1 เดือนของปีใหม่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ปีใหม่จีน วันตรุษจีนก็ผ่านไปอีก เมื่อไหร่ที่ถึงปีใหม่ไทยก็หมายความว่าผ่านไป 1/3 ของปีอีก
นี่ก็ตรงกับที่เขาว่าไว้ “time and tide wait for no man” มองตัวเองแล้วรู้สึกว่าเริ่มปีใหม่ยังไม่มีอะไรที่ทำเป็นชิ้นอันเลย
วา!
หยุดไปตรุษจีน (30-31 jan)เสียเกือบสามวัน ตอนแรกก็ตั้งใจว่าหากมีเวลาก็จะไปร่วมเดิน
แต่เวลาที่มีมันหมดไปกับการเดินทาง ขนาดหลบลงเรือแล้ว เรือก็แน่นมากๆๆ จึงใช้เวลาแต่ละท่าเรือนานในการรอขึ้นลง
ไปครั้งนี้ใช้เวลาอยู่บน BTS นานมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของอะไรหลายๆอย่างของยุคสมัยและความทันสมัยของเทคโนโลยี
เราอาจเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ใช้เวลากับการเดินทางสาธารณะมากนักและก็ไม่บ่อยที่จะอยู่ในกลุ่มคนหมู่มากแบบยานพาหนะสาธารณะ
ดังนั้นสำหรับคนที่เดินทางบ่อยอาจไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงชัด
แต่เราเหมือนบ้านนอกที่เคลื่อนที่ไปยังจุดต่างๆ
โดยทิ้งช่วงเวลาทำให้มองเห็นการเปลี่ยนแปลงและทำให้คิด
...ตั้งแต่ครั้งที่ไปสิงค์โปรเมื่อต้นเดือนที่แล้วต่างจากที่เคยไปเมื่อหลายปีก่อน
ไม่ไช่ในแง่การเจริญทางวัตถุซึ่งเป็นอะไรที่แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเปลี่ยนทั่วโลก
แต่ที่เห็นครั้งที่แล้วกับครั้งนี้ในกระเทศไทย
นอกจากที่เราเห็นมีคนบอกไว้ว่าเด็กรุ่นนี้เป็นรุ่นก้มหน้า
สำหรับเรารู้สึกว่าเป็นรุ่นแห่ง”ความเงียบที่วุ่นวาย (confused
silence) “ เพราะไม่ว่าจะขึ้นรถ ลงเรือ ยืนที่ใดที่หนึ่ง ไม่มีเสียงหัวเราะกัน
ไม่มีเสียงพูดคุย กระทั่งเสียงกระซิบ ไม่มีการมองหน้าสนใจกัน
โลกเป็นส่วนตัวมากขึ้นจนรู้สึกได้ว่าที่เห็นเป็นร่างที่เดินได้
แต่จิตใจความรู้สึกอยู่อีกที่ .........เพราะตอนนี้เมื่อไปไหนก็เห็นเกือบทุกคนก้มหน้ากดมือถือ
ไอแพด แทปเลต แล้วแต่จะมีกันขนาดยืนมือหนึ่งโหนรถ
อีกมือยังกดได้ ใจของทุกคนหลุดออกไปอีกโลก เสียงเงียบทั้งตู้ขบวน แต่เป็นเงียบที่ง่วนวุ่นวาย
จิตไม่ว่าง ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม ปกติจำได้ว่าในรถจะมีเสียงคุยของกลุ่มคนที่ขึ้นรถ
เรือ แล้วจะ มีเสียงหัวเราะ พูดคุยเล่าเรื่องแต่ตอนนี้มีแต่ร่างที่เดินขึ้นลง
ทุกคนคุยกับเครื่อง หัวเราะกับเครื่องโดยใช้สัญลักษณ์บ้าง สติกเกอร์บ้าง อิโมจิที่มีทุกอารมณ์
กระทั่ง 555 ก็รู้สึกไม่สบายใจกับสิ่งที่เห็นนักเพราะรู้สึกว่าโลกกำลังก้าวไปสู่ความกระด้างมากยิ่งขึ้น
อนาคตเราจะคล้ายๆหุ่นยนต์ จนกลายเป็น “มนุษย์ยนต์” ไปในที่สุด บางบ้านพ่อแม่ลูก
สามี ภรรยา line คุยกันในบ้าน ปากไม่ต้องขยับ สังคมยุคใช้นิ้วคุยกัน...ค่อยบันทึกเรื่องนี้ต่อเพราะวันนี้ง่วง
เพิ่งเดินทางกลับ คนค่อนข้างมาก
กลับมาก็ให้พลขับพาไปวัดก่อน ไปกราบพระอาจารย์รายงานตัว
และเราตั้งใจไปทักทาย Yiching ที่หลุมของเธอ แล้วพรุ่งนี้จะบันทึก