุศลกรรมก็อยู่ไม่สุขทั้งครอบครัว ใครก็ตามที่คอยคิดทำร้ายคนอื่น แค่คิดกรรมก็เกิด ลงมือทำกรรมก็บันทึกไว้แล้ว สืบทอดต่อไปยังลูกหลาน ไม่ว่าเขารับรู้หรือไม่ก็ตามเพราะนี่คือบ่วงกรรม ที่ก่อไว้  ตอนนี้เราเองก็มีวิบากกรรมที่ได้รับ จากการกระทำของใครไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ เราไม่ได้ก่อเองในภพชาตินี้ กำลังศึกษาเรื่องนี้เพื่อเป็นบทเรียนไว้เขียนแนะนำผู้อื่นในสังคม เมื่อเราสามารถแก้วิบากนี้ได้ในอนาคต ตอนนี้กำลังศึกษาและทดลองใช้ในสิ่งที่เรียนมา ถูกสอนมา และศึกษาด้วยตัวเอง  ในการเผชิญกับปัญหานี้ ตอนนี้มีหลักการเดียวก่อน สิ่งไหนเราไม่ได้เป็นผู้ก่อ สิ่งนั้นไม่มี สิ่งไหนที่เราไม่ได้เป็นผู้ทำ หากมันมี สิ่งนั้นจะย้อนกลับไปสู่ผู้ทำเอง....ดังนั้นทุกอย่างรอเวลา เพราะผู้ก่อกรรมย่อมทุกข์ยาก หามีสุขสบายไม่ ส่วนเราผู้ตั้งรับ ก็อยู่เฉยๆ ไปเรื่อยๆ ด้วยความสงบเย็น เป็นสุขในสิ่งดีๆที่คงทำไปเรื่อยๆ ส่วนมากจะลืมในสิ่งไม่ดีที่คนอื่นทำไว้  เพราะเวลาของเรามีค่าสำหรับการทำสิ่งดีๆที่รออยู่ไม่ไช่มานั่งใส่ใจเรื่องขยะที่ไร้สาระ ทำดีสร้างกุศลเป็นงานประจำ ทำงานเป็นงานอดิเรกที่ทำเป็นปกติ แค่นี้ก็สงบ สบาย สุขใจ ทุกๆวันแล้ว หุหุ

วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

29 Nov: แมงสาบ


เช้าไปมหาวิทยาลัย พระอาจารย์ไม่ค่อยสบายตั้งแต่เมื่อวาน แต่ยังไงก็คงยังทำงาน เราและ link ไป scan รูปและเอกสารต่างๆ ที่หอบมาทำที่บ้านลำบากเพราะเป็นกรอบรูปเสียมาก วันนี้ไปถ่ายภาพต่อ

แวะไปดูของที่เซ็นทรัล สงสัยต้องมาจัดตะกร้าเองเพราะเห็นแล้วสวย แต่แพง และของหลายอย่างที่จัดสำเร็จไม่เหมาะกับพระท่าน

วันนี้หนังสือเพื่อชีวิตส่งมาเพิ่ม 4 ลังครบแล้ว 1020 เล่ม

ช่วงนี้ฟังเสียงนกหวีดจนหูอื้อไปเลย ไม่เป็นไร เพื่ออนาคตของชาติ งานนี้รู้เลยว่าชั่วเข้ากระดูกคือพวกไหน วันนี้ตอนเดินไปเซ็นทรัลได้ยินเสียงคนที่เดินสวนมาคุยกันเองถึง... 4 คนที่นั่งกินกาแฟที่ในร้านสตาบัคตรงทางเดินเข้าออก ได้ยินเสียงลอยมาว่า."...สงสัยเอาเงินรีดไถมากิน" เราเลยหันตามไปมองก็เห็นกลุ่ม...และเข้าใจทันทีว่าคืออะไร แล้วก็ขำว่าคนส่วนมากเห็นแล้วคงคิดเหมือนๆกัน ช่างเป็นพวกที่น่าสงสาร เหมือนพวกแมงสาบที่ใครเห็นก็รู้สึกรังเกียจ เพราะเรายังรู้สึกไม่ไช่ไม่ชอบแต่ว่ารังเกียจจริงๆเหมือนกัน...เพราะที่เคยเจอกับตัวเองและกำลังเผชิญอยู่มันน่ารังเกียจสุดๆ เช่นกัน แต่ก็มี 2 ท่านที่เราสนิทเห็นมาตั้งแต่เด็กที่ปฎิบัติหน้าที่เฉพาะส่วน...เท่านั้นที่ดีจริงๆ คนหนึ่งตอนนี้ก็อยู่อเมริกาเคยบอกเราหลายครั้งว่าจะให้ช่วยอะไรที่นั่นก็บอก  หุหุ

กฎแห่งกรรม ผลของอกุศลกรรมมันทำงานทุกวัน ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกนั้นถึงตัวแน่นอน จะไม่มีวัน "สุขเกษม" อีกต่อไป


วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

28 Nov: ส่งใจเชียร์

สองสามวันมานี้ยุ่งกับเรื่องการทำหนังสือ ตอนนี้เสร็จไป 3 รายการ พิมพ์เสร็จก็เจอที่ผิดอีก แย่จัง ตรวจอย่างดี ออกมายังเจออีก ไม่รู้จะทำยังไงในเมื่อเราไม่ได้นั่งที่โรงพิมพ์ตอน final draft แต่ยังไงต้องโทษตัวเอง เพราะสะเพร่า ไว้ใจ ไม่เป็นไรเป็นบทเรียน

วันนี้หนังสือ"เพื่อชีวิต" ส่งมาแล้ว ให้พลขับไปรับเลยยังไม่เห็นว่าเป็นอย่างไร เสียวไส้...

เมื่อวานซื้อโทรทัศน์ใหญ๋มาอีกเครื่องแทนเครื่องเก่าที่เริ่มมีปัญหา แต่ก็ดูได้อยู่..ค่อยข้าราชการเขียนบ่นเรื่องการซื้อสินค้ายุคนี้
เมื่อวานบ่ายประชุมการเตรียมงาน มีจนท.หลายหน่วยงานมาประชุม ประชุมสองชั่วโมง ได้ครบทุกกระบวนงาน

รถติดมากกกกก เพราะมีกลุ่มรักชาติเดินขบวนชุมนุมที่ศาลากลาง รถติดธงชาติจอดข้างถนนตรึม..เชียร์ๆๆๆ  กลุ่มต่อต้านความชั่ว ด้วยการร่วมใจสามัคคีทำสิ่งดี...คนทำชั่ว เลว เขาก็มีเส้นทางกรรมของเขารออยู่แล้วไม่ช้าก็เร็ว เราไม่ต้องไปตามดู ตามแช่ง เพราะอย่างน้อยชีวิตที่เหลืออยู่ของพวกเขาตอนนี้ก็หาความสุขไม่ได้เลย ...ใครที่ถูกวิบากกรรมตามรบกวนจากพวกก่อกรรมก็ "อยู่ให้เย็น" ยังไงก็เป็นสุข เพราะ "สุข"ของเราย่อมต่างจากสุขบนการจองกรรมของคนอื่น ถึงเวลานั้นที่กรรมส่งผลให้พวกก่อกรรม สร้างเวรเขาต้องรับผลจากที่เขาไประรานผู้อื่น เขาก็ไม่ได้ "สุขเกษม" อีกต่อไป

วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

25 Nov: พุทธะ



เช้าไปวัด วันนี้สอนหมดแรง บทเรียนจากมินามาตะ สอนเด็กด้วยความเหนื่อยใจที่รู้ว่าสำนึกของพวกเขาที่จะมีต่อสังคมสิ่งแวดล้อมยังไม่เข้มแข็ง ลอยๆ เป็นห่วงอนาคตประเทศมาก แต่ก็จะพยายามปัก ปลูกไม้บนเลนต่อไป ด้วยหวังว่าวันหนึ่งจะมีสักต้นที่เติบโตขยายผลต่อได้
 สอนตั้งแต่บ่ายโมงจน 4 โมงเย็นไม่ได้พัก มันเป็นเรื่องของความรู้สึกที่ต่อเนื่อง เลยล้ามาก ไม่เป็นไร คราวหน้าบทเรียนจากโภปาลต่อ

วันนี้ช่วงเช้าก็ติดต่อกับสนพ.แก้ เพื่อชีวิต" final draft ปิดไปอีกงาน เหลือเรื่องงานช้างที่ไม่แน่ใจว่าจะทำทันไหม...

