วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556

31 March: เพื่อนใหม่


ในที่สุด 3 เดือน 1/4 ปี ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช้านี้เพื่อนโทรมานัดให้ไปธุระด้วยกัน เลยบอกขอไปช่วงเช้า เพราะบ่ายขอหลบร้อนในบ้านก็แล้วกัน สามีชมว่าทำไมวันนี้ใจดีจัง ยอมออกไปข้างนอก ก็บอกว่านานๆเขาขอทีก็ไปเพื่อมิตรภาพของเพื่อน รายนี้กรณีพิเศษ หุหุ 

10.00 น.ตามเวลานัดเพื่อนมารับ จากเป้าหมายเดิมที่จะไป เวียนหาอยู่ 2 รอบ กว่าจะพบก็ของกินเต็มรถ แวะซื้อรายทาง กล้วยอบทับ ข้าวโพดต้ม และแบบอบเนย ขากลับไม่กลับทางเดิมขอตะลุยลองเส้นทางเลยไปยาว ในที่ๆไม่รู้จัก โผล่โน่นทีนี่ทีเป็นบริเวณสวนปาล์ม นากุ้งร้าง ริมคลองทั้งสิ้น กะว่าจะวกกลับไปกินเที่ยงที่ร้านแห่งหนึ่ง ปรากฎว่าสายตาไปเห็นป้ายชี้ทางไปวัดแห่งหนึ่งที่ไม่รู้จักว่าอยู่ตรงไหน เลยบอกลุยให้ถึงวัด ปรากฎว่าเป็นบริเวณที่สวยถูกใจ มีคลองโอบล้อมทั้งสามด้าน ไปกราบพระเก่าแก่ในโบสถ์ กลับออกมาอีกทาง วกไปเวียนมาแบบเดาทิศ เจอป้ายร้านบอกทางไปร้านส้มตำไทย เอาไปก็ไป หาจนเจองงๆๆ แต่ก็ลง ปรากฎว่าจะทำเป็นคล้ายๆ home stay  แต่ยังไม่เป็นรูปแบบที่ชัดเจน เพราะยังเป็นบริเวณที่ไม่เป็นชุมชน และไม่มีอะไรนอกจากบ้านริมคลองที่น้ำใสสวย มีต้นจากเป็นแนว สำหรับเราไม่มีอะไรต่างจากหลังบ้านเรานัก แต่บรรยากาศของเขาเป็นป่ามากกว่า น่านอน หุหุ ค่อนข้างร้อนวันนี้ กินไปคุยไปกับเจ้าของที่เกษียณแล้ว และแวะไปดูบ้านเรือที่แม่ของเจ้าของร้านอยู่ เจอคุณแม่อายุ 86 ปี แข็งแรง เคยทำงานที่กรมพลาธิการเช่นกัน เป็นข้าราชการบำนาญ คุยสนุก แต่แม่บอกว่าอยู่ที่นี่ไม่ได้คุยกับใครนัก นานๆมีคนแวะมาทักๆแล้วก็ไป แต่พวกเราอยู่คุยเกือบชั่วโมง ลากลับแวะกลับไปที่บ้านหลังใหญ่ที่ใต้ถุนสูงมาก ที่เรานั่งกินส้มตำกัน คิดเงิน สามีพี่เขาพาเจ้าปอม (หมา) 2 ตัวออกมาเดินเล่น เลยคุยทักทายกันอีกยก กว่าจะได้กลับ ขับเล่นเลยต่อไปจนรู้สึกว่าไกลไปแล้ว เลยขับย้อนกลับทางเดิมอีก ผ่านร้านขายส่งกุ้ง ปู เพื่อนแวะเหมากุ้งทั้งหมดใส่ลังโฟมมา เดินทางต่อเลี้ยวไปมา เดาทิศผิด วกกลับไปอีกทาง เลยออกมาที่ถนนที่รู้จัก งงๆกัน คุยกันว่าเราจะกลับไปที่นั่นกันอีก ติดใจป่าจาก คลองธรรมชาติ และอัชฌาสัย ของคุณอภิรมย์และครอบครัว ถือเป็นเพื่อนใหม่ได้เพราะพูดตรงไปตรงมาดี

กลับบ้านไม่ทันถึงบ้านแวะลงไปดูโครงการของครอสโรดอีก ถึงบ้านเกือบเย็น

วันนี้ก็ไม่ได้ทำอะไร แต่ถือว่ากำไร เพราะได้ออกไปในที่ๆไม่เคยไป ไปกราบพระ ได้รู้จักเพื่อนใหม่

เช้านี้รดน้ำต้นไม้ซะชุ่มไปหมดทั้งบริเวณบ้าน

วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556

30 March: หาดีไม่ได้ ก็อย่าเลือกชั่ว



เช้านี้เป็นคุณแจ๋ว clear ระเบียงหน้าบ้าน เพราะแปลงเป็นที่พยาบาลเต้เกือบเดือน ตอนนี้เต้หายป่วยแน่นอนแล้วเลยจัดระบบเหมือนเดิม

บ่ายสองคนจัดสวนที่นัดไว้เมื่อวานก็มาดูต้นไม้ที่จะล้อมย้าย ตอนแรกยกให้เพื่อนแล้ว เขาตกลงเอา วันนี้เขาบอกว่าสามีเขาไม่เอาเพราะต้นใหญ่เกินไป ก็เลยให้ย้ายไปไว้ที่ริมย้ำแทน แต่เขาไม่ทำช่วงนี้เพราะร้อนมากไปกลัวมันตาย ร้องเพลงรอก่อน..แล้วแวะไปบ้านเพื่อนที่เขาจะเอาต้นไม้ลง

ให้พลขับไปรับสามีกลับจากกทม. เราก็โต๋เต๋เชียร์เพื่อนบ้านอยู่

ไม่อยากยุ่งเรื่องข่าวการเมืองในบันทึกของเรา แต่ขอโน๊ตนิดเดียวทางอ้อมว่า ในการประชุมที่ต้องลงมติในเรื่องไม่ถูกต้องแล้ว เราจะไม่ทำ หากต้องการเสียงเอกฉันท์ เราเคยเดินออกมาแล้ว (ชีวิตเลือกไม่ทำสิ่งท่ไม่ถูกต้องได้) หรือการเลือกตั้งใดๆ ที่จะต้องไปใช้สิทธิ์ออกเสียงหากไม่มีคนดีให้เลือกก็ใช้สิทธิแต่ไม่ออกเสียงไม่เลือก เพราะบาปกรรมเลือกเข้าไปโกงกินบ้านเมือง ทำร้ายชาติ หาผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง อกตัญญูแผ่นดินเกิด บาปกรรมทั้งหลายจะต้องตกมาสู่ผู้ที่เลือกคนบาปให้เข้าไปเช่นกัน ..ดังนั้นหากหาดีไม่ได้ ก็อย่าเลือกชั่ว ไม่งั้นประเทศชาติต้องเป็นหนี้ชั่วลูกถึงโหลนก็ไม่หมด..


วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556

29 March: แบบไทยๆ


เช้าตักบาตร อุทิศให้บุพการี ผู้มีพระคุณ ทหาร ตำรวจชายแดนที่ปกป้องแผ่นดิน เจ้ากรรมนายเวร บริวารที่ล่วงลับไป กลับมาเจอหมาชิสสุเดินเหงาๆโทรมสกปรกเชียว เลยจอดรถส่งปาท่องโก๋ให้ 1 คู่ เขารับกินแฮะ เลยเวียนรถกลับมาให้อีก 1 คู่ วันนี้ถามหยีว่าเป็นหมาของใคร รู้ว่ามีเจ้าของก็โอเคนะ ไม่งั้นสงสารแย่เลย เพียงต่เจ้าของปล่อยไม่สนใจ แย่นะเขาก็มีจิตใจ ความรู้สึกไม่แตกต่างจากคน แต่ความอดแทนของหมามีมากกว่าคนเยอะมาก เราเลี้ยงหมามานานตั้งแต่เด็ก ถ้าอายุน้อยกว่านี้จะไปเรียนสัตวแพทย์อีก

ดู "โหมโรง" series ของ Thai PBS เพื่อเชิดชูท่านหลวงประดิษฐไพเราะ บรมครูแห่งดนตรีไทย แล้วสะท้อนถึงความเป็นสังคมไทยๆในอดีต เมื่อวานก็ได้ดูรายการเกี่ยวกับ ศ.ดร.อุทิศ นาคสวัสดิ์ ลูกศิษย์ของท่านหลวงประดิษฐฯ ตอนเด็กยุคทีวีขาวดำ เราได้ดูรายการสอนดนตรีไทยของท่านเป็นประจำ เป็นอะไรที่ชื่นชมมาก ความรู้สึกไทยๆ เย็นๆ อ่อนโยน เลยเข้ามาอยู่ในใจอีกครั้ง เหมือนเอาผงซักฟอกมาเลาะไขมันออก เกี่ยวกัน?? :)

ได้ฟังเพลงราตรีประดับดาว  ลาวคำหอม นึกย้อนกลับไปตอนเรายังเด็กชั้นประถม มัธยมต้น ม่าม้าจะเปิดเทปเพลงไทยเดิมทั้งร้องและบรรเลงให้ฟังทุกวัน สอนให้เราเล่นออร์แกน จนเราแกะโน๊ตเองได้ ฟังเพลงหากร้องได้ก็เอามาแกะโน๊ตเล่นกับออร์แกน ทุกเย็น  ในที่สุดก็หัดเล่นขิม  จะเข้  ระนาด คุณครูสงบ ปิ่นนัย เป็นครูสอนดนตรีไทยให้เราคนแรก แบบเป็นทางการ

วันนี้ได้ฟังเพลงไทยเดิมจากการรัวระนาด และเราตามเข้ามาค้นประวัติท่านอีก เลยได้ฟังเพลงไทยเดิมแล้วสบายใจ สมัยก่อนม่าม้าจะมีตลับเทปเพลงไทยเดิมหลายร้อยตลับสะสมจริงๆ ตอนนี้ก็เสื่อมเปิดไม่ได้ ยุคนี้ก็ออกมาเป็น CD เพลงฯ เรามีหลายชุด อยากให้เด็กยุคใหม่หันมาสนดนตรีไทยบ้างจัง ใครจะช่วยจุดประกายอีกครั้ง ไม่รู้ว่าจะมีใครอุทิศเวลา และมีความตั้งใจจริงเหมือนบรมครูรุ่นเก่าๆ สื่อช่องใหนที่จะช่วยสร้างสรร จรรโลงความเป็นไทย แทนที่จะครอบงำให้หลงระเริงแบบที่เป็นตอนนี้ ที่วันๆมีแต่เต้นๆๆๆๆๆๆ เหมือนกุ้งดีด ....สังคมโดยรอบจึงเร่งรีบ เร่าร้อน เอาใจออกนอกตัว จนลืมมองเข้าไปในตัว เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้มีสาระ พัฒนาจิต  นำชีวิตไปสู่ความสงบเย็น

เที่ยงเพื่อนโทรมานัดไปทานข้าว ไปกัน 3 สาวววว ไปทานส้มตำ ข้าวเหนียวกล้องอร่อยดีจัง เจอคุณแอ๊วและสามีไปทานด้วย เราเลยเลี้ยงหมด 2 โต๊ะ คุณแอ๊วมาพูดเกี่ยวกับที่ดิน ริมน้ำกับเพื่อนเราที่เขารู้จักเช่นกันฟัง เลยชวนกันไปดู ไกลพอควรแต่เขาบอกว่าไกล้ ไปถึงเห็นแล้วเราไม่อยากจะลง แต่เพื่อนบอกน่าเกลียดควรลงไป เลยลงไปปิ้งแดดกัน มีร่มแต่เอาไม่อยู่ ร้อนมาก เสร็จก็แยกกันกลุ่มเราไปทานไอติมต่อ เดินซื้อขนม และกลับบ้าน เกือบถึงบ้านคุยกันเรื่องต้นไม้ เลี้ยวรถกลับไปดูต้นไม้ต่ออีก ถึงบ้านเวลาอาหารเย็นของเด็กๆที่บ้านพอดี.....

