วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

5 Feb: สุขเทียม


เช้าวันนี้ขอตื่นสาย หุหุ  ไปมหาวิทยาลัย คืนหนังสือห้องสมุดจำนวนมาก ยกซะแขนเมื่อยไปหมด ยุคนี้ต้องดูแลตัวเอง ไม่ต้องหวังให้นักศึกษามาถามว่า "อจ.คะช่วยยกมั้ยคะ" การไม่คาดหวังอะไรจากใครทำให้ไม่ต้องผิดหวังและเป็นอิสระ สมัยก่อนเราเป็นแบบไทยๆ ถูกสอนให้มีน้ำใจ ช่วยคนอื่นโดยเฉพาะผู้อาวุโส ตอนอยู่กรุงเทพเลยต้องยืนรถเมล์มากกว่านั่งเพราะเจอคนแก่ เด็ก ยืนให้หมดจนไม่ได้นั่งหุหุ เจออจ.ในมหาวิทยาลัยก็ช่วยถือของเป็นเจ้าประจำ

..ตอนนี้ยุคสมัยเปลี่ยน คนจิตกระด้างมากขึ้น ไม่ว่าด้วยพ่อแม่ไม่มีเวลาสั่งสอน หรือคุยด้วย หรือเศรษฐกิจที่บีบรัด จนต้องปากกัดตีนถีบ ทำงานในเวลา นอกเวลา เพิ่มรอบพิเศษตัวเป็นเกลียว เพื่อเอามาผ่อนหนี้สารพัด ค่ารถใหม่ป้ายแดง โทรศัพท์มือถือที่ต้องเปลี่ยนตามสมัย กระเป๋า รองเท้าแฟชั่น เสื้อผ้านำสมัยต่างๆ เครื่องประดับที่ต้องห้อยแขวนตามชุด ฯ เลยต้องหาเงินให้พอกับกิเลส ได้ซื้อก็มีความสุขขณะซื้อ และก็ทำงานผ่อนความสุขนั้นต่อไป (ยังไงก็ดีกว่าพวกที่ต้องรีดไถ โกง เบียดเบียนชาวบ้าน) ..สรุปผ่อนทั้งชีวิต ทำให้นึกถึงคำพูดในภาพยนต์เรื่องหนึ่งที่พูดว่า "เราทุ่มเวลาทั้งหมดให้กับอนาคต จนไม่มีความสุขในปัจจุบัน" เป็นเรื่องครอบครัวที่พ่อแม่ทำงานหนักจนไม่มีใครมีเวลาให้ใครทั้งปี พ่อเป็นนักธุรกิจ แม่เป็นหมอ ออกจากบ้านเช้าตรู่ กลับค่ำ  แล้วรอเวลาวันหยุดเทศกาลเพื่อจะไปเที่ยวพร้อมกัน ซึ่งลูกไม่ได้ต้องการเช่นนั้น เขาต้องการความรัก เข้าใจ อบอุ่น ในทุกๆวันที่สามารถมีให้แก่กันได้ ....จนเกิดปัญหามากมาย ท้ายสุดพ่อแม่เกือบเสียลูกไป ก็ปรับตัวหาเวลาอยู่กับบ้านอยู่กับลูกในบ้านในวันหยุด แทนที่จะออกไปเที่ยวต่างประเทศตามที่วางแผนไว้ เป็นความสุขแบบง่ายๆ ที่อบอุ่น..เราขยายความคิดนี้ให้เพื่อน รุ่นน้องๆหลายคนแล้ว เพราะยุคนี้วัตถุนิยมมาก จนมีแต่ความสุขเทียมๆเต็มไปหมด บางคนก็ต้องก่อบาปสร้างกรรมเบียดเบียน หาเงินโดยวิธีแปลกๆ ผิดทำนองคลองธรรม เพื่อความสุขเทียมสั้นๆเท่านั้น ไม่สามารถ"สุขเกษม" จริงๆ ได้เลย เงินบาปเลี้ยงลูกให้ดีไม่ได้ อย่าลืมกันนะจ๊ะ ..ชีวิตดีๆ ไม่ต้องมีทุกอย่าง  อย่าโลภกันนักเลย มันไม่มีสุขจริงหรอกจ๊ะ หุหุ