ไดอารี่ส่งมาแล้วพอใจ 80 %
เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ ร่มเย็นมาแต่ก่อนกาล แต่เพราะเราหลายส่วนที่ละเลยต่อการน้อมนำหลักธรรมมาใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิต เอาออกจากบทเรียน ไม่ส่งเสริมในส่วนใดๆที่น้อมนำคำสอนมาสู่เยาวชน มีแต่มอมเมาด้วยการประกวดไร้สาระสารพัด จนจิตกระด้าง ผ่านยุคจนโตตอนนี้เขาเหล่านั้นเป็นผู้ใหญ่ในวัย 30-45  ที่ออกมาเป็นตัวนำในองค์กร คณะต่างๆ ก็จัดการทุกอย่างแบบขาดศีล ไร้คุณธรรมกำกับเพราะชีวิตถูกเลี้ยงมาด้วยความเจริญทางวัตถุ ไม่มีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นประเภทมือใครยาว สาวได้สาวเอากันหมด บ้านเมืองเลยวุ่นวาย  พุทธะ คือ ตื่น เบิกบาน  ตอนนี้อยากจะให้คนไทยทั้งประเทศเป็นพุทธะ อย่างแท้จริง เราจะได้สงบร่มเย็น สบายๆ กันเหมือนก่อนเก่า

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

23 Nov: เงินซื้อบุญชดกรรม..

เช้าฝนยังตก ทั้งคืนไม่พอ อากาศน่านอน แต่ตื่นมาแก้หนังสือต่อ วันนี้ก็ปิงปองกับสนพ.ตลอด แก้จนหยดสุดท้ายจริงๆ ถ้าผิดอีกก็ต้องโทษความแก่แล้วที่อักษรมันลอดสายตาไปได้

ส่วนหนังสืออีกเล่มเพิ่งสแกนภาพเสร็จหมดเมื่อวาน วันนี้ก็จัดแบ่งหมวดหมู่ ใส่ภาพจัดลงไป  ภาพ 400 กว่าภาพ งานนี้ lay out ต้องสนพ.จัดเองแล้ว ตอนนี้ยังทำได้ไม่หมด พรุ่งนื้จะจัดลงกลุ่มหมด หลังจากนี้ก็เอาให้พระอาจารย์ตรวจ คัด แยก เติม เสร็จก็เป็นรายการเติมเนื้อหา จัดรูปให้ตรงกับเนื้อหา และ......ค่อยๆคิดต่อ ไม่งั้นจะเครียดเพราะเร่ง

พรุ่งนี้ต้องส่งใจไปเชียร์ คนช่วยชาติ คนช่วยแผ่นดิน ใครทำชั่ว กรรมชั่ว ไม่นานก็ตามทัน ใครที่ทำให้ใครต้องเดือดร้อน ไม่ว่ารูปแบบใด ตัวเองก็ต้องได้รับ ลูกหลานต้องรับกรรมเช่นกัน ตอนนี้เห็นชัดๆอยู่ น่าสงสาร ที่เงินซื้อบุญไว้ชดใช้กรรมไม่ได้ หุหุ แถมตายไปยังหอบเอาไปติดสินบนไม่ได้อีกต่างหาก น่าสงสารจริงๆ

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

22 Nov: เสียชาติเกิด

 เอารูปงานกฐินพระราชทานมาลงแล้วhttp://meecorner2.blogspot.com/2013/11/2556.html

สองวันนี้ก็ยังทำงานเขียน สแกนภาพ เกือบ 200 รูป เพราะสมัยก่อนภาพเป็นฟิล์ม ทำไปก็ปลงอนิจจังเพราะมีหลายท่าน หลายคน ที่เรารู้จักทั้งอายุมากและไม่มากได้จากโลกนี้ไปแล้ว บางภาพทั้งหมดเหลือแต่พระอาจารย์รูปเดียวนอกนั้นไปตามวัย ..บางคน/ท่านก็ชราไปตามวัย เห็นการเปลี่ยนแปลงของสังขาร..ชัดเจน

สนพ.ส่งต้นฉบับมาให้ตรวจแก้ ส่วนไดอารี่ที่แก้เสร็จ รอลงเพลท กลับโทรมาบอกว่าใส่สลับหน้ารูปได้ไหมเพราะจนท.ทำผิด เราบอกกรณีนี้ไม่ได้ สรุปเขาต้องไปแก้ปัญหาต่อ เฮ้อ!!

ตอนนี้ฝนตกทั้งวัน ทั้งคืน มีหยุดเป็นช่วงสั้นๆ อากาศชื้น เป็นสภาพเหมาะกับรา เราเลยต้องเปิดพัดลมเป่าให้อากาศหมุนเวียน

ตามฟ้งข่าวการเมืองบ้าง แล้วต้องรีบเปลี่ยนช่อง เพราะบางที คน กับ ความโง่ที่เห็นผิดเป็นชอบ (ไม่อยากเรียกว่า "ควาย" เพราะเราเคยเห็นควายถูกที่ฝึกสอนได้) มันไกล้กันนิดเดียว ความขาดปัญญาไม่ว่าด้วยเพราะสภาพครอบครัว ขาดการสั่งสอนหรือเห็นตัวอย่างที่ดีจากครอบครัวในวัยเด็ก หรือการศึกษาที่ไม่ครบถ้วน ที่ทำให้เขาเหล่านั้นไม่สามารถรู้สำนึกถูกผิด ชั่วดี มันทำให้ดูแล้วเกิดความสมเพช เวทนา ก็รอดูกฎของกรรมที่วาระสุดท้ายที่แต่ละคนต้องเผชิญ..เกิดมาไม่รู้คุณแผ่นดินเกิด ไม่รู้จักบุญบารมีของพระมหากษัตริย์ที่อยู่ในทศพิศราชธรรม..เสียชาติเกิดจริงๆ

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

20 Nov: ยุ่งๆ


WoW!! ไม่ได้เข้ามาบันทึก หลายวัน วันผ่านไปเร็วมาก ช่วงนี้ยุ่งมากจริงๆ อยากมี 2 หัว ยี่สิบมือจัง จะได้แบ่งงานกันทำ มิตรรัก กัลยาณมิตรอย่าเพิ่งตำหนิว่าไม่เข้ามาทักทายกัน ตอนนี้ต้องขอกำลังใจกัน เพราะทำหนังสือสุขภาพไว้แจก และอีก 2 เล่มเรื่องของวัดที่ทำประวัติไว้เป็นประโยขน์แก่คนรุ่นหลัง
ตอนนี้ปฎิทินส่งมาแล้วสวยมาก ถูกใจพระๆท่านชื่นชมกันเป็นที่ปิติแก่คนทำ แต่ยังไม่แจกทั่วไปรอเวลาปีใหม่