วันนี้เลยไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นอัน



วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556

28 March: งานค้าง



เช้าไปมหาวิทยาลัย กลับมา อ่านงาน แก้งานต่อ  เย็นคนงานมาช่วยกวาดใบไม้ที่ร่วงมากเพราะอากาศร้อน

เบรคงานเป็นช่วงๆ  และคิดทบทวนว่าเอ !ต้องทำอะไรบ้างที่ค้างอ ยู่ คิดได้ว่าควรเขียนเรื่องที่คั่งค้างมานาน ไม่จบให้จบเสียที มีเรื่อง ไปดูงานโรงงานไฟฟ้าที่จีนและฮ่องกง เรื่องประสบการณ์การเรียนที่อังกฤษ เรื่องปฏิบัติธรรมที่ท่ามะโอ ไอหยา..!!!ค้างไว้เยอะจัง..แต่ยังไงก็ไม่ลืม จะทะยอยเขียนเท่าที่เวลาอำนวย ยังไงเดือนเมษายนมีงานร้อนมาแล้ว 2 เรื่องคือแก้ตำราให้เสร็จ และเตรียมบรรยาย

วันนี้รดน้ำต้นไม้ 2 รอบ เย็นนี้เพื่อนบ้านอยู่ดีๆ ขอมาเดินดูคลองหลังบ้าน เลยพาเข้ามาเดินเล่นริมคลอง แต่วันนี้ลมนิ่งมาก เลยอบอ้าว

ศึกษาดูงานด้านพลังงานที่จีนและฮ่องกง 4/2



ตำแหน่ง เลข 2 เป็นตำแหน่งเมืองที่ไปกวงดง ดายา เบย์ เมืองกวางเจา
 
(ต่อจากตอนที่แล้ว...

ตอน 3 http://meepolen2.blogspot.com/2012/12/2_17.html  นานมากจนคนอ่านลืม คนเขียนก็เกือบลืม)
http://meepolen2.blogspot.com/2012/12/daya-bay-41.html ขออภัยจริงๆ คนเขียนลืมจริงๆ ว่ามีตอน 4 แล้ว หุหุ เลยต้องแก้ชื่อตอน (แก่แล้วควรให้อภัย:) เนื้อเรื่องซ้ำซ้อนบ้างแต่ก็มีเพิ่มเติม เลยไม่ลบก็แล้วกันเนอะ

เช้าวันที่ 4 ธค 55

เมื่อคืนนอนสบาย ไม่กลัวผี  เพราะเอาหนังสือสวดมนต์ ไปวางบนหมอนข้างตัว หุหุ ...เก็บกระเป๋าออกจากที่พัก เตรียมไปดูงานในโรงงานที่เราพัก และวันนี้ก็ต้องเดินทางเข้าฮ่องกงต่อ  ออกมาจากหอพักเอากระเป๋าใส่รถเรียบร้อย อาหารเช้ารออยู่ เดินไปตามทางชันมีกระไดให้ไต่ขึ้นไปที่ห้องอาหารเหมือนภัตตาคารอย่างดี...


อาคารจัดเลี้ยง
 
บรรยากาศข้างใน และมองจากภายในห้องอาหารจะเห็นส่วนที่เป็นอ่าว

ล่าง ของหวานที่ชอบมาก ข้างในใส้เผือก ตอนนี้ในไทยก็มีขายเป็นกล่องเอามาทอดเอง
 
 

เสร็จเรียบร้อย 08.30 น จนท.ของโรงงานมานำไปดูโรงงาน ก่อนดูก็พาแวะเวียนรอบๆเพื่อเข้าไปที่ห้องประชุม (รูป1)

 


 ฟังจนท.ระดับบริหารมาบรรยาย (สมมุติชื่อ Mr. K) คนนี้มีเลขาเป็นคนไทย) มีคนกระซิบแล้วว่าคนนี้ชอบพูดภาษาอังกฤษ ทางกฟผ.พาล่ามคนไทยไป (อ.เอก ในรูปใส่เสื้อกั๊ก) แปลไทย-จีน และอังกฤษ บ้าง...presentation ของเขาช่วงเปิดตัวก็เร้าใจดี วีดีโอบรรยายไทยแบบเตรียมมาอย่างดี ไม่รู้ฝ่ายไทย (กฟผ) หรือฝ่ายจีนเตรียม เหมาะสำหรับใช้สอนนักเรียนมากเลย เราดูไป ฟังไปเรื่อยๆ จนจบ จากนั้นก็เป็นการบรรยายโดย Mr.K เป็นการบรรยายแบบเรื่องทั่วไป โครงสร้าง การบริหาร การจัดการ แบบทางการไม่ได้แตะในส่วนวิชาการ หรือความรู้ที่หาอ่านไม่ได้จากเอกสาร ก็รู้สึกแปลกใจ ..

รูปบน มอบของที่ระลึกตามระเบียบ ............รูปล่างขวา ในห้องโถงชั้นล่างเมื่อเข้าไป


จนกระทั่งถึงตอนตอบคำถาม เรามักจะชอบฟังคนอื่นถามเสมอ และหากไม่มีใครถามตรงกับข้อสงสัยเราก็จะถามเอง..ช่วงนี้มีผู้ที่ไปถามคำถามหลายคำถาม ส่วนมากคำถามเป็นเรื่องที่คนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมเขาต้องถาม ที่รู้สึกแปลกๆก็เป็นจริงเมื่อถึงคำถามใหนที่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมเขาจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะเขาตอบไม่ตรงคำถามอย่างสิ้นเชิง คำถามที่เกี่ยวกับ data or fact ทั่วไปเขาจะตอบได้ทันทีเช่น มีคนงานทั้งหมดเท่าไร (มีประมาณ 17,000 คน) เคยมีแผ่นดินไหวรอบๆบริเวณนี้ไหม (ไม่มี..?) มีเตากี่เตา อุณหภูมิของน้ำทิ้งสูงไหม etc. คำถามที่เข้าใจยากเช่น มีคนถามเรื่อง ecological risk อันนี้ต้องถามถึง 3 ครั้ง แล้วมีคนแปลคำถามอีก สรุปถามช้างออกม้าไปเลย อันนี้หลายคนสังเกตุเห็นเพราะเป็นเรื่องที่คนสนใจ outstanding ไปหน่อยที่ไม่เข้าใจ อีกเรื่องคือคำถามเกี่ยวกับต้นทุนเปรียบเทียบของพลังงานจากแต่ละแหล่ง ที่แอบอมยิ้มคือคำถามว่า พูดถึงข้อดีมามากแล้ว ให้ท่านช่วยบอกข้อเสียของรง.ไฟฟ้านิวเคลียร์ อันนี้ Mr. K ตอบได้ทันทีเหมือนกับใครที่ไปต้องถาม และตอบมานับครั้งไม่ถ้วน คำตอบ ข้อเสียของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์คือ "มันทำให้ครอบครัวต้องแยกห่างกัน เป็นห่วงกันเพราะที่นี่ไม่อนุญาตให้เอาครอบครัวที่ไม่ได้ทำงานที่นี่มาอยู่ด้วยกัน" (คนงานที่นี่จะมีสวัสดิการที่พักภายในรง.) คำตอบเรียกเสียงฮาได้มากทีเดียว แต่สำหรับเราแล้ว so sad!! แต่เข้าใจมุขไม่ตลกอันนี้ เขาต้องซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ส่วนตัวของเขา คงตอบอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ต่อไปนี้หน่วยงานที่กข.กับเรื่องรง.นิวเคลียร์ สามารถใช้เป็นคำตอบทางเลือกได้ หุหุ

คำถามที่เราถามเขาคือ การก่อสร้างโรงงานนี้ การเลือกสถานที่และ โครงสร้างรองรับการสั่นสะเทือนหรือระดับแผ่นดินไหวไว้ที่เท่าไหร่ เขาตอบว่าที่ระดับ 4  (อันนี้ไม่ไช่ เพราะน้อยมากไม่น่าจะเป็นไปได้ ข้อมูลที่ค้นได้มาเป็นดังนี้

"..Another issue related to the topic of nuclear accidents, is the geological stability of the land on which the Daya Bay plant was constructed. Geologically, the site's surrounding area does not contain any deep faults, and no earthquake activity above 7 on the Richter scale had been experienced in over 1,000 years.
Based on this geological survey, Daya Bay's plant was designed and constructed to withstand an earthquake at the 8 level. "

อีกคำถามคือ เคยมีอุบัติเหตุ หรือการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีหรือไม่ อันนี้ต้องขอบอกก่อนว่าเราค้นอ่านข้อมูลก่อนไป เขาตอบว่า NO! เราถามซ้ำ เพื่อให้เขาได้สติ เขาคงยืนยันว่า recently no !!  เราไม่ว่าอะไร เพราะไม่ไช่เวทีโต้วาที หรือเปิดตาประชาชน ที่ต้องเอาหลักฐานมาเปิดกัน แต่สิ่งที่เขาตอบขัดแย้งกับข่าว และรายงานของจีนเอง เราเอาเรื่องที่รู้มาให้จนท.ระดับบริหารของกฟผ.ที่มานั่งหลังเราดูทันที ว่าแปลกที่เขาปฎิเสธ

".....A small rise in radioactivity was observed on May 23 in a reactor cooling unit of the Daya Bay Nuclear Power Station in Shenzhen, which is run by CLP Power, Hong Kong's largest electricity supplier, the Hong Kong government said. "Preliminary assessment indicates that there was a very small leakage at a fuel rod
The report also said a large amount of radioactive iodine was released into the air. It said the plant's management had kept the incident secret and only later reported it to authorities in Beijing. CLP disputed the report and said the leak was so minor it did not fall within an international nuclear rating or warrant immediate notification. But it added that it had reported the incident to state nuclear safety authorities. ...." อันนี้อ่านต่อsหรือหาข้อมูลได้จากข้างล่าง จริงหรือไม่ เชื่อไม่เชื่อ หาอ่านต่อได้ใน
 
Nuclear Event - China


EDIS Code:

NC-20100615-26521-CHN

Date&Time:

2010-06-15 05:13:21 [UTC]






เราถามเรื่อง  Emergency Zone  อันนี้เขาไม่เข้าใจ เลยตอบไม่รู้เรื่อง จึงต้องให้ล่ามแปลอธิบายเป็นภาษาจีน แต่ก็ไม่ได้อีก ในที่สุดต้องยกตัวอย่างที่ญี่ปุ่นเมื่อเกิดเหตุการณ์....เขาจึงบอกว่าอ๋อมี ตามระเบียบกำหนดไว้ที่...อันนี้รู้ว่าเขาตอบไม่ตรง อาจไม่เข้าใจจริง เป็นที่มาของคำถามว่า( Mr.K) ที่เอามาบรรยายนี้จริงๆเป็นใคร หรือหน้าที่จริง?? เราคิดไปเองว่าน่าจะเป็นส่วนประสานงานระหว่างรง.ไฟฟ้าไทย-จีน เพราะมีเลขาคนไทย และเขาไปมาตลอด สนิทสนมกับจนท.กฟผ.มาก ....

