วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556

7 Sep: ไม่พ่ายต่อมาร


เมื่อคืนไม่ได้เขียนบันทึก เพราะเล่นเกมส์ หุหุ ไม่ได้เล่นมานานทดลองเล่น..เลยยาวจนชนะเป็น Emperor ของอาณาจักรนั้นไปเลย สร้างเมืองจนหมดทุกอย่างที่เขาให้มา ไชโย

เมื่อวานเลยเป็นวันที่ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นอัน ดูวอลเลย์บอลหญิงแข่งกับเวียตนาม จริงๆฟังมากกว่า.. link เชียร์สุดใจ ผู้ชนะย่อมยินดี ผู้แพ้ in game ก็ทำใจ นำข้อบกพร่องไปปรับปรุงและพัฒนาทีมให้แกร่งขึ้น แต่หากผู้แพ้ไม่ว่าในเรื่องอะไรก็ตามเป็นคนพาล มีโมหะ โลภะ โทสะจริด ไม่แยกแยะความจริงถูกผิด ชั่วดี ก็จะไร้ซึ่งการยอมรับการแพ้อย่างมีเหตุผล พาลหาเรื่องเหวี่ยงไปทั่ว แบบนี้เราเคยได้รับมาแล้วและก็ยังได้รับอยู่ เวลาแผ่เมตตาอุทิศจึงต้องอธิษฐานเสมอมาว่า "ขออย่าได้พบคนพาล ขอให้พบแต่คนดี มีบริวารดีและกัลยาณมิตรมาสู่ เพื่อช่วยกันทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาจนกว่าชีวิตจะหาไม่" ซึ่งข้อนี้เป็นไปตามมงคลสูตร 38 ประการ ขอยกมาส่วนหนึ่งดังนี้

...........ความจริง มงคลสูตร 38 ประการนั้น มีประโยชน์มากถ้านำไปปฏิบัติ (มิใช่การรับแต่น้ำมนต์ที่ประพรม การรับน้ำมนต์โดยไม่ปฏิบัติจะไม่เกิดประโยชน์) จะเป็นมงคลแก่ผู้ปฏิบัติตามอย่างแท้จริง พระพุทธองค์ทรงเทศนาเรียงลำดับข้อไว้อย่างมีระเบียบดียิ่ง เพื่อให้เป็นหลักปฏิบัติตามลำดับอายุของมนุษย์ เริ่มแต่ ปฐมวัย, มัชฌิมวัย และ ปัจฉิมวัย ดังต่อไปนี้

ปฐมวัย

ในที่นี้ขอกำหนดว่ามนุษย์ที่มีอายุไม่เกิน 25 ปี เรียกว่าปฐมวัย ปกติเป็นวัยที่ยังไม่สมควรจะออกครองเรือนตามลำพังตน ควรเป็นวัยแห่งการศึกษาเล่าเรียน เป็นระยะเวลาของการเตรียมตัวที่จะออกไปครองเรือนในอนาคต มักจะอยู่ในความปกครองของบิดามารดา พวกปฐมวัยควรปฏิบัติตามมงคลสูตรตั้งแต่ข้อ 1 ถึงข้อ 10 อย่างเคร่งครัด คือ

1. ไม่ให้คบคนพาล (เพื่อจะได้ไม่ตกต่ำในทางที่ชั่ว)
2. ให้คบบัณฑิต (เพื่อให้พบแต่ความเจริญรุ่งเรืองของชีวิต)

3. ให้บูชาบุคคลที่ควรบูชา (เพื่อให้เกิดแบบอย่างที่ดี)
4. ให้อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม (เพื่อสะดวกในการศึกษาเล่าเรียน)
5. ให้สะสมบุญเรื่อยไป (เพื่อเป็นทุนไปสู่ความสุขสำเร็จ)
6. ให้ตั้งตนไว้ชอบ (เพื่อให้มีเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง)
7. ให้เป็นผู้ฟังมาก (เพื่อจะได้มีความรอบรู้)
8. ให้ศึกษา ศิลปวิทยา (เพื่อให้มีพื้นฐานการประกอบอาชีพการงานที่ดี)
9. ให้มีระเบียบวินัยดี (เพื่อให้มีหลักการที่ดีในการดำรงชีวิต)
10. ให้มี วาจาสุภาษิต (เพื่อให้เกิดความมีเสน่ห์ในตัวเอง)