สองวันนี้ฝนตกมาก ตกหนักมาก ทั้งวัน เพื่อนรักที่กทม.โทรมาถามข่าว เพราะเขาได้ข่าวน้ำท่วม เราอยู่ทางนี้ยังไม่ได้ข่าว หุหุ เพราะตอนนี้หน้าอยู่กับคอมพิวเตอร์ งดโทรทัศน์ชั่วขณะ แต่ไม่พลาดข่าวการเมือง เพราะประเทศชาติเป็นสิ่งที่ทอดทิ้งไม่ได้ ต้องให้กำลังใจคนดีๆ คนที่จะทำเพื่อผลประโยชน์ประเทศมากที่สุด ไมาเข้าใจพวกที่โลภมากจริงๆว่าเวลาตายไปเอาไปได้แค่ไหน โลงทองยังแบกไปไม่ได้เลยเหลือแต่ความชั่วที่จะถูกทึกไว้ในประวัติการเมือง เหมือนหลายๆคนที่ตายไปแล้ว

ว่าแล้วต้องรีบออกจากหน้านี้ไปทำงานต่อ คิดถึงทุกท่านที่เข้ามาอ่านประจำ รูปงานกฐินก็ยังไม่เอามาลง รออีกหน่อยเน้อ!!

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

15 Nov: งานกฐินพระราชทาน ส.การอาชีวะ


ตื่นเช้ารีบทำธุระที่มหาวิทยาลัย (หลังจากลาหยุดงาน มา 2 วัน) แล้วไปวัด เช้ามีพิธียกเสาเอกตึก 3 ชั้นที่กำลังจะสร้าง เพื่อใช้เป็นอาคารพักของพระภิกษุสงฆ์ที่มาเรียนหนังสือ และเป็นที่ประชุมสงฆ์
หลังจากนั้นเป็นงานกฐินพระราชทาน ปีนี้ ส.การอาชีวศึกษาเป็นเจ้าภาพ มาจากทั่วประเทศ เกือบ 500 คน คนมาร่วมงานเยอะมากกกกก จัดอาหารเป็นส่วนๆ มีเจ้าภาพมาร่วมหลายสิบคน เราเป็นเจ้าภาพกล้วยข้าวเม่าทอด ใช้กล้วยไป 850 ลูก ทอดไม่ทันคิวยาวววว ดร.ติ่งและคณะ เอาเต้าฮวยนมสดทรงเครื่อง มาร่วม หมดอย่างรวดเร็ว กิ่งเอาไอศครีมถังใหญ่ คนตักๆไม่ทันกิน มีส้มตำ ก๊วยจั๊บ ขนมจีน ผัดไทย ทอดมัน ผลไม้ ข้าวแกง พะโล้ ฯงานนี้วัดเลยประหยัดได้มาก ได้เอาเงินไปใช้สร้างเสนาสนะในวัดที่จำเป็น

ทั้งเจ้าภาพและฝ่ายนำกฐินมาร่วมอิ่มท้อง อิ่มบุญกันทั่วหน้า พรุ่งนี้ค่อยเอารูปมาลง
http://meecorner2.blogspot.com/2013/11/2556.html (รูป)

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

10-14 Nov: เสร็จ 2 งาน


เช้านี้นึกได้ว่าไม่ได้บันทึกมา 2 วัน พอเปิดก็ตกใจ 3 วันผ่านไปแล้ว เร็วติดปีกจริงๆ ช่วงนี้ยุ่งกับงานเขียนมาก ต้องทำต่อเนื่อง ไม่มีอะไรมาแทรกได้ (นอกจากหมา หุหุ) บอ่งตง (ภาษาทันสมัยแบบวัยรุ่นยุค ก้มหน้า) กระทั่งสามีช่วงนี้ต้องชงกาแฟหาขนมกินเอง เพราะปกติเวลาชา กาแฟ จะเตรียมอบขนมพวกเดนิช หรือไม่ก็พั๊ฟ ให้ เราชอบเค็ก คุกกี้ แต่ช่วงหลายวันมานี่ ของใครก็ของคนนั้นอยากกินอะไรเปิดตู้อบเอง ตอนเที่ยงอย่างเดียวที่กินข้าวกัน นอกนั้นต่างคนต่างนั่งลุยงาน เมื่อวานซือ ปิดเคสไดอารี่ เรียบร้อย รอส่งสินค้ามา ปฎิทินปิด job เมื่อวานสายๆ ...บ่ายแก่ๆเราจัดการ draft แรกของหนังสือสุขภาพเสร็จ ส่งไปสนพ.โทรคุยคุณลุงบอกว่าช่วยจัดเป็น pdf เอามาทำใหม่จัดหน้าให้เสร็จ 3 ทุ่มส่งไปอีก เหลืออ้างอิงที่ต้องทำวันนี้ให้เสร็จ ก็จะปิดอีก job ต่อจากนี้เหลืองานช้าง ที่ทำใจเย็นอยู่แต่จริงๆแล้วกลัวมากว่าจะออกมาไม่เป็นแบบที่ตั้งใจเพราะเวลาจำกัดมาก เล่มสุขภาพว่าแน่ๆแล้วยังทำตั้งเดือนเต็มทั้งๆที่คิดว่าครึ่งเดือน....งานนี้ลุยต่อ

ตอนนี้เห็บเหามาวุ่นวายเล็กน้อย จะขอเอกสารเพิ่มเติม แต่เรื่องเล็กมาก ก็คุยกันกับเพื่อนว่าช่างน่าสงสารเธอจริงๆ นอกจากไม่"สุขเกษม"แล้ว ชีวิตเธอยังหาประโยชน์อันใดต่อสังคมไม่ได้เลยเพราะเป็นชีวิตบาปหมกมุ่นด้วยความโลภอยากได้ อยากมี ในทางผิดธรรมจริงๆ วันๆครอบครัวเธอเป็นยังไงหนอ ...สรุปว่าก่อกรรมได้ก็ทำไปรอเวลาแบบที่หลายๆท่านบอกไว้...ไม่นาน กรรมยุคนี้บางเรื่องก็ตามมาช้าๆ แต่ตูมเดียว หุหุ

วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

7-9 Nov: งานเขียน


ช่วงนี้ยุ่งมากกับการเร่งเขียนด้วย แก้งาน diary ไปด้วย ทำคู่ขนาน วันที่ 7 จ้างช่างถ่ายภาพมาถ่ายภาพพระทั้งหมดในวัด บริเวณรอบๆ ถ่ายประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ได้ภาพถูกใจบ้าง เย็นมีประชุมกรรมการวัด และผู้เกี่ยวข้อง งานนี้เราไม่เกี่ยว เข้าไปถ่ายรูปให้แล้วรีบออกมาทำหนังสือต่อ

เมื่อวานไปภูเก็ตงานกฐินจอนบ่ายสาม ก็นั่งแก้งานบนรถไปตลอด อ่านงานวิจัยของอจ.ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งส่งมาให้ประเมินด้วย ได้สองงาน กลับถึงนี่ 5 ทุ่มเศษ

