วันเสาร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2556

2 March: เถ้าถ่าน และคุณงามความดี

 
 เก็บตกงานหลวงพ่อสอิ้ง จนฺทาโภ
 
สุดท้ายที่เหลือ เถ้าถ่าน และคุณงามความดี

วันนี้เช้าพาเต้ไปทำหมัน ใจจริงไม่อยากทำเขาเลย แต่เพื่อความสงบสุขในบ้านของทุกตัว รวมทั้งเต้เอง จึงต้องทำใจ

 แวะไปวัดเขาแก้ว เอาเอกสารให้ท่าน แล้วแวะไปคุยกับพระอีกรูป ท่านเล่าเรื่องเหตุการณ์วันเผาช่วงบ่ายหลังจากเรากลับ (เพราะคาดเดาว่าวุ่นวายแน่ ไม่อยากเห็น)  ฟังท่านเล่าแล้วรู้ว่าเราโชคดีมากที่ไม่อยู่ เพราะหลังเที่ยงคนทะยอยมามากขึ้นหลัง จนเต็มเต้นท์ทุกหลัง ในที่สุดเต็มลาน จากนั้นต้องยืนกระจายทั่วลานวัดเท่าที่มีที่ว่าง ทุกคนมาด้วยจุดประสงค์แตกต่างกัน แต่มีจุดรวมใจเดียวกันคือ ความศรัทธาในหลวงพ่อที่ท่านปฎิบัติดี ปฎิบัติถูกต้องตามพระธรรมวินัยครบถ้วนมิได้ขาดเสมอมา แม้ในขณะที่ท่านป่วย และก่อนละสังขาร   ความเมตตาที่ท่านได้รักษาผู้ป่วย ผู้เดือดร้อนในรูปแบบต่างๆ ที่มาพึ่งพาท่านตั้งแต่สมัยก่อนเราเกิดด้วยซ้ำ

ดังนั้นคนเก่าแก่ที่รู้วัตรปฎิบัติของท่าน คนที่รู้ว่าท่านคือใคร (ไม่ขอกล่าวในนี้) คนที่เคยได้พึ่งใบบุญของท่าน พุทธศาสนิกชนผู้ศรัทธาในสุปฏิปันโณ ตลอดจนคนในวงการพระเครื่อง ไม่รู้มาจากทิศใหนในวันนั้น ประมาณว่า 3,000 คน แต่เพราะท่านอาพาธมาเกือบ 30 ปี จึงไม่คาดคิดว่าจะมีคนมามากขนาดนั้น ของที่ระลึกที่เตรียมไว้ที่คิดว่ามากแล้ว กลับไม่พอ และไม่สามารถทำการแจกแบบที่ตั้งใจได้ เพราะหลังจากแจกพระสงฆ์ที่ไปวางดอกไม้จันทน์ ยังไม่ทันเสร็จ คนชุดขาวที่มาหลายรูปแบบทั้งชุดข้าราชการ อุบาสก อุบาสิกา ตลอดจนคนที่มาทั้งหลายเห็นของที่ระลึกที่แจก ทั้งหนังสือที่เป็นรูปหลวงพ่อ เคลือบเงาหลวงพ่ออย่างดี ด้วยตั้งใจของคนทำที่จะให้คนนำปกรูปนั้นไปเข้ากรอบบูชาได้ และคนส่วนมากเห็นแล้วคิดตรงกัน อยากได้ทั้งรูปและเหรียญ ซึ่งหลวงพ่อสร้างเองเมื่อครั้งท่านอายุได้ 85 ปี ครั้งเดียว จึงหาได้ยาก ทุกคนเห็นก็คงอยากได้ไว้บูชา ความโกลาหลจึงเกิด ไม่สามารถแจกต่อได้เพราะคนกรูกันมาจากทุกทิศ พระท่านก็ห้ามไม่อยู่ กันไม่ได้ ต้องหลบเพราะโยม สีกา ไม่สนใจแล้วว่าเป็นพระหรือไม่ รุมเบียดสอดมือ เอื้อมมือหยิบจากกล่องใบใหญ่ที่บรรจุ จนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร หมดชั่วพริบตา แต่ในที่สุดยังมีคนไม่ได้มากมาย เพราะไม่รู้จะเบียดเข้ามาได้ยังไง ท่าน..ต้องไปเอาเหรียญที่เหลือแต่บรรจุกล่องไม่ทันมาแจกเพิ่มอีก  300 เหรียญ เพราะยืนกลางแดดร้อนกันเกือบ 3 ชั่วโมง  ฟังท่านเล่าก็เหนื่อยแทนจริงๆ ของเราได้มาจำนวนจำกัดที่ขอท่านไว้เพื่อให้ร้านที่บริจาคโลง ให้พี่ 3 คน ที่ไปร่วมเป็นเจ้าภาพกับพระอาจารย์ พระอาจารย์ และของเราเอง เผื่อให้ 2 คนที่เป็นใครก็ได้ที่มีวาสนาจะได้ ปรากฎว่า 2 ชุดหลังได้ไปก่อน

เรื่องเบื้องหลังวันเผา ขณะเผาท่าน และวันดับธาตุ ที่ต้องรับรู้ เห็น ด้วยตัวเอง ขอไม่บันทึก แต่ขอเก็บในความทรงจำ รวมทั้งคำอธิษฐานที่บังเอิญตรงกันโดยไม่รู้มาก่อน (เพิ่งรู้วันนี้เมื่อท่าน...เล่า) เมื่อเรารู้แล้วก็ยังขอยืนยันคำอธิษฐานนั้นทุกภพชาติ


 แม้ว่าเราไม่เคยรู้จักท่านมาก่อนสมัยที่ท่านยังแข็งแรง แต่ได้อ่านบันทึกที่ท่านเขียน ได้รู้การทำงาน การบูรณะวัด และหลายสิ่งที่ท่านทำมากเกินกว่าจะนำมาลงในหนังสือที่ระลึกจนหมด  เมื่อได้อ่านบันทึกท่าน จึงตั้งใจเก็บบันทึกท่านไว้เพื่อทำหนังสือฉลองวันครบ 100 ปี ให้ท่าน แต่ไม่นึกว่าจะต้องทำหนังสือให้ท่านในโอกาสเช่นนี้ แต่กระนั้นก็เป็นบุญวาสนาที่ได้มีโอกาสร่วมกับ linkเป็นผู้ทำหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ในเวลา 4 วันที่ต้นฉบับต้องเสร็จ เวลาจะจำกัดมาก ทั้งต้องไปบันทึกภาพทุกคืนมาลง  (ปีนี้เลยไม่ได้ตามไปเยี่ยมพระธรรมจาริก ทั้งที่เตรียมตัวแล้ว แต่ต้องอยู่ทำหนังสือให้เสร็จ)

ยังจำภาพที่ไปเยี่ยมกราบท่านเป็นระยะ มีความรู้สึกอบอุ่น ปิติทุกครั้งที่พบ ลากลับท่านก็จะบอกว่า "มาอีกนะ" หรือไม่ก็ถามว่า "จะมาเมื่อไหร่อีก" ต่อแต่นี้แม้ที่วัดนั้นจะไม่มีท่าน แต่หากมีโอกาสก็จะไปกราบท่านเหมือนเดิม และที่แน่นอนคือท่านจะอยู่ในใจลูกเสมอ และวันหนึ่งเมื่อเวลานั้นของลูกมาถึง ขอให้คำอธิษฐานของลูกเป็นจริง...