ถ้าผู้ที่มีอายุภายใน 25 ปีแรกของชีวิต ได้ลงมือปฏิบัติตามมงคลสูตรเพียง 10 ข้อ ดังกล่าวนี้ บุคคลเหล่านี้จะเป็นคนดี เข้าไหนเข้าได้ เพราะสังคมต้อนรับ ปราศจากผู้รังเกียจ พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนเพื่อประโยชน์แก่ปวงชน ถ้าเราเคารพพระพุทธองค์อย่างแท้จริงแล้ว เราก็สมควรนำมงคลสูตรของพระพุทธองค์มาเป็นข้อปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อประโยชน์ในการดำรงชีวิตของตน ซึ่งนับว่าเป็นมงคลแก่ตนเองเป็นอย่างยิ่ง...............

เราจึงได้ยึดถือมงคลสูตร 2 ข้อแรกอย่างเคร่งครัด นับว่าดีและเป็นประโยชน์ ทำให้ไม่วุ่นวายไปกับสังคมรอบตัว ไม่ร้อนไปกับคนที่กิเลสมากมายต้องการไม่จบสิ้น ดิ้นรนจนลมหายใจสุดท้าย ชีวิตจึงสงบสบายตามที่ควรเป็น แม้ว่าจะมีมารมารบกวนเป็นระยะก็เป็นปกติของการทดสอบ ซึ่งหลายครั้งมารเหล่านั้นแผลงฤิทธิ์ฟาดเหวี่ยงแหไปทั่ว บางครั้งลงมาที่เราเต็มๆ แต่ทุกครั้งการทดสอบนี้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่เราศึกษาและปฎิบัติฝึกฝนมานั้นเราเข้าถีงและเข้าใจได้เพียงใด ถ้ากระทบแล้วไม่กระเทือนก็ทำให้รู้ว่าการฝึกสติ จิตว่าง การไม่ปรุงแต่ง นั้นได้ผลดีจริงๆ รู้แล้ววางให้ทัน เป็นสิ่งที่ต้องหมั่นฝึกหากทำเป็นประจำ บางครั้งเรื่องนั้นๆมาแล้วไม่ต้องคิดวางเลยเพราะหากมีสติตัวรู้ มันก็ไม่ต้องรับแสียด้วยซ้ำ เพราะเห็นสักแต่เห็น ได้ยินเสียงก็คือเสียง จบ เหมือนกระจกหากหมั่นเช็ดทำความสะอาด แล้วเคลือบด้วยสารกันฝุ่น(ธรรมะ) เมื่อฝุ่น(กิเลส มาร) มาปะทะ มันก็ตกไปเอง.......อะไรที่หนักหนาเกาะติดแค่รู้ว่ามีฝุ่นมาเกาะติด เป่าเบาๆก็ตกไป จิตเราก็จะเป็นปกติเสมอ...แค่นี้มาร (คนพาล กิเลส) ก็มาทำอะไรเราไม่ได้..ชีวิตก็แค่นี้เอง ต้องไม่พ่ายต่อมาร เพราะมารย่อมพ่ายแพ้แก่ชั่วของตัวเองโดยสิ้นเชิง อยู่ในกองทุกข์ที่ตัวเองก่ออยู่แล้ว เราจึงไม่จำเป็นต้องคิดเอาชนะมาร จึงคุ้มที่เราทุกคนได้เกิดเป็นมนุษย์ภายใต้บวรพระพุทธศาสนา

หมายเหตุ  มาร ในพระพุทธศาสนา หมายถึงผู้กีดกันบุญกุศล มี 5 อย่าง เรียกว่าเบญจพิธมาร ได้แก่ ขันธมาร กิเลสมาร อภิสังขารมาร มัจจุมาร และเทวบุตรมาร โดยปริยายหมายถึงผู้ที่เป็นอุปสรรคขัดขวาง