เช้าวันนี้ตื่นตี  5 ทำหนังสือต่อ ตอนสายเร่งแก้ เขียนเพิ่มเติมไดอารี่ส่วนที่ขาด แก้รูป ทำจนตาลาย ตื้อไปหมด พักทานกาแฟ ชา เป็นระยะ เสร็จทันส่งตอน ทุ่ม วันนี้ไม่ได้กินข้าวเที่ยง กินขนมปังแล้วเร่งงาน สรุปเสร็จหมดสำหรับไดอารี่ เหลือรอส่งกลับมาให้ตรวจฉบับ final ทันตามกำหนดแบบพอดี ค่ำนี้เลยต้องพักเพราะสมอง สายตา ถูกบังคับใช้มากไป และปวดไหล่ คงเป็นเพราะนังอยู่ท่าเดียว

พรุ่งนี้เปลี่ยนมาทำหนังสือสุขภาพต่อให้เวลาตัวเองอีก 2 วันควรเสร็จ เพราะยังอีกเล่มที่สำคัญกว่ารออยู่

6 Nov: ฟังเทศน์มหาชาติ

เช้าไปวัด วันนี้เตรียมไปฟังเทศน์มหาชาติ เตรียมของถวายบูชากัณฑ์เทศน์ ร่วมเป็นเจ้าภาพกัณฑ์มหาพนธ์  (xx,xxx) ร่วมกับพระอาจารย์ ดร.ติ่ง และคนอื่นๆ ที่เลือกกัณฑ์นี้เพราะอานิสงค์คือ ปัญญา เรารู้สึกว่าการด้อยปัญญาเป็นทุกข์ เป็นเหตุแห่งความเสื่อมทั้งปวง เพราะหากขาดปัญญาก็แยกแยะดี ชั่ว ถูก ผิดไม่ได้ ทั้งไม่สามารถสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้เกิดแก่สังคม คนรอบข้างได้ด้วย ดังนั้นจะมีทรัพย์ใดจะเสมอด้วยปัญญานั้นไม่มี

วันนี้ฟังจนเย็นกลับบ้านมาให้อาหารเด็กๆ แล้วกลับไปต่อ จนสองทุ่มเศษ อิ่มบุญทั่วหน้า (ค่อยเอารูปมาใส่)

วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

5 Nov: ขอมีปัญญา


เช้าไปวัด วันนี้กรรมการตรวจชุดกรอกคะแนนเก็บของเตรียมกลับวัดใครก็วัดท่าน พระอจ.มอบหมายให้รองภาคไปนราธิวาสงานผ้าป่าชายแดนฯ

รีบไปสอนหนังสือ วันนี้สอน english for env science บอกได้คำเดียวว่าเข็นครกขึ้นภูเขาสิบลูกยังง่ายกว่า ไม่รู้ทำกรรมอะไรมาจึงมาเจอแบบนี้ ดีที่ตอนนี้เราเย็นลงจน no mood ไปหมด อะไรๆก็เฮ้อ!!! เหนื่อยจนไม่อยากหวนคิดสภาพเด็กที่เรียน ตอนพูดไทยก็ไม่ค่อยตอบ สอนเป็นอังกฤษยิ่งงง เงียบ จนไม่รู้ว่าฟังรู้เรื่องหรือเปล่า ถามเป็นไทยอีก??? เฮ้อ ไม่รู้จะเมตตา ได้แค่ไหน สงสัยจะขันแตก หุหุ เห็นแบบนี้แล้วเลยต้องขอมีปัญญาทุกภพชาติ

วันนี้ฟังเรื่องจากดร.กรณ์อีกเกือบชั่วโมง ไอหยาสึนามิ กำลังมา จะฟ้องร้องอจ.กับพนง.lab ฟังแล้วเหนื่อยแทน....เอาคนชั้นหนึ่งมาร่วมงานทั้งนั้น

ไม่ได้กินเที่ยงสอนตั้งแต่เพล จน 4 โมงเย็น กลับบ้านหมดแรงตามระเบียบ



วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

4 Oct: วันตรวจข้อสอบบาลี


วันนี้ยุ่งทั้งวัน เช้าจัดการเรื่องส่วนตัวเล็กน้อย เพราะเปิดเทอมแล้ว ไปวัด วันนี้มีการตรวจข้อสอบบาลี มีพระมาช่วยกันตรวจข้อสอบประมาณ 150 รูป มาจากหลายจังหวัดและจากกทม.เราเป็นเจ้าภาพแกงไตปลา และเมี่ยงปลาไฮเทค เขาใช้เตาไฟฟ้าหมุนปลา เอารถมา 2 คัน ก็พอดีเวลามาก ทันเพล พอดี ดร.ติ่งและคณะพี่น้อย พี่ณีก็เอาอาหารมา 4 อย่าง แล้วช่วยกันตัก แพคชาม กิ่งมาทำกับข้าว เรางงๆ เล็กน้อย ก็มีสาย แขก และอีกหลายคนมาช่วยกันทำบุญ อุทิศบุญให้บุพการี ผู้มีพระคุณ ตำรวจชายแดน ทหารที่เสียชีวิตในการสู้เพื่อแผ่นดิน เทวดาทั้งหลาย บริวาร เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย เจาะจงให้โอฬาร และสริตา มีความสุข มีจิตที่อ่อนโยนสิ้นเวรต่อกัน.......กรวดน้ำให้สบายใจในบุญ ใครเข้ามาอ่านอนุโทนาบุญร่วมกัน มีฆราวาสที่เอาอาหารมาร่วมคนหนึ่งพูดได้น่าฟังว่า ใครที่ว่าต้องไปทัวร์ทำบุญ 9 วัด ไม่ต้องไปไกลที่ไหน มาเลี้ยงพระที่นี่ได้หลายสิบวัดเลย หุหุ ก็งานนี้มามากกว่า 70 วัด

เสร็จเดินแวะคุยกินกล้วยปิ้ง ลองกินน้ำฟักข้าวแปลกดี ป้าแก้วและคณะชวนไปคุยเรื่องอาหารกับท่านอานนท์ บ่ายสี่โมงกว่าประชุม วันนี้มาเพิ่มก็เสนอบ้าง สรุปบ้าง ก็ต้องจดมาก่อนแล้วค่อยย่อยอีกครั้ง...ประชุมเสร็จเราก็เริ่มเครียด ใจเย็นมาหลายวันทำทุกวันแต่ก็ไม่ตึง วันนี้ประชุมเสร็จรู้สึกเลยว่าไอหยา ต้องวิ่งแล้วไม่ไช่แค่เดินเร็วๆ รับงานจากใครต่อใครจนมึน ต้องมาค่อยๆจัดลำดับอีกที ตอนนี้เอางานเฉพาะหน้า 3 งานก่อน ตอนนี้ต้องดึงอึดมาช่วยกำกับใจก่อนจะได้ไม่ลน

กลับบ้านค่ำรีบเตรียมอาหารให้เด็กๆ วันนี้พวกเขาได้กินโปรตีนมากเป็นพิเศษ แฮบปี้ทั่วหน้าแม้มาช้าหน่อย เสร็จรีบจัดการเรื่องในบ้าน เขียนบันทึก จากนี้ต้องเตรียมสอนต่อ








วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

3 Nov: set karma zero ?


เช้าไปวัด..มีพระกรรมการตรวจข้อสอบมาจากกทม.เมื่อวานเช้า เมื่อวานจัดเตรียมน้ำชากาแฟ วันนี้ก็เลยเอาติ๋มซำของพระอาจารย์ไปถวายเพิ่ม พระทีมนี้เก่งจะคล่องด้านคอมพิวเตอร์กัน

วันนี้เร่งงานเขียนทั้งวัน สายตาเริ่มแย่ลง เสร็จงานนี้เปลี่ยนแว่นแม่นแล้ว...