ถามเรื่อง Nuclear waste and used Fuel  อันนี้เขาบอกว่ากำลังจะพาไปดู .....ตอนต่อไป

จากนั้นก็ขับรถเวียนตามเส้นทางในโรงงานไปห้องประชุมอีกที่ ผ่านโรงงานก็ถ่ายมาให้ดู และบางรูปที่ชัดมากเอามาจาก web นะ


บน ล่าง รูปโรงงานจาก web
 
 

วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

27 March: "You are my bin"



ได้ยินเสียงดังมากเหมือนระเบิดตั้งแต่เช้า ตามมาด้วยไฟดับ ตั้งข้อสันนิษฐานว่าหม้อแปลงไฟระเบิด  somewhere around here ....ไปวัด เอาขนมหมาไปฝากเด็กๆด้วยเป็น milk stick เรโอ กะ yiching ชอบมากกกกกก หุหุ

ไปมหาวิทยาลัยสอบงานวิจัยนศ.ครั้งที่ 2 ครั้งแรกไม่ผ่าน วันนี้สอบเขา 3 ชั่วโมงเศษ ไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมจึงเป็นได้แบบนี้ บอกได้คำเดียวว่าใช้ความเมตตา และกรุณาขั้นสูงสุดในการซักถาม ท้ายนี้ต้องอุเบกขาเป็นที่ตั้ง บอกในห้องเลยว่ารู้แล้วว่าทำไมต้องเกษียณตอนอายุ 60 ปี เพราะหากต้องสอบพวกนี้ที่เป็นแบบนี้ความดันอาจทะลุเกิน 140 mmHg หรือไม่อาจเป็นโรคหัวใจเฉียบพลันได้.....เบื่อจะเอามาบันทึก ไม่อยากทบทวน

วันนี้ได้รับตำรามลพิษสวล.ที่ผูตรวจสอบส่งกลับมาแล้ว มีแก้น้อยมาก มีในประเด็นให้ยุบหัวข้อรวมกัน มีกล่าวซ้ำ สะกดผิดบางคำ เราชอบมีปัญหามากกับการใช้ "ไ" และ  "ใ" แย่จริงๆ บางครั้งเวลาจริงจังมากต้องท่องกลอน อาขยานบทนี้ จนจบจึงรู้ว่าใช้อะไร...แย่จังเรา


"ผู้ใหญ่หาผ้าใหม่ ให้สะใภ้ใช้คล้องคอ
ใฝ่ใจเอาใส่ห่อ มิหลงใหลใครขอดู
จะใคร่ลงเรือใบ ดูน้ำใสและปลาปู
สิ่งใดอยู่ในตู้ มิใช่อยู่ใต้ตั่งเตียง
บ้าใบ้ ถือใยบัว หูตามัว มาใกล้เคียง
เล่าท่องอย่าละเลี่ยง ยี่สิบม้วน จำจงดี"
 
ตรวจของคนอื่นมาก็มากแล้ว คราวนี้โดนตรวจบ้าง เราชอบมาก จะได้รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือตำรามีอาจารย์ หุหุ ต้องแก้ภายใน 1 เดือน ชอบงานร้อนๆ
 
 วันนี้มี 2 รายโทรมาปรึกษาเรื่องงาน และ...เกือบชั่วโมง คิดเค้นการแก้ปัญหา และเดินเรื่องจน in  กับเรื่องไปเลย คิดแล้วน่าจะเปืดสำนักที่ปรึกษาสารพัดปัญหาไปเลย เหมือนตอนอยู่อังกฤษ ที่เพื่อนมาระบายๆๆ แล้วเลยให้คำกล่าวขานว่า " You are my bin" อืมก็ดีนะ เขาระบายแล้วเราก็ฟัง เขาก็สุขใจ เพราะที่นั่นไม่ค่อยมีใครฟังใครเพราะไม่ยอมเสียเวลา แต่เราเป็นคนไทยมั้ง มีความเห็นใจ เลยฟัง ช่วงแรกฟังแล้วเครียดเพราะเก็บมาคิดต่อ กลายเป็นปรุงแต่ง ภายหลังฟังคำแนะนำจากพระอาจารย์ เลยรู้วิธีฟังแล้วไม่แบก วาง ช่วงหลังเลยหายอาการดังกล่าว ตอนนี้เลยอยู่ตัว ฟังอะไรๆ ใครระบายอะไรก็มีสติคุม รู้คือรู้ ฟังคือได้ยิน  จึงไม่มีอะไรเครียด ..เป็นอานิสงค์ถึงปัจจุบัน ที่เมื่อมีอะไรมากระทบเราก็ไม่ค่อยกระเทือน บางเรื่องกระเพื่อมเล็กน้อยแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว ดีจริงๆ
 
 
 

 

วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556

26 March: โมจิ

โมจิ (หมาแก่แล้ว เจ้าของทิ้ง หูเหม็นมาก คนงานเก็บมาให้พระอาจารย์เลี้ยง แต่มันเท่ห์ หยิ่งมากไล่ให้ออกไปไม่ได้จะโกรธ แฮ่ๆ ใส่เรา แต่ต้องเดินนำหน้าแล้วบอกว่า โมจิ มาๆ แบบนี้จะมาโดยดี แฮ่ ฉลาดกว่าหมา หุหุ)

เช้าไปวัด วันนี้ yiching ได้ลูกบอลใหม่เป็นแบบตัวยกน้ำหนัก เขาชอบมาก ยังไม่ทันจอดรถเลยพระอาจารย์บอกให้ถอยรถออกไปหาเจ้าโมจิเพราะวิ่งหายออกไป ตกใจเสียงประทัด วันนี้มีการแห่เจ้า link กับเราเลยขับรถออกไป สายตาสอดส่ายในที่สุดเห็นหางเก่าๆ ของโมจิอยู่หลังรถข้างถนน รีบลงไปเรียก พากลับวัด จบความดีเช้านี้ หุหุ

บ่ายจนท.มาบอกว่าหนังสือที่เขียนในโอกาสเฉลิมพระเกียรติ ถูกส่งกลับมาแล้ว ดีใจจังเพราะจะได้ทำต่อ เขาให้เวลา 1 เดือน ไม่รู้แก้มากแค่ใหน

อากาศร้อนเหมือนเดิม วันนี้เลยทำอ่างอาบน้ำให้แต่ละตัวแต่ไม่ work ไม่มีเจ้าหนูตัวใหนไปใช้บริการเลย ขนาดจับขาจุ่มลองแล้ว เฮ้อ!

บ่ายให้ศรีวันมานอนในบ้าน เปิดพัดลม บริการทุกระดับ น่าจะประทับใจ

วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556

25 March: เพียงเติมกำลังใจให้ชีวิต...


มองไปหลังบ้าน ตอนนี้ต้นลำพูออกลูกเต็มไปหมด ห้อยลงน้ำสวยดี

วันนี้เช้าดูนาฬิกา ( ประมาณ 7.00 ) แล้วไม่น่าจะตักบาตรทัน พระท่านกลับกันหมดแล้ว ไม่เป็นไร ก็ไปสแกนนิ้วที่มหาวิทยาลัยตามปกติ พอเข้าเขตก็เห็นลุงตัวเล็ก เป็นคนกวาดเก็บใบไม้ รดน้ำ (ที่เคยเห็นมาหลายปี แต่ไม่เคยรู้จัก) ลุงตัวเล็ก ใส่หมวก และสวมเสื้อที่ใหญ่กว่าตัวมากและจะเดินก้มหน้าก้มตาแบบจ้ำเดิน เห็นจนชินตาแล้วแต่จังหวะเวลา แต่เคยได้ยินใครสักคนพูดให้ได้ยินนานมากแล้วว่าเป็นคนขยัน มหาวิทยาลัยเลยจ้างต่อ เราก็อดยิ้มไม่ได้ทุกครั้งที่เห็นลุงเดิน..วันนี้ลุงมีลักษณะการเดินที่ผิดไปจากเดิม คือจ้ำอ้าว แกมวิ่ง ก็มองดูความผิดปกติอันนี้ และรู้สึกว่าลุงจะรีบมาก ก็เลยตัดสินใจชิดรถเข้าข้างถนน เปิดกระจก ตะโกนถาม "ลุงจะขึ้นรถมั้ยคะ" ลุงหยุด มองหน้า แล้วคงคิด ใครหวา??  หรือไม่ก็ รู้จักกันเมื่อไหร่?? แล้วลุงก็พยักหน้าพร้อมพูดอะไรบางอย่าง แล้วเปิดประตูรถ พอลุงขึ้นรถเราก็ถามว่า "วันนี้ลุงรีบหรือไง" ลุงคงไม่รู้ว่าเราเห็นลุงมาหลายครั้งด้วยความชื่นชมในความเป็นคนขยัน ลุงก็บอกด้วยภาษาใต้ว่า ครับ วันนี้สายแล้วเดี๋ยวสแกนนิ้วไม่ทัน ก็เลยถามว่า ต้องสแกนก่อนเวลาเท่าไหร่ พอลุงตอบเราก็มองนาฬิกา เลยถามลุงว่าจะไปที่ใหน ปรากฎว่าตึกที่ลุงบอกอยู่เกือบหน้าสุดของมหาวิทยาลัย และจุดที่ลุงอยู่เป็นหลังสุดของมหาวิทยาลัย  ที่ห่างกันมาก เราเหลือบมองนาฬิกา  ก็รู้ว่าถึงลุงวิ่งไปก็ไม่ทัน เพราะยังอีก 10 นาทีเท่านั้น เแล้วบอกลุงว่าใจเย็นลุงทันแน่ ลุงก็บ่นเองว่าวันนี้ช้าเพราะเตรียมเสื้อผิดตัววันนี้ต้องใส่สีเหลืองตัวนี้ แต่เมียอ่านหนังสือไม่ออกเลยหยิบใส่ถุงผิดตัว ฟังแล้วงงๆๆ แต่เราไม่อยากถามเพราะเดี๋ยวลุงจะ build อารมณ์หงุดหงิดเมียมากขึ้น แกก็พูดต่อเองว่าถ้าไปสายแล้วแย่เลย เราถามว่า แล้วจะเป็นไง ลุงบอกว่าถูกตัดเบี้ยขยัน อันนี้ความรู้ใหม่ของเรา เลยถามลุงว่า เป็นไง ลุงบอกว่า หากไม่หยุด ลา ขาด สาย จะได้เพิ่มเดือนละ 800 บาท ถ้าสายแบบวันนี้หากไม่ทันจะถูกตัดเหลือ 500 ไอหยา!! มากจัง (เราแอบคิด)  เลี้ยวไปมาเกือบถึงลุงจึงถามเราว่าอจ.อยู่คณะไหน..เราบอกไป แกอุทานว่า โอยอจ.อุตสาห์อ้อมมาส่ง เราบอกไม่เป็นไร จอดหน้าตึกที่ลุงต้องการ แกขอบคุณแล้วพูดอีกจับความเหมือนว่าคงทัน...เราบอกว่าทันลุง รถหนูนาฬิกาตั้งเร็วไป 10 นาที  ส่งเสร็จแล้วเราก็ไป U-turn ข้างหน้า อ้อมกลับมาสแกนนิ้ว ด้วยความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นกับใจของตัวเราว่าวันนี้ได้ทำความดี คือได้ช่วยเหลือเรื่องที่ทำได้ไม่ยาก แต่ทำให้คนอื่นมีความสุขได้ ก็ได้กุศลอุทิศให้สรรพสัตว์เช่นกัน แม้ว่าจะตักบาตรไม่ทัน

