วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2557

9 Aug: เพียงพอก็เป็นสุข



เมื่อคืนนอนตั้งแต่สามทุ่มเศษ เพราะอากาศดีเย็นสบาย และได้ทำงานอ่าหนังสือพอควรแก่วันแล้ว ก็หยุดพักสมอง ยืมวารสารห้องสมุดมาก็ยังไม่ได้อ่านเลย

เมื่อวานเย็นก็แวะไปหาคนเพิ่งรู้จักตามนัด เราเองจำไม่ได้แล้วแต่กีโทรมาบอกเลยไปกันหมด ระหว่างทางฝนเริ่มตก ไปถึงตกหนักมาก รอคนที่นัดนานครึ่งชั่วโมง เพราะเขาก็ติดฝน ขบวนเสด็จพระบรมฯเพิ่งผ่านไป ......เจอคนที่นัดไว้กีและแปะเป็นคนคุยเสียส่วนใหญ่เราก็ฟังเรื่อยๆ เพราะเรื่องที่ไม่ถนัดก็อย่าไปคุย และการพูดคุยกับคนที่เพิ่งพบหน้าก็ยิ่งเป็นเรื่องยากของเรา การฟังและดูเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ต้องบอกว่าฟังจนเหนื่อย นี่อาจเป็นสาเหตุที่กลับมาแล้วเหนื่อยอยากพักผ่อนก็ได้ แก่แล้วเอย..

วันนี้เลยตื่นเช้ามาก อากาศชื้นสบาย  ลงมาทดลองไฟที่ติดใหม่สว่างดี ค่าไฟแพงขึ้น เราก็สวนทางติดไฟเพิ่มอีกเกือบสิบจุดตลอดแนวสวน เพราะเห็นแก่เด็กๆ เป็นห่วงกลัวเจองู

ไปวัดเล่นกับเจ้าทอป แทน พระอาจารย์เอ็นดูสองตัวมาก คงทำใจเรื่องของวาวาได้บ้าง พวกเราไม่พยายามเอ่ยถึง ลึกๆเราคิดถึงเขาอยู่แต่ต้องไม่แสดงออก เหมือนที่เรายังคงรักและคิดถึงชาบูมากตลอด

ฝนตกเป็นระยะๆ อากาศเย็นสบายดี แปลและเขียนพิษวิทยาทั้งวัน พักเป็นระยะๆ

คืนนี้เขียนไปดูหนังเกาหลีเรื่องนี้ตามดูมาหลายตอนแล้ว ดูทั้งวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต การทำงาน ของพวกเขาไปด้วย มันมีแทรกในละครทุกตอน วันนี้ก็เช่นกันได้เห็นสัจธรรมหลายอย่างเพราะไกลจบแล้ว ความโลภ ความอยากได้ของคนอื่นจนขาดสติ  วางแผนทุกอย่าง บั้นปลายทำลายชีวิตตัวเองและครอบครัวจนหมดสิ้น ชีวิตที่ดำเนินมาก็ทุกข์ตลอดแต่พวกเขาไม่เห็นเอง ตอนนี้เป็นมะเร็งลำไส้ระยะลุกลามก็ยังไม่สำนึก หลอกลวงไม่เลิก ทำให้แวปคิดถึงโอฬาร และสริตาขึ้นมาทันที ว่าน่าสงสารพวกเขาที่ไม่สามารถหลุดพ้นจากการก่อกรรมชั่วไม่จบแถมส่งต่อไปยังลูกแบบที่หลวงพ่อในป่าเคยบอกไว้นานแล้วจริงๆ บั้นปลายของพวกเขาน่าเศร้าจริงๆ ไม่มีใครหยุดกรรมของใครได้ ตัวเองต้องสำนึกและหยุดเอง ประโยคหนึ่งในหนังนี้พูดว่า พอเพียงก็เป็นสุข มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