รู้สึกขอบคุณคนไทยผู้ที่เสียสละเวลาเสียสละความสุขส่วนตัวทำในสิ่งที่ถูกต้อง....เชียร์ๆ ไม่มีใครหนีกรรมที่ตัวเองก่อได้หรอก หลอกคนอื่นหมื่นล้านได้ หลอกตัวเองก็ยังหลอกได้อยู่ หลอกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผู้จดกรรมไม่ได้หรอก ...สวรรค์ในอก นรกในใจ อกุศลกรรมที่ก่อ ใครจะนิรโทษได้ set karma zero !! how can ???

วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

1 Oct: มันดีกว่าคนขาดศีล



เช้าตักบาตรอุทิศให้บุพการี รตต.แชนและคณะ เจ้ากรรมนายเวร ไปวัด วันนี้รองผู้ว่าราชการจังหวัดฯ คนใหม่มากราบสักการะพระอาจารย์ เราเวียนแวะหาร้านเค็กที่ชอบไม่เจอ เวียนสองรอบ ไม่มีความพยายามมากนัก กลับบ้านมาหาเบอร์โทร ค่อยลองไปใหม่..แวะสั่งเมี่ยงปลาเผามาลองกิน เพราะจะสั่งไปเลี้ยงเพลพระ ตอนนี้พระอาจารย์บอกพระประมาณเกือบ 100 รูป

เขียนหนังสือทั้งวัน ลืมไปสองเรื่องเลยต้องเขียนต่อ เสร็จเมื่อคืนเลยไม่ได้เขียนบันทึกเพราะเขียนมาทั้งวัน ล้าแล้ว link พยายามคุยเรื่องการเมืองนิรโทษกรรม เราเลยขอว่าแค่นี้หัวสมองก็ไม่ไหวแล้ว ไม่มีใครก่อกรรมชั่วแล้วไม่ได้รับกรรมหรอก กฎแห่งกรรมไม่มีใครนิรโทษได้ นรกอยู่ในใจผู้กระทำผิด บาป ชั่วอยู่แล้ว หลายคนเท่าที่เห็น ก็เอาเงินมาซื้อกรรมที่เผชิญอยู่ไม่ได้เลย สุขจอมปลอม ก็ไม่เคยสงบเย็นเป็นสุขได้ ถ้าวางลงบ้าง รับกรรมที่ตัวเองก่อชั่วบ้าง ชีวิตก็จะสุขขึ้น อีโก้สูงไปก็ลอยเค้วงค้วาง รอวันตกก็เจ็บมาก เวลาตายก็ต้องเผา ฝังร่าง หรือกระดูกเถ้า ก็อยู่ใต้แผ่นดินที่คนเหยียบทั้งสิ้น เท่ากันหมดไม่ว่าคน สัตว์ เหลือความดี-ชั่ว ที่ต่างกันเท่านั้น

แต่ที่แน่ๆหมาบ้านเราดีทุกตัว อยู่กับมันแล้วสบายใจ ไม่ลอบกัด ไม่คิดละโมบอยากได้ของของคนอื่นจนตัวสั่น  ไม่โกหกมดเท็จ  สร้างหลักฐานเท็จ ไม่เป็นหมาอันธพาล ไม่อกตัญญูคนมีบุญคุณ สัญชาติญาณสัตว์ของมัน ดีกว่าสำนึกคนหลายๆคนเสียอีก...มันมีดีกว่าคนขาดศีลจริงๆ มันจึงมีชีวิตที่ "สุขเกษม" ทั้งที่เป็นแค่หมา

วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

31 Oct: ฝึกดี


 
เช้าตักบาตร อุทิศให้ร.ต.ต. แชน และคณะ ไปวัด link เอาแว่นตาที่ตัดใหม่ให้พระอาจารย์ เห็นหนังสือจิตตนคร ฉบับการ์ตูนเล่มใหญ่เลยขอมาอ่าน กลับมาสแกนดู ส่งให้ link สแกนอ่าน เช่นกัน ก็มีความรู้สึกที่ตรงกัน...........ไว้ มีเวลาอ่านจริงจังก่อนจะได้เปรียบเทียบกับฉบับเขียนปกติอีกครั้ง

วันนี้เพื่อนโทรมาเล่าให้รู้ข่าวว่านายตำรวจสองสามีภรรยาอุตสาห์มาต่อกรรมยื่นคำร้องเพื่อขอขยายเวลาการยื่นฟ้องชั้นศาลฎีกาในคดีที่พวกเขาได้ร่วมกันก่ออกุศลกรรมออกไป เรารับรู้ด้วยใจที่สงสารพวกเขา จริงๆ ต้องบอกว่าเกิดความรู้สึกเวทนาแบบที่ชาวเราเข้าใจมากกว่า ที่พวกเขาไม่ย่อท้อต่อการต่อกรรม ส่งผลกรรมต่อให้รุ่นลูกของเขา กระทั่งที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ก็คงอยู่ในกองทุกข์ที่ตัวเองก่อมาแต่ต้นไม่ได้ “สุขเกษม” 
ซือฝูเคยสอนเรื่องเกี่ยวกับเจ้ากรรมนายเวรหรือผู้ทำกรรมให้ฟังว่าจริงๆคนพวกนี้เราไม่ต้องไปโกรธ เกลียดพวกเขา เพราะใครที่ก่อกรรมกับเรา เราต้องถือว่าเขามีบุญคุณ เพราะเขาเป็นคู่บารมีกับเรา เป็นผู้ฝึกเรา ซึ่งเราเองก็เอาเรื่องนี้ไปขยายอธิบายให้หลายๆคนฟังเสมอ ถ้าวิเคราะห์แล้วมันก็จริงที่ว่ามารไม่มีบารมีไม่เกิด ให้เราใช้โอกาสเช่นนี้ทดสอบจิตตัวเองอย่างสม่ำเสมอ จิตที่ฝึกดีแล้วย่อมนำสุขมาให้ แต่จริงๆแล้วจิตจะดีได้ไม่ได้มาจากการฝึกจิตอย่างเดียว แต่ต้องทำความดี ทำให้สม่ำเสมอ ทำจนเป็น “ปกติ” จะเกิดความสงบเย็น มีอะไรมากระทบก็ไม่กระเทือน หากมันแรงนักอาจกระเทือนแล้วก็เข้าที่ปกติอย่างรวดเร็วเพราะสติ ตัวรู้  ที่มีเป็นปกติจะเข้ามากำกับ เหมือนที่พระอาจารย์สอนว่า "อ่านหนังสือธรรมะ อ่านให้มาก  ให้บ่อย ให้เข้าใจ  สวดมนต์เป็นประจำ จนเข้าเป็นส่วนหนึ่งในจิต อยู่ในจิต จนเมื่อมีอะไรมากระทบ ไม่ต้องเปิดหนังสืออ่านอีกเพราะธรรมะเข้ามาอยู่ในใจ จนเป็นเกราะกั้นสิ่งไม่ดีให้สะท้อนออกไปได้เอง "
ตอนนี้เราเข้าใจสิ่งที่แต่ละท่านได้เคยสอนมาจนหมดและเห็นประจักษ์จริง “ ผลบุญ ผลของกุศลกรรม”  เป็นอย่างไร และสะท้อนภาพอกุศลกรรมที่พวกเขากำลังได้รับ และจะได้รับจากที่หลวงพ่อในป่าได้ทำนายพวกเขาไว้ น่าสงสารจริงๆ กรรมใครก่อไว้ก็ต้องรับ ควรขอบคุณพวกเขาที่เรื่องอกุศลกรรมที่พวกเขาร่วมกันทำใช้เป็นอุทาหรณ์สอนคนหลายๆคน และเป็นตัวอย่างกระตุ้นเตือนให้ หลายคน “ฝึกดี” อย่างสม่ำเสมอ
อกุศลกรรมเป็นของผู้ทำชั่ว วิบากกรรมเป็นสิ่งที่ทุกคนเลี่ยงไม่ได้ แต่รอดพ้นได้ด้วยบุญและกุศล แต่เราอย่าเป็นผู้ก่อกรรมตอบเขาเป็นพอ ให้หมั่นกรวดน้ำอุทิศบุญไปให้ ไม่ว่าเขาจะได้รับหรือไม่ก็ตาม เราผู้ทำจิตก็ฉ่ำเย็นเป็นพอ หุหุ
วันนี้ก็เขียนหนังสือตามปกติ คิดว่าเนื้อเรื่องคงพอแล้ว จากนี้นำมาร้อยเรียงให้เป็นลำดับ หมวดหมู่  ไม่งั้นไม่ทันส่ง จะได้ทำเล่มต่อไปอีก

วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556

29-30 oct: ขอตอบท่านชูวิทย์ : คนดี ไม่มีวันตาย


ภาพ kapook.com
 
พยายามไม่เศร้า แต่ก็รู้สึกเศร้า ตั้งแต่เมื่อวานที่รู้ข่าวตำรวจชายแดน ร.ต.ต.แชน วรงคไพสิฐ และคณะ เสียชีวิตจากการทำหน้าที่เพื่อชาติและความสุขของคนไทย ยิ่งได้ดูจากคนค้นฅน แล้วรู้สึกเหมือนทุกครั้ง คนดีที่สละชีพเพื่อชาติยังมีอยู่ เหมือนที่เคยมีคำกล่าวว่ากรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี  คนเลวที่เบียดบังชาติ  โกงกินทุกรูปแบบ คอรัปชั่น ใช้เครื่องแบบ และตำแหน่งหากิน  สักแต่เกิดมาเป็นคนก็มีมาก พวกนี้ตายไปมีแต่คนดีใจ บางคนเพียงแค่เจ็บป่วยคนยังแช่ง ดีใจไปล่วงหน้าค่อนประเทศ

ขอตอบท่านชูวิทย์ ที่ตั้งคำถามว่า "คนดีเหล่านั้นไปไหน"


เกิดมาก็ต้องตาย แต่การได้ตายอย่างมีคุณค่า ท่ามกลางการยกย่องสรรเสริญในความดี สดุดีในวีรกรรม ส่งทอดความภูมิใจมาถึงครอบครัวลูกหลาน เหลือคุณความดีให้จารึก ให้กล่าวถึงด้วยความเคารพในคุณความดีที่ทำให้กับประเทศและเพื่อนร่วมชาติ นั้นไม่ได้เกิดแก่คนทุกคน กระทั่งบางคนที่รวยล้นฟ้า สร้างกระแสข่าวฟุ้งเฟ้อไร้สาระในแต่ละวัน ขณะมีชีวิตก็ไม่สามารถสร้างความดี เสียสละได้มากเท่าคนเหล่านี้เลย มีชีวิตที่เบาไปวัน ๆ คนดีเหล่านี้ไม่ได้ไปไหน เพราะพวกเขายังถูกจารึกไปชั่วลูกหลานบนแผ่นดินไทยว่าเขาเหล่านั้นคือผู้เสียสละเลือดและชีวิตให้แก่แผ่นดิน เกิดมาไม่หนักแผ่นดิน และพวกเขาคือพวกที่ไม่ว่าจะมาแบบไหน แต่ที่สุดก็สว่างไป ไปอย่างทิ้งความดี ศักดิ์ศรี ความภูมิใจให้ลูกหลาน วงศ์ตระกูลสืบไป ขอคารวะแก่ดวงวิญญาณของท่านเหล่านี้ทุกคน.....คนดี ไม่มีวันตาย
วันนี้เขียนหนังสือทั้งวันแก้งานไดอารี่ เสียเวลามาก สายๆเอกมาช่วยเก็บกวาดใบไม้ เสร็จพลขับมารับพาศรีวันไปหาหมอ แวะไปดูร้านขนมจีนที่ดร.ติ่งแนะนำ ๙ื้อทั้งผัดไทยและขนมจีนมาลองก็อร่อยดี
บ่าย link กลับมาจากกทม. ฝนไม่ตกอบอ้าว

 

วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

27-28 Oct: พระเทพสุธี จัดสวดปาฎิโมกข์


เมื่อวาน (28) วันพระ ก็เขียนหนังสือทั้งวัน เย็นพลขับมารับไปวัดเพราะวันนี้ที่วัดจัดให้มีการสวดปาติโมกข์


เราไปวัด และมีฆราวาสที่ไปทำวัตรสวดมนต์เป็นประจำ พระอาจารย์จัดให้มีการสวดปาฎิโมกข์ นิมนต์พระสวดมาจากวัดท่าไทร  มีพระมาร่วมฟังสวด 22 รูป ปกติจะไม่ให้ฆราวาสอยู่ร่วม แต่เมื่อวานเป็นกรณีพิเศษเพราะเป็นคืนสุดท้ายที่พระบรมธาตุและพระอรหันตธาตุจะอยู่ที่นั่น เพราะวันจันทร์ก็ต้องนำกลับไปไว้ที่ชมรมฯ แล้ว ก็เลยมีทั้งพระและฆราวาสที่มากราบบูชาพระบรมธาตุไม่ขาดสาย ท่านจ้อยที่เคยอยู่สวนโมกข์ก็นำญาติโยมมากราบไหว้พระบรมธาตุด้วย (เราไม่เคยรู้จักท่าน แต่link รู้จัก เลยบอกท่านว่าหาก link กลับมาแล้วจะพาไปที่วัดท่าน) เมื่อวานเลยให้ฆราวาสนั่งฟังที่ด้านล่าง กำหนดให้ฆราวาสอยู่ห่างจากที่พระท่านสวดอย่างน้อย 2 เมตร

สวดอยู่ประมาณเกือบชั่วโมง เสร็จแล้วคุณโยมทั้งหลายที่อิ่มบุญกันทั่วหน้าก็อยู่บูชาพระบรมธาตุต่อ และมีการถวายผ้าป่าบูชาพระบรมธาตุอีกด้วย (เราโชคดีที่ได้มีโอกาสร่วมถวายปัจจัยแด่พระสวดปาฎิโมกข์)

โอวาทปาติโมกข์ เป็นหลักคำสอนสำคัญของพอรหันตธาตุ พุทธศาสนา เป็น "ปาติโมกข์" ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงตลอดปฐมโพธิกาล คือ 20 พรรษาแรก เฉพาะครั้งแรกในวันเพ็ญเดือนมาฆะ (เดือน 3) หลังจากตรัสรู้แล้ว 9 เดือน เป็นการแสดงปาติโมกข์ที่ประกอบด้วยองค์ 4 เรียกว่า "จาตุรงคสันนิบาต" ซึ่งมีเพียงครั้งเดียว