ไม่ได้คิดจะชื่นชมตัวเอง แต่อยากจะบอกเหมือนที่เคยเขียนมาครั้งหนึ่งแล้วว่า ความดีมีให้ทำได้ทุกเวลา ทุกที่ ขอเพียงแต่เมื่อมีโอกาสก็อย่าละเลย เอาใจเขามาใส่ใจเรา เช่นขับรถช้าสักนิดเมื่อต้องแซงมอเตอร์ไซด์ตอนฝนตก น้ำจะได้ไม่กระเซ็นสาดเขา ....เอาขวดแก้ว พลาสติกฯใส่ถุงใส่รถ เวลาเจอคนคุ้ยขยะหาขวดขาย (ที่ไม่ไช่รถเก็บ) ก็จะได้เอาให้เขา....ไปตลาดเจอคนแก่ๆหรือ..ที่นั่งบนพื้นขายผักกองเล็กๆ ก็ช่วยซื้อเถอะ ให้แกได้กลับบ้านเร็วขึ้น (วันเดียวก็ยังดี) อย่าไปต่อราคา เงินบาทเดียวก็มีความสำคัญสำหรับเขา ที่สำคัญคือเป็นกำลังใจให้เขาประกอบสัมมาอาชีพต่อไป เติมกำลังใจให้ชีวิตผู้อื่น ก็สุขใจทันทีที่ได้ทำ เป็นกุศลที่ดีทีเดียว

วันนี้เตรียมข้อมูลบรรยายต่อ พรุ่งนี้คงทำ presentation

วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556

24 March: ความสุขของคนเขียน



วันนี้ไม่ออกไปไหน หยีมาหาเอากล้วยตากที่พี่ทำมาให้ ปกติเราไม่ชอบกินกล้วยตากด้วยหลายเหตุผล แต่คราวนี้หยีนับรองความสะอาด กรรมวิธีและเราดูแล้วสีไม่เข้ม ไม่อาบน้ำผึ้งมา แต่สวยดีเลยลองกิน ปรากฎว่าดีจริงนุ่ม หอม อากีก็แวะมาคุยด้วย


ทั้งวันหาข้อมูล ค้นเอกสารต่างๆเตรียมบรรยายเดือนหน้า ต้องคิด lab/ สื่อสอนเอง สอนครูนี่ยากกว่าสอนเด็กเยอะ เพราะกำลังตักน้ำใส่ตุ่มที่มีน้ำ ดังนั้นจึงต้องหาอะไรใหม่ๆให้เกิดประโยชน์แก่พวกเขาที่มาจริงๆ

เมื่อวานเข้าไปใน social  network แห่งหนึ่งที่เราเคยเข้าไปอาศัยร่วมแลกเปลี่ยน รู้จักเพื่อนใหม่ๆ และในที่สุดก็ต้องปลีกวิเวกออกมา เพราะไปเจอสิ่งที่ไม่ไช่ไม่ชอบแต่ว่ารังเกียจ บุคคลที่มีลักษณะเป็นอันธพาลทางวิชาการที่ชอบวัดผู้อื่นด้วย ego ส่วนบุคคล หากใครไม่เจอด้วยตัวเองก็ยังคงยกย่องกันต่อไป แต่หากได้สัมผ้สพบด้วยตัวเองก็คงทำเช่นเรา ที่ถือมั่นในมงคลสูตรข้อที่ 1 จึงออกมาจากที่ๆไม่สะดวกใจ เพราะจุดประสงค์ของเราคือ เขียนเพื่อฝึกฝนตัวเอง  ไม่ไช่เพื่ออวดเก่ง สร้างภาพ หรือจับผิดคนอื่น แต่เพื่อเป็นประโยชน์บ้างต่อผู้ที่เห็นประโยชน์และนำไปใช้ เพื่อตอบแทนสังคม เพราะเราได้อะไรๆจากข้อเขียนของคนอื่นมาเช่นกัน .....จึงอยู่ที่ไหนก็ได้ ก็เลยออกมาทั้งๆที่คิดถึงหลายๆคนที่นั่น แต่ก็แวะเวียนไปอ่านบางเวลา...เมื่อวานได้แนะเพื่อนที่อยู่ต่างแดนให้ลองเข้าไปที่นั่น ก็เลยได้เข้าไปอีกครั้ง บังเอิญไปอ่านพบ "คนถางทาง" ที่เป็นนักเขียนคนหนึ่งที่นั่น ที่เราก็เคยติดตามอ่าน แม้ไม่ได้ไปแสดงความคิดเห็น เขาเขียนหัวข้อเพื่ออำลาจากที่นั่นด้วยเหตุผลว่า เขารู้สึกว่าคนเข้ามาอ่านของเขาน้อยลง ไม่คุ้มกับเวลาที่เขาเสียไปกับการเขียน....เราก็เสียดายนะ ก็มีคนมาแสดงความคิดเห็นด้วยเหตุผลต่างๆกัน มีความเห็นของอจ.ธวัชชัยที่เราชอบเพราะเป็นเหตุผลที่ตรงกับความคิดของเราเช่นกันคือ


"...แต่โดยส่วนตัวแล้วผมก็ไม่อยากให้สมาชิกเขียนบันทึกเพราะอยากให้มีคนอ่านนะครับ ผมเองเขียนบันทึกเพราะมีความสุขในการเขียนและได้รู้ว่าสิ่งที่ผมเขียนจะอยู่เป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทยต่อไป พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ของความสุขครับ คนเขียนมีความสุขที่ได้เขียน คนอ่านมีความสุขที่ได้อ่าน และคนทำงานมีความสุขที่ได้ทำครับ...."
ไช่แล้ว..ความสุขของคนเขียน ไม่ได้ขึ้นกับปริมาณคนอ่าน แต่เรามีความสุขที่ได้เขียน และสุขมากขึ้นเมื่อรู้ว่ามีคนแม้เพียงคนเดียวเข้ามาอ่าน และสุขที่สุดหากรู้ว่าข้อเขียนนั้นได้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ และนี่เป็นเหตุผลที่เราพยายามเขียน แม้ว่าบางวันจะสมองล้าบ้าง

pa โทรมาตอนบ่ายว่ากำลังจะข้ามเขตเข้ามาที่ด่านไทยแล้ว คงถึงนี่เย็นพอดี

วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2556

23 March: bun and book


 
ตอนสายไปจ่ายเงินค่าบำรุงสภาพรถ แวะไปซื้อขนมอบที่ yamazaki เราเป็นขาประจำตั้งแต่มาเปิดที่นี่ (ตค. 55) ขนมที่ชอบคือ โมชิ ชีส เป็นก้อนกลมๆเหนียวหอมชีสมาก ประมาณลูกปิงปอง วันนี้รู้ถึงคุณภาพที่เปลี่ยนไปจากรูปลักษณ์ภายนอก เลยถามพนง.ขายว่ารู้สึกขนมที่เราซื้อเปลี่ยนคุณภาพตั้งแต่ครั้งที่แล้ว เช่น... เขาเลยตอบว่าเปลี่ยนกุ๊ก เราก็ฝากบอกไปว่ายังไงก็ขอให้พยายามรักษาคุณภาพไว้ เพิ่มราคาเล็กน้อยดีกว่า...กลับบ้านลองกินขนมที่ชอบ ก็เปลี่ยนไปแล้วจริงๆทั้งรสชาติ และกลิ่น cheese น้อยลงไปมาก จนแทบไม่ได้กลิ่น และมีรสชาติผงฟูเพิ่มขึ้นชัดเจน ความหยุ่นลดลง สรุป yamazaki ที่นี่ (บางชนิด) เปลี่ยนไปแล้ว

ไปซื้อขนมของ Mr. bun  ขนมปังลูกกลมราดด้วยแป้งเค็กหอมๆ มีหลายแบบ หลายไส้ ลูกละ 17 บาทโดยเฉลี่ย ตอนนี้ลูกเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด แต่คุณภาพยังเหมือนเดิม และเรารู้สึกว่าคนอุดหนุนน้อยลง จากที่ต้องต่อคิว ตอนนี้ไม่ต้องรอ


แวะต่อไปซื้อขนมของ Top อันนี้ยังเหมือนเดิม ซื้อครบจบทุกสูตร หอบหิ้วกลับบ้าน

อากาศยังคงร้อนเลยให้เด็กๆเข้ามานอนในบ้าน แต่ละตัวเลย happyๆๆ

วันนี้ซื้อหนังสือมาหลายเล่มเพราะลดราคาเหลือ 20 บาทไม่รู้ทำได้ยังไง เล่มหนี่งคือเศรษฐธรรม อ่านแล้วได้ความเข้าใจอะไรมากขึ้น

อีกเล่มคือ เมตตาฆ่าศัตรู แค่คำเกริ่นก็น่าสนใจ ............

"เมตตาเป็นพื้นฐานของจิตที่จะทำให้ความดีอื่นๆเจริญงอกงามขึ้นมาได้ คนที่มีเมตตาย่อมไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ทำร้ายผู้อื่น ไม่ว่าจะด้วยกายหรือวาจาก็ตาม
 
ไม่มีศัตรูใดๆที่จะก้าวข้ามความเมตตาไปได้ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ก็ตาม เมื่อกระแสแห่งเมตตาแผ่ไปถึง ก็ย่อมเอาชนะได้ทั้งนั้น"
 
อากาศร้อนแบบนี้ อ่านหนังสือที่บ้าน พร้อมไอติมเย็นๆ ชิลชิล :)

วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556

22 March: เทคนิคการค้า



เช้าตักบาตร อุทิศบุญให้ครอบจักรวาลเลย หุหุ อุทิศให้ตำรวจชายแดน ทหาร ที่สละชีวิตเพื่อชาติ

ให้พลขับเอารถไปเช็คสภาพ วุ่นวายเล็กน้อยเป็นเทคนิคของบริษัท ที่ประเมินราคาไม่ชัดเจน เช่นต้องเปลี่ยน 4 ชุด แต่บอกราคาแบบชุดเดียว ราคาก็เลยต่ำ  และไม่แจ้งค่าแรงทุกชิ้นที่เปลี่ยนมีค่าแรงแยกหมด พอจะไปทำจริง ราคาจึงเพิ่มอีกเท่าตัว จาก 6,xxx เป็น 13,xxx เลยให้กีจัดการถามให้หมด เฮ้อ!! ครั้งต่อไปก็คงย้ายไปทำกับอีกบริษัทที่เป็นตัวแทนเหมือนกัน มีหลายคนบอกแล้ว แต่เราก็คิดว่ามีกีอยู่ที่นั่นคงไม่มั่ว แต่ก็เป็นอีกเรื่อง

หนูนาส่งหัวเรื่องที่ต้องบรรยายมาให้ ก็เลยต้องมีงานให้เตรียมอีก ส่วนหนังสือเฉลิมพระเกียรติ ผู้ตรวจยังไม่ส่งกลับมา

pa ไปมาเลเซียวันนี้

ที่บ้านดอกไม้ออกดอกมาก หลายชนิด วันนี้ถ่ายรูปเก็บไว้ยังไม่หมด พรุ่งนี้ค่อยถ่ายต่อ

ค่ำนี้โทรคุยกะคุณสกลเรื่องของศรีวันชั่วโมงเศษ คุยเล่าเรื่องหมอพาณิชย์ (สัตวแพทย์) ที่บางคนมักจะทำการรักษาแบบเกินเหตุ และเลี้ยงไข้ (แบบที่เราเจอ)

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556

21 March: ต๋อง


เช้าไปวัด วันนี้ช่วยกรอก boarding pass ให้พระท่านทั้งหลายที่จะไปประชุมที่มาเลเซีย รอบนี้ไปทั่วภาคใต้ ประมาณ 71 รูป link ช่วยจัดตกแต่งเอกสารที่พระอาจารย์พิมพ์ร่างเตรียมไว้แล้ว งานนี้พระอาจารย์ทำเองอีก เฮ้อ !!