การสวดปาฏิโมกข์คือการสาธยาย ศีล ๒๒๗ ข้อ เป็นภาษาบาลีล้วนๆ ตั้งแต่ข้อ ๑ ไปจนกระทั่งจบหมดทุกข้อ และต้องสวดไม่ให้ผิด จะมีผู้คอยตรวจทานไม่ให้สวดผิด หากสวดผิดก็ต้องทักท้วง แก้ไขให้ถูกต้อง จึงจะสวดต่อไปได้ เป็นพุทธบัญญัติที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ภิกษุสงฆ์ทำอุโบสถสวดพระปาฏิโมกข์ขึ้นทุกวัน ๑๔ ค่ำ หรือ ๑๕ ค่ำ เป็นการอนุเคราะห์ให้พระสงฆ์ทบทวนพระธรรมพระวินัยที่ได้ประพฤติปฏิบัติมา โดยมีพระภิกษุรูปหนึ่งเป็นผู้สวด พระภิกษุที่เหลือเป็นผู้ฟัง

ธรรมเนียมการฟังพระปาฎิโมกข์
......เนื่องจากการฟัง การฟังพระปาฎิโมกข์เป็นกิจสงฆ์ที่สำคัญ และเป็นสังฆกรรมเฉพาะพระภิกษุเท่านั้น แม้สามเณรก็เข้าร่วมไม่ได้ ในระหว่างที่กำลังสวดพระปาฏิโมกข์ หากมีผู้มิใช่ภิกษุเข้ามาในหัตบาส (ระยะหนึ่งศอก) ต้องเริ่มสวดปาฏิโมกข์ ใหม่ เพราะเป็น "สังฆกรรมวิบัติ"

.....ในปัจจุบันบางวัดที่ถือเคร่งต้องปิดโบสถ์สวดพระปาฏิโมกข์ เพราะเกรงผู้สวดพระปาฏิโมกข์จะต้องอาบัติ เนื่องจากมีผู้มิใช่ภิกษุได้ยิน แต่บางวัดก็เปิดโบสถ์ตามปกติ เพราะถือเจตนาว่าสวดปาฏิโมกข์ให้ภิกษุฟัง ไม่ได้สวดให้ชาวบ้านฟัง ถ้าชาวบ้านเผอิญผ่านมาได้ยิน หรือเห็นก็ไม่เป็นไร เพียงอย่าให้ล่วงเข้ามาในหัตถบาสเท่านั้น บางคนจึงมีโอกาสได้เห็นพระสวดปาฏิโมกข์

 
พระผู้สวดปาติโมกข์

 


 
 
 
บน สองท่านผู้อยู่เฝ้าพระบรมธาตุทุกคืน
 
 
 ท่านภาส เมตตามาเป็นประธานสงฆ์ในคืนนี้

วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556

26 Oct:ชีวิตนี้น้อยนัก

 
วันนี้อยู่บ้านทั้งวัน เขียนหนังสือ บ่ายง่วงมากๆๆเลยแอบงีบ สงสัยเมื่อเช้าตื่นเช้ามากไปหน่อย

วันนี้เขียน พระเทพสุธี นำคณสงฆ์ภาค ๑๖ ไปร่วมงานสวดพระพุทธมนต์ถวายสมเด็จเกี่ยว ที่วัดสระเกศ
http://meecorner2.blogspot.com/2013/10/16.html

เย็นชินส่งงาน diary มาให้ เห็นแล้วเหนื่อยใจ เลยตั้งไว้ก่อนยังไม่ทำอะไร ไว้พรุ่งนี้สมองโปร่งค่อยว่ากันใหม่


วันนี้ดูข่าวเป็นระยะๆ ได้ยินการสัมภาษณ์สองข่าว ฟังแล้วคิด คิดย้อน นึกย้อน ใช้สิ่งรู้เก่ามาจับแล้วก็รู้สึกอึดอัดใจสงสารคนตอบ คนถามไม่รู้หรอกเพราะพวกเขาเป็นคนรุ่นใหม่ รู้สึกอะไรก็เท่าที่เฉพาะเห็นจากข้างนอก แต่คนที่เคยรู้และรับรู้ก็แปลกใจ สงสารคนตอบว่าปั้นน้ำเป็นตัว ไม่เหนื่อยหรืออย่างไร ไม่รู้ใจคนตอบทำได้ยังไง ไม่อึดอัด ยังตอบเป็นฉากๆแบบหน้าตายิ้มแย้ม ...ประเภทนี้น่ากลัวมาก

เห็นภาพข่าวการร้องให้ อยากจะให้พวกเขาคิดได้จังว่า บางครั้งการตาย เป็นเรื่องน่ายินดี ไม่ไช่เรื่องหน้าเศร้าเสมอไป หากการตายนั้นเป็นการพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง บางครั้งการตายเป็นเรื่องไม่น่ากลัว ไม่น่าเศร้าเลย ความดีที่สะสมไว้มาก จะนำพาไปสู่สุคติภพ ที่สงบ สบาย อิสระกว่าในภพมนุษย์เสียอีก .....ดังนั้นเราที่ยังมีลมหายใจอยู่ก็ควรเร่งสะสมความดีให้เพิ่มขี้นทุกๆวัน วันละเล็กน้อย ละลด กิเลส หันมาอยู่กับจิตของตัวเองให่มากขึ้น เพราะเวลาไปเราไปคนเดียว ที่ติดตัวไปก็แต่บาป บุญที่สั่งสมไว้เท่านั้น และเหมือนที่รู้กันว่า ชีวิตนี้น้อยนัก มันน้อยจริงๆ

วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

25 Oct: ดูข่าว


วันนี้พระอาจารย์อยู่กทม.ไปเป็นเจ้าภาพงานศพของสมเด็จเกี่ยวในนามของคณะสงฆ์ภาค ๑๖

เอกมาบ้านต้มตับมาให้เด็กๆ happy สุดๆแต่ละตัว ฝนตกหนักเลยไม่ได้ทำอะไรมากนัก ตั้งใจจะให้กวาดใบไม้ที่หล่นมากเลย

วันนี้ก็ตามดูข่าวสมเด็จพระสังฆราช ฟังที่ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์คนที่มาในงานทั้งหลาย ดูภาพก็เห็นคนไทยมีใจศรัทธามาก ยึดมั่นก็มาก แต่ก็แปลกใจถ้าเป็นคนพุทธมากขนาดนี้ทำไมยังต้องแบ่งแยกทะเลาะกัน ทำไมยังเบียดเบียนกันมากอยู่ ทำไมคนที่มียังไม่เพียงพอ ทำไมยังแยกแยะชั่วดีไม่ค่อยได้ ทำไม..จริงๆไทยเราเป็นเมืองพุทธ แต่การปฎืบัติ ความประพฤติบางครั้งมันขัดแย้ง อยากให้คนไทยส่วนมากอยู่กันอย่างสงบสุขเหมือนสมัยรุ่นปู่ย่า ตายาย

ฝนตกหนักมาก แต่ไม่นาน อากาศเลยไม่เย็น
วันนี้เขียนงานได้เยอะ

วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

24 Oct: พระบรมสารีริกธาตุ/ พระสังฆราชสิ้นพระชนม์


พระบรมสารีริกธาตุ
 
เช้าไปวัด ฝนตกหนักมาก เลยไปรับอาหารบินฑบาตรของพระอาจารย์ และเณรไปถวายที่วัด ไปกราบพระบรมธาตุ ได้บูชาพระบรมธาตุมาไว้เป็นมงคลที่บ้านทั้งหมด 45 องค์ด้วย