บ่ายมานั่งทำงานในห้องเย็นๆ กีโทรมาให้ช่วยไปดูที่ดินที่เขาสนใจ เย็นเลยไปดูให้ค่อนข้างไกล เราไม่ชอบ แต่นาๆจิตตัง

วันนี้ไปจ่ายเงินค่าคอมพิวเตอร์ที่ซื้อบริจาคให้หน่วยงานที่มาขอ xx,xxxx เจอกับต๋อง เลยได้คุยหลายๆเรื่องเขาบอกว่าเขาขอมีอายุ 40 ปีแล้วจะขอตาย ก็ถามว่าทำไมมักน้อยเช่นนั้น ชีวิตยังทำประโยชน์ให้สังคมได้อีกมาก เบื่อกับสิ่งที่กำลังเป็น สิ่งที่กำลังหา ก็ลองมองออกไปอยู่กับการให้ จะสุขมากขึ้น ต้อง RELAX บ้างแล้ว เขาก็ว่าเราว่าเขาไม่เหมือนเราที่อยู่อย่างมีความสุข เราบอกว่าไม่มีใครไม่มีทุกข์หรอก เพียงแต่เราจะอยู่กับสิ่งที่เป็นทุกข์ หรือสิ่งที่มากระทบอย่างไรให้ไม่ทุกข์  หากเรารู้เท่าทันมันเมื่อไหร่ มันก็จะตามเราไม่ทัน เราก็ไม่ทุกข์ และที่สำคัญคืออย่าไปให้ความสำคัญกับกิเลส คนพาล ให้มากนัก มันก็จะเป็นอะไรที่ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป...ก็ไม่รู้ว่าจะทำให้เขาอยากมีชีวิตยาวขึ้นหรือไม่ ไม่มีใครกำหนดวันตายได้เองหรอก หุหุ

อากาศร้อนตามเคย ยังไม่มีทีท่าฝนจะลงมาให้ชื่นใจเลย สงสารสัตว์ที่เดิน นอนตามถนนไม่รู้มันจะหาน้ำกินที่ไหนกัน??

วันนี้ทำงานไปฟังบทสวดของวัดท่ามะโอไป สบายใจดี

วันพุธที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556

20 March: ทุจริตสอบครู


วันนี้เช้าไปวัด link ช่วยตรวจเอกสารประชุมให้พระอาจารย์ วันนี้ไม่ได้ทำอะไรนัก ค้นหาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสถานปฎิบัติธรรม ทำให้นึกได้ว่าเรื่องของท่ามะโอเราเองยังเขียนไม่จบเลย แย่จัง แล้วจะหาเวลาโปร่งๆสบายๆเขียนต่ออีก เร็วมากผ่านไปเกือบปีแล้ว ...อากาศร้อนจนรู้สึกว่าทำอะไรไม่มากก็เหนื่อยแล้ว กินน้ำก็มาก ..สมองแล่นช้าลง

ข่าวเรื่องทุจริตสอบครูแล้วก็เศร้าใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าหากเข้าไปเป็นครูแล้วจะสอนให้เด็กเป็นคนดี หลีกห่างความชั่ว ไม่ทุจริต..ได้อย่างไร ในเมื่้อตัวครูเองทำทุจริตตั้งแต่การสอบเข้ามาแล้ว เดี๋นวนี้คนเรามีหิริ โอตตับปะ น้อยมากเหลือเกิน เข้าไปแล้วก็ถอนทุน สอนในห้องเล็กน้อย เก็บไปสอนพิเศษกัน ใครไม่เรียนก็มีปัญหาคะแนน เราฟังหลายคนเล่าบ่นจนเบื่อแล้ว เพราะผู้ปกครองเองนั่นล่ะที่เป็นตัวสนับสนุนการเรียนพิเศษด้วยสาเหตุต่างๆกัน ส่วนมากเพราะไม่มีเวลาไปรับลูกเลยฝากให้เรียนพิเศษ ยืดเวลาได้หรือไม่ก็ไม่มีเวลาดูแลลูกเลยเอาไปเรียนพิเศษ ตัวเองจะไปไหนก็ได้ เด็กเลยคุ้นชินกับสังคมนอกบ้าน จับกลุ่มเรียนๆเล่นก็มีมาก เป็นที่สังสรรค์ได้อีก... เด็กยุคนี้เลยขาดอะไรไปหลายอย่างๆ กระด้างอีกด้วย..ไม่รู้พ่อแม่คิดยังไง

อ่านข่าวนี้แล้วดีใจด้วยกับ....ดร.สุภาพ เกิดแสง อดีตนักศึกษาไทยจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ ถูกบริษัทจอห์น ไวลีย์ แอนด์ ซัน ฟ้องร้องดำเนินคดีในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์สำนักพิมพ์ด้วยการประกาศลงอีเบย์ ขายตำราเรียนเก่าฉบับที่ตีพิมพ์ขายในเอเชีย ให้กับนักศึกษาชาวอเมริกันโดยไม่ได้รับอนุญาต ......ตามข่าวต่อได้ที่http://hilight.kapook.com/view/83604  เราตามข่าวนี้มาตั้งแต่เริ่มเกิดเรื่องเพราะสมัยเรียนพวกเราก็ซื้อหนังสือมือสองกัน..แต่ไม่เคยขายมีแต่ยกให้ หุหุ

เต้ดูเป็นปกติแล้ว แต่เรายังตามทายาแผลที่ตัดไหมแล้ว และให้กินยาตามหมอสั่ง

วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2556

19 March: เพื่อนเก่า



เช้าไปวัด เข้ามหาวิทยาลัย แล้วกลับมาทำงานที่บ้าน พาเต้ไปหาหมอ หมอดูแล้วพอใจว่าแผลหาย แต่ให้กินยาอีกชุด

อากาศร้อนอบอ้าว แต่ละวันกินน้ำแข็งมากมาย ขนาดบ้านเรารู้สึกร้อน บ้านอื่นไม่ต้องพูดถึง เพราะปกติบ้านจะเย็นตลอด ไม่พึ่งพาแอร์ฯ ตอนนี้ช่วงบ่ายต้องหลบร้อนพึ่งแอร์ฯ

เบื่อข่าวการเมืองพอสมควรทีเดียว ไม่รู้จักพอกันจริงๆ ทำเหมือนชีวิตจะอยู่ค้ำฟ้า จริงๆแต่ละคนเวลาเป็นคนก็เหลือไม่มากกันแล้ว น่าจะไปทำชีวิตให้ถูกต้องจะดีกว่า สงสารแต่ตำรวจตระเวนชายแดน ทหารที่ทำหน้าที่ปกป้องชาติ มันช่างแตกต่างกันมาก รักชาติจนสละชีวิต ทำหน้าที่สมเป็นคนไทย กับพวกรักชาติจนน้ำลายไหล ถกกันแต่เรื่องสารพัดที่ไม่ลงตัว น่าสงสารจริงๆ

วันนี้ mike โทรมาเรื่องสังสรรค์รุ่น เราไปไม่ได้เสียดายจัง คิดถึงทุกคนมากๆ ถามไถ่ถึงหลายๆคน  ถามถึง "สำ" เพราะมีความผูกพันสมัยเรียน เป็นกลุ่มตรังที่เราสนิท มีเล็ก อดุลย์ และ สำ..  mike บอกว่าสำอยู่ออสเตรเลีย เราฝากความคิดถึงไป เพราะเราไม่เล่น facebook ไม่มีเวลาติดตาม ปรากฏว่าค่ำนี้ตะกี้ สำโทรมาจากออสเตรเลียคุยถามสารทุกข์สุขดิบ ดีใจจริงๆ เสียดายเพิ่งรู้ไม่งั้นตอนเราเรียนที่ Aus จะได้แวะไปหา คำว่า "เพื่อนเรียน..เพื่อนเก่า" นี่ดีมาก กี่ปีผ่านไป ไม่ได้เจอหรือคุยกันนานแค่ไหน ความรู้สึกดีๆยังเหมือนเดิม ไม่รู้สึกแปลกหน้า หรือมีความรู้สึกห่างเหินกัน ต่อติดเหมือนเปิดสวิทช์ วันเก่าๆมันตามมา คุยแบบไร้รอยต่อ...เสียดายที่อยู่ไกลจะคุยยาวก็เกรงใจเอาไว้หาช่องทางอื่นๆคุยกันอีก

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2556

18 March: เต้หายป่วย


เช้าไปวัด ไปมหาวิทยาลัย ตอนนี้เริ่มปิดเทอม แต่ก็มีทั้งครูและเด็กไปอยู่ด้วยจุดประสงค์ต่างๆกัน

เรารอผลตรวจตำราเฉลิมพระเกียรติอยู่ว่าจะเสร็จเมื่อใด จะได้แก้ให้เรียบร้อยในช่วงปิดเทอม

วันนี้ต้องส่งใบประเมินการปฎิบัติงานเราก็ยังไม่ได้ส่งเพราะไม่เคยทำใบนี้เลย ก็เลยดูแล้วแปลกๆ รอไปก่อน

วันนี้เอกมาปลดปลอกคอเต้ บอกว่าหายแล้ว เอาตับมาเอาใจ วันนี้เลยสบายใจทั้งหมาทั้งคน รอเวลาลุ้นให้เต้หายเร็วๆ 2 อาทิตย์พอดี พอกันทีกับสัตวแพทย์คนนี้ ตอนนี้เป็นที่แน่ใจว่าเขาผ่าผิดพลาด ฟังเรื่องราวจากหลายคน และหลายตัวที่เขาทำพลาดและประมาทแล้ว ยิ่งเศร้าใจกับความผิดของตัวเราที่้ครั้งนี้ตัดสินใจผิด ทำให้เต้เกือบเอาชีวิตไม่รอด...ใครที่ผิดจรรยาบรรณวิชาชีพ โดยเฉพาะต่อชีวิตแล้วน่ากลัวผลกรรมที่จะตามเขายิ่งนัก

อากาศร้อนมาก แต่ดอกไม้หลายประเภทชอบ แข่งกันออกดอกเป็นช่อเป็นพวงเต็มไปหมด

วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556

15-16-17 March: ช่วงยุ่ง


ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง ไม่ได้บันทึกหลายวันเพราะกลับบ้านก็หมดแรงสมองล้าไม่อยากทำอะไร วันใหนที่ไม่ค่อยยุ่งก็เหนื่อยล้าเพราะร้อน อากาศช่วงนี้ร้อนจริงๆ ไม่อยากจะไปไหนเลย ยกเว้นจำเป็นมากจริงๆ ทุกเย็นที่กลับมาต้องใช้เวลากับการดูแลเต้ตัวเดียวอย่างน้อย 2  ชั่วโมง กวาด ล้าง ถู ระเบียงที่เต้นอน รอแห้ง ปูกระดาษ เตรียมอาหาร ให้ยา ปล่อยออกไปฉี่ เดินเป็นเพื่อน พากลับ จุดยากันยุง ให้น้ำ ควบคุมปริมาณน้ำตามที่หมอสั่ง เสร็จเรียบร้อยครบชุด ก็เป็นรายการเตรียมอาหารให้ซันวา และศรีวัน เสร็จก็หมดแรงแล้ว ...เข้าสู่ mode วัยชรา หุหุ...ช่วงนี้เลยสมองไม่ค่อยแล่น ไม่เป็นไร กางใบเรือสัก 2-3 วัน

วันเสาร์ 16 ไปวัดสุวรรณคีรี ระนอง ได้พบเห็นสิ่งดีๆ หลายอย่าง แล้วจะเอาไปลงอีกบล็อก อีกวันสองวัน ตอนนี้ยังเหนื่อยๆ 

หยีเอามะม่วงดองทำแบบแช่อิ่มมาให้ อร่อยมากคุณนายทำเอง

วันนี้ไปธุระกะโต

วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2556

14 March: สอบล่ม


เช้าไปวัด ไปมหาวิทยาลัย วันนี้สอบงานวิจัย เด็ก และสอบสัมมนา สรุปล่มหมดทุกรายการเพราะไม่ผ่าน ส่วนสัมมนาบ่ายโชคดีที่เอกฉันท์ว่าไม่ผ่านหลังจากการสัมมนากลุ่มแรก เพราะอ่านแล้วเด็กตัดต่อ มั่วมาก ไม่เข้าใจเรื่องที่เอามาสัมมนา เลยให้ไปทำ เตรียมมาสอบใหม่หมดทั้งรุ่น

ประชุมโปรแกรมต่ออีก ไม่อยากบันทึกเพราะเหนื่อยใจ วันนี้สอนอจ.บางคนที่อายุก็พอควรแล้ว คิดเล็กคิดน้อย คิดทุกอย่าง ร้องหาว่าทำไมต้องเป็นฉัน เลยต้องเตือน ให้ทำงานแบบพี่น้อง มีอะไร บอก คุย กันตรงๆ..หวังว่าคงได้คิดบ้าง แต่เปลี่ยนพฤติกรรมคงลำบากเพราะโตในครอบครัว มานานมากกว่า รับสวล.ที่โตมานานกว่า

เต้ดีขึ้นมาก แต่มีน้ำเลือดใสๆหยดมาบ้างแต่เลือดข้นไม่มีแล้ว วันนี้ให้กินน้ำมากขึ้น



วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556

13 March: วันเงียบๆ


วันนี้ไม่มีอะไร เป็นวันเงียบๆแบบที่ชอบ อาจเป็นเพราะหลายคนกำลังขะมักเขม้นกับการทำคะแนนตัดเกรดอยู่ นศ.ที่ไม่มีปัญหาก็กลับบ้านกัน เป็นบรรยากาศแบบวันหยุดยาวในกทม.ที่ไม่มีความจอแจ สบายตาดีแท้

วันนี้มีคนมาขอให้บริจาคคอมพิวเตอร์ทั้งชุด พร้อมพริ้นเตอร์ ก็ตกลงจัดการให้ เพราะตั้งใจบริจาคปีละเครื่องอยู่แล้ว ดังนั้นปีนี้หมดโควต้าตั้งแต่ต้นปีเลย ปลายปีที่ผ่านมาก็ยกเครื่องโน๊ตบุ้คที่ยังใช้ได้ดีอยู่ของสามี หุหุ ให้เด็กนักเรียนที่น้าเขามาขอให้ก็ยกให้ไป เพราะฐานะเขาลำบากและเด็กเรียนดี ตอนนี้เขาสอบได้แพทย์แผนไทย แต่สุดท้ายตอนนี้เลือกจะไปสอบแพทย์ทหารไม่รู้จะได้หรือไม่ เอาใจช่วย

เต้ดีขึ้นเลยเบาใจแต่ยังไม่วางใจ ให้น้ำเขาเพิ่มขึ้น เย็นนี้เอกเอาตับมาให้เต้

อากาศร้อนพอควร แต่มีลมก็เลยสมดุล

ฟังข่าวหลายข่าวก็เศร้าใจ ประเทศไม่เจริญก้าวหน้าไปเท่าที่ควรเพราะคนไทยยุคนี้ไม่เป็นไท เท่าที่ควรถูกกิเลสจากหลายทางครอบไปหมด ตำแหน่ง อำนาจ เงิน อยากเป็น อยากมี อยากได้ จนลืมกตัญญูต่อชาติเกิดแผ่นดินที่กำเนิดอาศัยกัน

วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556

12 March: ส่งเกรด



เช้าไปวัด วันนี้ส่งเกรดเรียบร้อย ปีนี้มีเกรด E มากจริงๆ ก็ว่ากันตามเนื้อผ้า เพราะคนที่ทำได้ก็มี เวลาเรียนก็ไม่ค่อยสนใจ แบ่งหัวข้อสอบให้สอบ 3 ครั้ง ก็ยังไม่อ่านหนังสือสอบอีก  การบ้านก็ให้คนอื่นเขียนให้มาส่ง หลอกทั้งตัวเอง หลอกทั้งครู ผลเสียก็ตกกับผู้ทำ

วันนี้มีนศ.ป.เอก ทุนสกอ.จากมอ.กำลังจะจบมาสมัครเข้าที่นี่ คณบดีเลยตามหัวหน้าโปรแกรมให้ไปดูตัว เอาหลักสูตรไปให้ดูว่าเขาสอนวิชาอะไรได้บ้าง ปรากฎว่าเขาสอนในวิชาที่เราสอนได้ ก็เลยตกลงรับ เพราะหากวันหนึ่งที่เราไม่อยู่ที่นี่จะได้มีคนสอนต่อได้ หายห่วงไป

วันนี้ไฟดับ เต้ดีขึ้น แต่เราก็ยังเป็นห่วงอยู่ หวังว่าคงดีขึ้นเร็วๆนี้

1 ปีการศึกษาผ่านไปอีกแล้ว เร็วจริงๆเด็กจบไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า ที่น่าเป็นห่วงสำหรับที่นี่คือคุณภาพของคนที่จบออกไป ในทุกระดับปริญญาน่าเป็นห่วงจริงๆ สงสารสังคมไทย

วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556

10 March: ข้อคิดจากเต้



ตื่นเช้ามากตี 5 รีบลงมาดูเต้ พาไปฉี่ พากลับมาไว้ที่ระเบียง ไปวัด กลับมาดูเต้ต่อแอบเก็บความเครียดเพราะเป็นห่วงเขา โทรหาหมอใหม่เล่าอาการ และขอกำลังใจ หมอก็บอกว่ายังไงเราต้องควบคุมน้ำให้ได้ อย่าให้เขากินน้ำเกิน 1  แก้ว  เลือดเขายังคงออกเป็นระยะ  link พาเต้ไปล้างคราบเลือดที่ขา เราล้างระเบียง เอากระดาษปู ป้อนยาให้เต้ เอาจุกลงในตับ 6 เม็ด/มื้อ  นั่งเฝ้าเต้ทั้งวัน จนถึงก่อนนอน วันนี้ต้องตบแมลงวันที่แวะมาให้เต้เพราะไม่งั้นเต้จะคอยงับ เรากลัวเขากระเทือนมากไป บ่ายพาเต้เดินฉี่ เดินเล่นเล็กน้อย เลือดยังหยด เห็นแล้วเครียด งานนี้เต้หายดีเราคงคุ้นกับเลือด หายกลัวไปเลยแน่ ค่ำนี้สิ่งที่โตมีขนาดเล็กลง ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นบ้าง อยากแบ่งเบาความไม่สบายอันนี้จากเต้ ได้แค่นั่งยิ้มเมื่อเขามองมา ลูบหัวเป็นระยะ ๆ

วันนี้ได้ยินข่าวการจากไปของคนรู้จัก การป่วยระดับโคม่าของผู้ใหญ่ที่เคารพ ฯ การป่วยของเต้ ทำให้เห็นอนิจจังมากขึ้น รู้ค่าของการอยู่ และตายมากขึ้น เห็นคุณค่าของเวลาที่เหลืออยู่ (ที่ไม่แน่นอน) ทำให้รู้สึกอยากลาออกจากราชการมากขึ้น เพื่อให้ได้ทำในสิ่งที่ชอบและอยากทำได้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ (คืออยู่นิ่งๆ เขียนสิ่งที่เกิดประโยชน์ให้สังคม อยู่ในโลกที่เลือกแล้ว กับกัลยาณมิตร ที่ไม่มีพิษภัยใดๆ)...เวลาที่เหลือต้องฝึกตัวเองให้ดีขึ้นกว่านี้ ทั้งด้านสติ และอารมณ์ที่มากระทบ day by day

อ่านรายงานสัมมนาของนศ.จนหมด เมื่อคืนอ่านไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะใจจ่อที่เต้จนหมด วันนี้ผ่อนลง ทำใจไปตามกฎแห่งกรรมได้บ้าง แต่เราไม่อยากเห็นเขาทุกข์ เพราะเขาเป็นอะไรบอกเราไม่ได้ ทุกอย่างจึงต้องใช้รักแลัเข้าใจ มองตาต้องรู้ว่าเต้จะเอาอะไร เต้เขาฉลาดมาก (ถ้าไม่ดื้อ)

วันเสาร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2556

8-9 March: เต้



สองวันนี้ยุ่งมาก ทั้งเรื่องคนและหมา เรื่องคนไม่เครียดเพราะมันเป็นเช่นนั้น ช่วงนี้มีแต่เรื่องตำแหน่งๆๆๆ วุ่นวายคนอยากเป็นมีมากกว่าตำแหน่ง แอบจิตก็มาก พวกพ้องก็ต้องเอา ผลประโยชน์ก็ต้องมี เลยไม่ลงตัว นี่เป็นข้ าราชการแบบไทยๆปัจจุบัน  so sad!!

เรื่องที่ทำให้เครียดเป็นเรื่องของเต้ที่ทำหมัน ผลออกมาไม่เรียบร้อย ตอนนี้ ไปหาหมอ 4 ครั้งแล้ว เราเลยเครียดไม่อยากบันทึกก่อนจนกว่าเต้จะหายดี บ่ายเอกมาเห็นก็ตัดสินใจกันว่าต้องเปลี่ยนหมอ บ่ายนี้พาไปหาหมอคนใหม่ที่มีการรักษาแตกต่างกัน ยาก็เปลี่ยน งงๆๆ สัตว์แพทย์คนละสถาบันนี่รักษาได้ต่างกันมาก หวังว่าเต้จะดีขึ้น เรานั่งเฝ้าเป็นเพื่อนเขาทั้งวัน ในชีวิตเรื่องตัวเองไม่เคยมีอะไรเครียดมาก ครั้งนี้ขนาดลงมากินยาหอมเลย ห่วงเขามาก รู้สึกเป็นความผิดของตัวเองที่เลือกหมอผิด ทั้งๆที่ตรองแล้วว่าเลือกสิ่งที่ดีให้เขาแล้ว..ภาวนาให้เต้หายป่วยเร็วๆ ตอนนี้ไม่มีสมาธิทำงาน

วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2556

7 March: ไม้ผลัดใบ


เช้าไปมหาวิทยาลัย ตั้งใจตัดเกรดให้เสร็จ ปรากฎว่าได้วิชาเดียว อีกวิชาเกือบเสร็จ มีข่าวดีตอนบ่ายว่า.....ไม่ได้เป็นผอ....แล้ว ทุกคนที่รู้รวมทั้งเรางงๆๆๆ เพราะ she อยากได้ อยากเป็นมาก เป็นอะไรก็ได้ (ยกเว้นข้าราชการซื่อตรง)  ไม่รู้โดนปกาศิตสำนักใหน ฝ่ายใดระงับ แต่ทำให้ฟ้าสว่างขึ้น เราก็เศร้าอยากเห็นคณะฯ ก้าวไกลกว่านี้ และที่สำคัญคือบุคคลากรที่มีคุณภาพ คุณธรรม  เด็กไทยมีคุณภาพ วิชาการแข็งแรง ...หลายคนคิดเห็นตรงกันว่าคนยุคนี้รักผลประโยชน์ตัวเอง มากกว่ารักองค์กร น่าอนาถตรงที่ที่นี่เป็นสถาบันการศึกษา คุณธรรมครูด้อยค่าลงทุกที ...