วันนี้เขียนพระบรมสารีริกธาตุ ที่
http://meecorner2.blogspot.com/2013/10/blog-post.html

ตอนสายพลขับมารับ link

บ่ายทำงานกับชินเป็นระยะๆ ส่งรูปแบบไดอารี่มาให้ตรวจ  เราส่งปกไปให้ ทวงงานปฎิทิน ลุงบอกว่าเราไม่รีบ เป็นงั้นไป



โทรทัศน์เพิ่งออกข่าว แถลงการณ์การสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสังฆราช ว่าทรงสิ้นพระชนม์เมื่อ  19.30 น หลังจากที่ทะยอยออกแถลงการณ์ตั้งแต่เมื่อวานเป็นระยะๆ ขอทรงสู่สุคติภพเบื้องหน้า

วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556

22-23 Oct: เขียนงาน


สองวันนี้ก็ยุ่งๆกับการเตรียมวัตถุดิบของทั้งหนังสือและไดอารี ชินทวงมาก็เลยเตรียมข้อมูลให้ก่อน หยุดเขียนไปสองวัน วันนี้ส่งรูปและข้อมูลอื่นที่ควรมีไปเรียบร้อยเหลือแต่รูปคั่นอย่างเดียว ต้องหาต่อ ส่วนมากเสียเวลากับการค้นหามากกว่าการเขียน พรุ่งนี้เขียนต่อ

เมื่อวานกีแวะมาหาตอนเย็น เล่าเรื่องหลายเรื่องเพราะไม่คุยกันนาน เพิ่งรู้ว่าไทเกอร์ ตายแล้วเพิ่งตายได้สองสามวัน she จำได้ไม่แน่นอน แต่ก็ยังดีที่กีไม่เอาเกอร์ไปทิ้งถังขยะ ยอมฝังในบ้าน ไทเกอร์น่าสงสารมากเพราะกีไม่ชอบนิสัย แต่เราชอบเพราะมันจริงใจดี น่ารักแม้ว่ามันจะหนวกหูมากไปหน่อย เฮ้อรู้จักกันมาหลายปีก็ใจหาย อาทิตย์ก่อนเราตั้งใจจะเอาขนมเปาไปให้มันกินตอนที่กีไปเที่ยวสามวัน ก็เป็นนิสัยที่ไม่ดีของเราที่ ตั้งใจดี แต่ปฎิบัติช้าเสมอ หลายครั้งที่สายเกินและก็ไม่รู้จักทำตัวใหม่เสียที ตั้งใจแล้วควรทำทันที ต้องคอยเตือนตัวเองบ่อยๆ บางครั้งเห็นคนจะมีเรื่องก็ปากหนัก ขี้เกียจพูดยังไงยังงั้น จนเขามีเรื่องแล้วก็บ่นกับสามีว่าเสียใจจังวันก่อนนั้นลืมบอกคนนั้นเขาก่อน.....แต่ก็มักคิดว่าคนนั้นเขาอาจติดกรรม หรือยังไม่ถึงเวลา เราเลยปากหนักเฉยๆ..เมื่ัอไม่นานเจอพี่รู้จัก
เห็นหน้าแล้วรู้สึกบางอย่างจนถึงวันนี้ยังติดภาพเธออยู่ อยากพูดอะไรบางอย่างแต่เวลาไม่อำนวยเลยเงียบ แต่แปลกที่อยู่ดีๆก็คิดถึงหน้าของเธอคนนั้นขึ้นมาอีก..หุหุ

วันนี้บ่ายรู้ข่าวเศร้า แต่เป็นธรรมดาของชีวิตที่ทุกคนต้องไปถึง ไม่ช้าก็เร็ว คนก็น่าจะปลงๆทำใจกันได้
บ่ายคุณยอดบวช...รู้ว่าแปะไป กีไม่ได้ไป ??

บ่ายแก่ๆท่านสีทนโทรมาหา link แล้วคุยกะเราต่ออีกยาวววว ท่านก็ยุ่งกับเรื่องเรียนเช่นกัน เราก็บ่นเรื่องความไม่รับผิดชอบของพระอจ.ดร.บางรูปในมจร.ที่ทำให้นักศึกษาเสียเวลาไปเป็นเดือนเพราะความไม่ใส่ใจ รับงานมาก จนไม่คิดถึงว่านศ.เขาเสียเวลาไปกับความไม่รับผิดชอบของท่าน และไม่ไช่ครั้งเดียวที่ทำเช่นนี้ ปกติมีแต่อจ.ต้องกระตุ้นเตือนนักศึกษา แต่นี่นศ.ขยันแต่อจ.กลับไม่มีเวลาตรวจงานแถมมั่วเวลาอีก แย่จริงๆ..ท่านรู้หรือไม่ว่านี่ท่านก็ผิดศีลข้อ 4 อยู่

วันนี้คุณวชิระมาเอาเอกสาร ชวนคุยเสียยาว นานๆคุยกันที


วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556

21 Oct: แค่คิดก็เกิดกรรม


เช้าไปวัด ตั้งใจเอากล้องไปถ่ายงานสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุ แต่มีพระหลายรูปมาสักการะพระอาจารย์  link เลยต้องอยู่สนทนาด้วย เราช่วยเก็บของที่ยังไม่เรียบร้อยให้เข้าที่ พระอาจารย์ต้องรีบเดินทางไปประชุมเจ้าคณะอำเภอที่นครฯต่อ เราและ link เลยกลับ ไม่ได้แวะไปถ่ายภาพเพิ่ม วันนี้เลยยังไม่เอาภาพลง พรุ่งนี้จะไปเก็บภาพเพิ่มติม แล้วคงเอามาเขียนบันทึกไว้

บ่ายฝนตกหนักมาก คืนนี้กบเขียดร้อง แต่ไม่มากเหมือนก่อน สงสัยถูกงูกินไปเยอะ หุหุ...วันนี้ก่อนจะกลับเห็นไม้ท่อนกิ่งไม้ยาวเมตรเศษหลายสิบท่อนวางอยู่เลยถามพระอาจารย์ว่าใช้ทำอะไร ท่านบอกว่าไม่ได้ทำอะไร จะเอาก็เอาไป เราเลยขอท่าน 2 อัน ในใจตอนที่ขอท่อนกิ่งไม้ เผื่อเอาไว้ตีงู (อีกแล้ว)  เพราะถ้าหมาเจองูก็ต้องช่วยหมา แม้ไม่อยากตีก็ต้องทำถ้าเจองูเห่าอีก... link เอาใส่รถ เราก็เดินไล่เจ้าเรโอ (หมา) ให้เข้ากุฎิ ข้อเท้าเลยแพลง คิดว่าไม่เป็นอะไร ก็ไม่เจ็บมาก กลับบ้านก็ไม่เป็นอะไร จนบ่ายที่ฝนตกหนักลุกขึ้นไปปิดหน้าต่าง ปรากฎว่าเจ็บข้อเท้า แปล้บตอนเหยียบพื้น รู้ว่าอักเสบ ทายา ไม่ดีขึ้น แย่กว่าเดิม นึกได้เอาน้ำแข็งประคบ ดีขึ้นมากเลย แล้วก็นั้งนึกว่าเอ! ทำไมหนอต้องกะแผลกๆ อีกแล้ว นึกได้ว่าสงสัยคิดจะตีงูเมื่อเช้า เดินขาพลิกแพลงทันที แบบนี้เรียกว่า แค่คิดก็เกิดกรรม หุหุ