เดินเข้าในตึก ใบไม้ร่วงลงผ่านหน้า นึกคิดทันทีว่า ตอนนี้มหาวิทยาลัยแห่งนี้เหมือนต้นไม้กำลังผลัดใบ เปลี่ยนยุค เปลี่ยนผู้บริหาร กำลังเลือกในบางหน่วยงาน ท่ามกลางความหวังว่าใบไม้ใบใหม่ที่กำลังจะผลิบานมาแทนที่ต้องสวยสดกว่าเดิม แต่ตอนนี้ที่เห็น เห็นใบหงิกงอ แคระกุด บางคนถึงกับกล่าวว่าใบรุ่นใหม่นี้คุณภาพแย่กว่าเดิม ...น่าเศร้าแทนนักศึกษาจริงๆ

วันพุธที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2556

6 March: กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมสนอง


เช้าไปมหาวิทยาลัยตั้งใจไปทำคะแนนตัดเกรด ปรากฎว่าเดินขึ้นไปเจอน้องๆดร.รุ่นกลางกวักมือเรียกไปคุยกัน เลยคุยกันชั่วโมงเศษ เรื่องที่งงๆ ไม่น่าเชื่อ เรื่องตกกระป๋อง ไม่ไช่ตกข่าว และช็อกเราและหลายคน ยันแม่บ้านเลยทีเดียว มันเป็นยุคอะไร ขนาดแม่บ้านทำความสะอาดยังรังเกียจพฤติกรรมของดร.รุ่นใหญ่คนนี้ โกงกินมาหลายตำแหน่ง ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เธอมีจุดที่ผู้บริหารเกือบทุกคนชอบคือ ได้มาก็ตอบแทน เป็นลังๆ คนอดหยากยุคนี้ก็มีมาก แลกผลประโยชน์องค์กร ด้วยประโยชน์ส่วนตัว ฟังน้องๆบ่นๆๆๆจนมึน  so saddddd!!! น้องๆบอกว่าไม่เจอเรานานแล้วต้องระบายๆๆ ให้ข้อมูล

บางเรื่องรู้ก็พูดไม่ได้เพราะไม่ถึงเวลา แต่เชื่อว่าคนชั่วทุกอย่างกรรมจะจัดสรรส่งให้เองเมื่อถึงเวลาคง "สุขเกษม" ได้ไม่นาน เห็นไปสองรายชัดเจนแล้วตอนนี้ เวลารับทุกข์มันร้อนรนนานกว่าเวลาสุขเพราะการใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น เอาดีใส่ตัวมากมาย..

ขึ้นไปอีกชั้นได้ข่าวอีก เลยไปแซวดร.กรณ์ ว่าสงสัยจะโดนเอากลับเร็วๆนี้ แต่กรณ์บอกไม่มีทาง เขาจะเปิดศึกแรกเร็วๆนี้ เฮ้อ!! เรื่องครั้งนี้ใหญ่นัก สะเทือนทั้งคณะฯ ยังอีกหลายเรื่อง เราก็โชคดีที่พ้นจากวังวนพวกนี้ไปนาน ลดความอยากเป็น อยากได้ อยากมี ก็จบ ราชการทำงานให้ประเทศ ไม่ไช่ทำงานสนองใครคนใดคนหนึ่ง เขาจึงเรียกว่า "ข้าราชการ" ถ้าทำตัวอีกแบบเขาก็มีชื่อเรียกเฉพาะเช่นกัน..

คงถึงเวลาที่จะต้องเช็ดกระจกมองคนที่เคยคิดว่ารู้จักอีกมุม ย้อนกลับไปคิดถึงคำพูดของพี่แดงที่เคยเล่าเรื่องของคนๆนี้ให้เราคิด และหากคนนี้เคยทำเรื่องร้ายเช่นนั้นได้ เขาจะเป็นคนอย่างไร เมื่อเขาแต่งงานเขาทำเช่นนั้นกับทั้งเมียเก่าและเมียใหม่ได้เขาน่าจะเป็นคนเช่นใด เราเก็บเรื่องนี้ในใจเรื่อยมา แต่ไม่เคยเห็นพิรุธ สงสัยเราจะเป็นนักวท.ที่ขาดทักษะการสังเกตุพฤติกรรมคนจริงๆ...กระทั่งพฤติกรรมตำรวจสามีและภรรยาที่เข้ามาคิดก่อกรรมกับคนในครอบครัว เรายังไม่เคยคิดระแวงทั้งที่มีคนเตือนหลายคน หลายครั้ง แต่เราก็ไม่คิดมากเพราะเชื่อเรื่องวิบากกรรม ตอนนี้ก็ไม่ทุกข์เพราะไม่ไช่คนก่อกรรม สงสารแต่คนก่อกรรมว่ากรรมจะตกที่ลูกสองคนของเขาแบบที่...เคยกล่าวให้ฟัง น่าเศร้าจัง




วันอังคารที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2556

5 March: ตรวจข้อสอบ


เช้าไปมหาวิทยาลัย รีบทำเกรดแก้ I ให้นศ.ก่อน แล้วตรวจข้อสอบทั้งวัน อ่านไปเป็นร้อยชุด เพราะแบ่งสอบ 3 ครั้ง สมัยก่อนเด็กสอบสองครั้ง mid term และ final ตอนนี้เพิ่ม mid 2 ให้อีก เพราะเด็กความจำสั้น แบ่งสอบก็ยังทำไม่ได้เหมือนเดิม ขาดความวิริยะ อุตสาหะมาก ระบบการศึกษาก็เอื้ออำนวย จ่ายครบจบแน่ คนสอนบางคนปล่อยให้ผ่านๆ ไม่เป็นภาระ นศ.เลยอยู่ไปวันๆ รอเวลาที่เป็นตัวผลักเขาให้ผ่านแต่ละชั้นปี ความรู้ไม่ต้องพูดถึง ที่ดีก็มี แต่แย่มากกว่า (ในสถาบันแห่งนี้) คุณภาพเป็นรอง สร้างภาพอย่างเดียว น่าเป็นห่วงอนาคตท้องถิ่น สังคม ประเทศ ที่มีบัณฑิตที่มีใบปริญญาเกลื่อนเมือง แต่ความรู้ ความคิด ความรับผิดชอบเป็นอีกเรื่อง

ตรวจจนเสร็จค่ำนี้ตาลาย ค่อยตัดเกรดพรุ่งนี้

วันนี้พระอาจารย์ไปเยี่ยมเจ้าคุณรุ่น อาการน่าเป็นห่วงกว่าที่คิด เฮ้อ!! ขอปาฎิหาริย์สักครั้งก็พอ ขอให้ท่านปลอดภัย

วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2556

4 March: ข้างบ้าน


เช้าไปวัด แล้วรีบไปคุมสอบ วันนี้เสร็จครึ่งวัน กลับมาพาโปเต้ไปหาหมอตามนัด ปรากฎว่าหมอปิด เลยพากลับ มาถึงบ้าน หมอก็โทรมาเพิ่งมาเปิดคลีนิก หมอถามอาการเราบอกให้ฟังหมอก็บอกว่า ไม่ต้องมาก็ได้ กินยาที่ให้ก็จะดีขึ้น ค่อยพาไปให้ดูเมื่อยาหมด

วันนี้ก็ยังคงห่วงเขาอยู่ เอาตับให้กิน เย็นกินไก่ เห็นเขากินได้ เห่าเสียงดังได้ก็สบายใจ หายเครียด บอกน้องว่าเรื่องหมาๆน่ะเครียด เพราะเขาดูแลตัวเองไม่ได้ เราต้องดูแลเขาให้ดีเท่าที่ทำได้ เรื่องตัวเองไม่เครียด เพราะชีวิตเดินตามทางธรรมที่ถูกต้อง มีอะไรที่กระทบก็ปรับปกติได้ มันก็เป็นเช่นนั้น  ใครทำกรรมใดคนนั้นก็รับไปเอง ช้าเร็ว เราไม่ต้องไปร้อนรน กรรมของเราเองก็มี ทุกคนเกิดมาเพื่อทำในสิ่งที่ดี ถูกต้อง เป็นประโยชน์ ถึงเวลาทุกคนก็มีจุดหยุดอันเดียวกัน แต่ไปในที่ต่างกัน

เย็นลูกศิษย์ จี โทรมาคุย เราแวะไปคุยกะกี แปะกลับมาพอดีเลยเล่าเรื่องข้างบ้านให้ฟัง  link พาไปดู

วันนี้ข้างบ้านต่อหลังคาข้ามแนวกำแพงออกมา ชนกับเชอร่าที่เรากั้นไว้ฝั่งด้านเรา (เหลือกำแพงให้เขาทั้งหมด) มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิด มันเป็นกติกาสังคมที่คนธรรมดาทั่วไปก็รู้ว่าไม่ควรทำ แต่นายสัจเขาช่างทำได้ ไม่น่าเชื่อ เราเลยไปถามช่างที่ทำว่าเขาสั่งให้ทำแบบนี้หรือ ถ้าไม่ไช่ก็ขอให้เลิกเถอะ ถอดออก เลื่อนเข้าไป เพราะน้ำจะกระเด็นเข้ามาทั้งหมด และให้เขาลองราดน้ำดู ปรากฎว่าไม่ทันกระเด็น เพราะไหลย้อยเข้ามาในเชอร่าทั้งหมดเพราะเขาเอาหลังคาชนติดจนไม่มีช่องเหลือ นี่เป็นความน่าเบื่อ เราโดนแบบวันนี้ก็มาหลายเรื่องแล้ว ทนได้ก็ทน ไม่อยากทนก็ต้องทน แต่ถ้าเกินไปจนน่าเกลียดมา และเป็นปัญหาอนาคต ก็ปรามขอกัน เบื่อความเห็นแก่ตัวของคนจริงๆ มากเกินไป จนขาดมรรยาทสังคมที่ดี

วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2556

3 March: เต้ทำหมัน

เต้หล่อๆ
 

เมื่อคืนนอนไม่ค่อยสบายใจเพราะห่วงโปเต้ โทรหาหมอที่ผ่าเขาตอนดึกแล้วจนห้าทุ่มเศษ เพราะถุงอัณทะบวมใหญ่กว่ากำปั้น หมอบอกว่าเป็นผลจากที่เต้เป็นพยาธิหนอนหัวใจ ฯ  แต่สองสัปดาห์ก็จะหายเป็นปกติ ไม่อยากโทษใคร โทษตัวเราเองที่พาเต้ไปทำหมัน จริงๆเราสอบถามความเห็นหมอทุกอย่าง และ...หมอก็บอกทุกอย่างแต่ไม่ชัดเจนก็เท่านั้น  ก็เป็นบทเรียน คืนนี้เอาธาตุเหล็กให้กิน ต้มไข่ ละลายน้ำตาลให้กิน  เอาเจลเย็นประคบ ทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เที่ยงคืนจึงนอน เช้านี้รีบตื่นแต่เช้าลงมาดูเต้ เห็นเขายังปลอดภัยดี เขากัดพลาสเตอร์จนขาดมีเลือดออก เป็นความผิดของเราที่ไม่คิดเอาแผ่นพลาสติกล็อคคอเขา ลืมคิด เป็นห่วงเขามากไป

วันนี้นัดหมอไว้ 9โมง แต่ไม่เป็นไร เราไปก่อนเวลาลานัด หมอไปช้ากว่าแต่ ไม่เป็นไร ก็ขอบคุณเขาที่รับผิดชอบ แต่ก็จ่ายเพิ่มอีก และต้องไปฉีดยาอีก ก็ไม่รู้ว่ากี่เข็ม ค่ำไปซื้อไก่มาต้มน้ำซุปไก่ให้เต้กิน พรุ่งนี้ค่อยให้กินเนื้อ บำรุงๆๆๆ จุดยากันยุงไม่ให้ยุงกัด แต่ก็เห็นมียุงบินมาเกาะ เดี๋ยวนี้ยุงก็พัฒนาไม่กลัวยากันยุงกันแล้ว

วันนี้เลยไม่มีสมาธิทำอะไรมากนัก ห่วงเต้ นั่งคุย กอดเขาทั้งวัน แต่เขาก็แข็งแรงดี มีอาการบวมตรงท่อปัสสาวะ โทรหาหมอช่วงเที่ยงหมอบอกว่า ไม่เป็นไร มันเป็นเช่นนั้น ..แลุทุกอย่างจะค่อยๆดีขึ้น เราก็โล่งใจขึ้น แต่ยังห่วงเขาอยู่

เย็นเอาหนังสือที่ระลึกลพ.สอิ้งไปให้ร้านสุคติ หมดอีกภาระ  ท่านวุฒิโทรมาบอกโอนเงินไปให้ค่าหนังสือแล้ว




วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2556

2 March: เถ้าถ่าน และคุณงามความดี

 
 เก็บตกงานหลวงพ่อสอิ้ง จนฺทาโภ
 
สุดท้ายที่เหลือ เถ้าถ่าน และคุณงามความดี

วันนี้เช้าพาเต้ไปทำหมัน ใจจริงไม่อยากทำเขาเลย แต่เพื่อความสงบสุขในบ้านของทุกตัว รวมทั้งเต้เอง จึงต้องทำใจ

 แวะไปวัดเขาแก้ว เอาเอกสารให้ท่าน แล้วแวะไปคุยกับพระอีกรูป ท่านเล่าเรื่องเหตุการณ์วันเผาช่วงบ่ายหลังจากเรากลับ (เพราะคาดเดาว่าวุ่นวายแน่ ไม่อยากเห็น)  ฟังท่านเล่าแล้วรู้ว่าเราโชคดีมากที่ไม่อยู่ เพราะหลังเที่ยงคนทะยอยมามากขึ้นหลัง จนเต็มเต้นท์ทุกหลัง ในที่สุดเต็มลาน จากนั้นต้องยืนกระจายทั่วลานวัดเท่าที่มีที่ว่าง ทุกคนมาด้วยจุดประสงค์แตกต่างกัน แต่มีจุดรวมใจเดียวกันคือ ความศรัทธาในหลวงพ่อที่ท่านปฎิบัติดี ปฎิบัติถูกต้องตามพระธรรมวินัยครบถ้วนมิได้ขาดเสมอมา แม้ในขณะที่ท่านป่วย และก่อนละสังขาร   ความเมตตาที่ท่านได้รักษาผู้ป่วย ผู้เดือดร้อนในรูปแบบต่างๆ ที่มาพึ่งพาท่านตั้งแต่สมัยก่อนเราเกิดด้วยซ้ำ

ดังนั้นคนเก่าแก่ที่รู้วัตรปฎิบัติของท่าน คนที่รู้ว่าท่านคือใคร (ไม่ขอกล่าวในนี้) คนที่เคยได้พึ่งใบบุญของท่าน พุทธศาสนิกชนผู้ศรัทธาในสุปฏิปันโณ ตลอดจนคนในวงการพระเครื่อง ไม่รู้มาจากทิศใหนในวันนั้น ประมาณว่า 3,000 คน แต่เพราะท่านอาพาธมาเกือบ 30 ปี จึงไม่คาดคิดว่าจะมีคนมามากขนาดนั้น ของที่ระลึกที่เตรียมไว้ที่คิดว่ามากแล้ว กลับไม่พอ และไม่สามารถทำการแจกแบบที่ตั้งใจได้ เพราะหลังจากแจกพระสงฆ์ที่ไปวางดอกไม้จันทน์ ยังไม่ทันเสร็จ คนชุดขาวที่มาหลายรูปแบบทั้งชุดข้าราชการ อุบาสก อุบาสิกา ตลอดจนคนที่มาทั้งหลายเห็นของที่ระลึกที่แจก ทั้งหนังสือที่เป็นรูปหลวงพ่อ เคลือบเงาหลวงพ่ออย่างดี ด้วยตั้งใจของคนทำที่จะให้คนนำปกรูปนั้นไปเข้ากรอบบูชาได้ และคนส่วนมากเห็นแล้วคิดตรงกัน อยากได้ทั้งรูปและเหรียญ ซึ่งหลวงพ่อสร้างเองเมื่อครั้งท่านอายุได้ 85 ปี ครั้งเดียว จึงหาได้ยาก ทุกคนเห็นก็คงอยากได้ไว้บูชา ความโกลาหลจึงเกิด ไม่สามารถแจกต่อได้เพราะคนกรูกันมาจากทุกทิศ พระท่านก็ห้ามไม่อยู่ กันไม่ได้ ต้องหลบเพราะโยม สีกา ไม่สนใจแล้วว่าเป็นพระหรือไม่ รุมเบียดสอดมือ เอื้อมมือหยิบจากกล่องใบใหญ่ที่บรรจุ จนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร หมดชั่วพริบตา แต่ในที่สุดยังมีคนไม่ได้มากมาย เพราะไม่รู้จะเบียดเข้ามาได้ยังไง ท่าน..ต้องไปเอาเหรียญที่เหลือแต่บรรจุกล่องไม่ทันมาแจกเพิ่มอีก  300 เหรียญ เพราะยืนกลางแดดร้อนกันเกือบ 3 ชั่วโมง  ฟังท่านเล่าก็เหนื่อยแทนจริงๆ ของเราได้มาจำนวนจำกัดที่ขอท่านไว้เพื่อให้ร้านที่บริจาคโลง ให้พี่ 3 คน ที่ไปร่วมเป็นเจ้าภาพกับพระอาจารย์ พระอาจารย์ และของเราเอง เผื่อให้ 2 คนที่เป็นใครก็ได้ที่มีวาสนาจะได้ ปรากฎว่า 2 ชุดหลังได้ไปก่อน

เรื่องเบื้องหลังวันเผา ขณะเผาท่าน และวันดับธาตุ ที่ต้องรับรู้ เห็น ด้วยตัวเอง ขอไม่บันทึก แต่ขอเก็บในความทรงจำ รวมทั้งคำอธิษฐานที่บังเอิญตรงกันโดยไม่รู้มาก่อน (เพิ่งรู้วันนี้เมื่อท่าน...เล่า) เมื่อเรารู้แล้วก็ยังขอยืนยันคำอธิษฐานนั้นทุกภพชาติ


 แม้ว่าเราไม่เคยรู้จักท่านมาก่อนสมัยที่ท่านยังแข็งแรง แต่ได้อ่านบันทึกที่ท่านเขียน ได้รู้การทำงาน การบูรณะวัด และหลายสิ่งที่ท่านทำมากเกินกว่าจะนำมาลงในหนังสือที่ระลึกจนหมด  เมื่อได้อ่านบันทึกท่าน จึงตั้งใจเก็บบันทึกท่านไว้เพื่อทำหนังสือฉลองวันครบ 100 ปี ให้ท่าน แต่ไม่นึกว่าจะต้องทำหนังสือให้ท่านในโอกาสเช่นนี้ แต่กระนั้นก็เป็นบุญวาสนาที่ได้มีโอกาสร่วมกับ linkเป็นผู้ทำหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ในเวลา 4 วันที่ต้นฉบับต้องเสร็จ เวลาจะจำกัดมาก ทั้งต้องไปบันทึกภาพทุกคืนมาลง  (ปีนี้เลยไม่ได้ตามไปเยี่ยมพระธรรมจาริก ทั้งที่เตรียมตัวแล้ว แต่ต้องอยู่ทำหนังสือให้เสร็จ)

ยังจำภาพที่ไปเยี่ยมกราบท่านเป็นระยะ มีความรู้สึกอบอุ่น ปิติทุกครั้งที่พบ ลากลับท่านก็จะบอกว่า "มาอีกนะ" หรือไม่ก็ถามว่า "จะมาเมื่อไหร่อีก" ต่อแต่นี้แม้ที่วัดนั้นจะไม่มีท่าน แต่หากมีโอกาสก็จะไปกราบท่านเหมือนเดิม และที่แน่นอนคือท่านจะอยู่ในใจลูกเสมอ และวันหนึ่งเมื่อเวลานั้นของลูกมาถึง ขอให้คำอธิษฐานของลูกเป็นจริง...

วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2556

1 March: โกง กิน กอบ โกย


เช้าไปคุมสอบ วันนี้คณบดีคนใหม่เข้ารับงาน สายท่านวุฒิโทรมาแต่ไม่รู้เพราะปิดเสียงไว้ มารู้เที่ยงแล้ว เลยถามท่าน ท่านให้ติดต่อร้านมารับฐานโลงคืน ร้านใจดีมากที่บริจาคโลงให้หลวงพ่อ เพราะเราและ link ตั้งใจว่าจะไปซื้อเถวายหลวงพ่อ แต่พอเขารู้ว่าจะเอาไปใช้สำหรับพระเขาบอกเขาไม่คิดเงิน เราขออนุโมทนา เอาปัจจัยไปช่วยส่วนอื่นได้ต่อ  ตอนเย็นกลับบ้านหานามบัตร ร้านสุคติ เลยโทรไปบอก ปรากฎว่าเขาไปรับแล้ว เราขอบคุณและบอกว่าท่านวุฒิฝากพระและหนังสือไปให้ (จริงๆแล้วเราขอท่านวุฒิไว้ให้เอง เพราะเวลายุ่งมากขนาดนั้นท่านก็คงไม่คิดอะไรทันทุกเรื่อง)

เย็นกีโทรมา แต่เรายังอยู่มหาวิทยาลัย แปะโทรหาสุเชฐ แปะโทรหาเราด้วยเล่าเรื่องที่เจ้าท่าขอเงินพิเศษแบบไม่มีใบเสร็จหน้าตาเฉย แต่แปะก็ต้องจ่ายไม่งั้นอาจถูกกลั่นแกล้งอีก เฮ้อ!! นี่คือ ข้า- ราชการ  ข้า-ของแผ่นดิน เรื่องของเจ้าท่านี่ไม่ไช่ครั้งแรกที่เรารู้เรื่อง เคยเขียนบันทึกไว้ก่อนหน้าแล้ว และจะยังมีต่ออีกไว้ก่อน ..ใครไม่เคยเจอ งานนี้เราเชื่อ ข้าราชการคอรัปชั่นไม่หมดจากแผ่นดินหรอก ตราบใดที่พ่อแม่ไม่สั่งสอนลูก ไม่ปลูกฝังคุณธรรมให้ลูก ให้เขาเติบโตอย่างมีคุณภาพและมีศักดิ์ศรี เลี้ยงลูกให้รู้สึกขาดแคลน โตขึ้นเขาเลยเป็นเช่นนี้แล !!! โกง กิน กอบ โกย


อยากรู้จริงๆ ว่าหากพ่อแม่ ลูก หลาน รู้ว่าพวกเขามีชีวิต เติบโต ด้วยเงินที่ลูกหลาน พ่อ แม่ ไปโกงแผ่นดิน รีดไถ ทำคนดีให้ชั่ว เพราะต้องยอมพวกโกงกิน ไม่งั้นไม่สามารถดำเนินเรื่องต่างๆได้มา เขาจะภูมิใจไหมหนอ??