วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556

2 Oct: แก้ให้ตรงจุด


เช้าตักบาตร กลับบ้าน คุยกับดร.ติ่งจนบ่าย ไม่นานหนูโบโทรมาคุยต่ออีกเรื่องงานวิชาการ ก็รับปากว่าจะรับงานมา ไม่เป็นไรช่วยสถาบันไหนๆก็เหมือนกัน เพราะคนไทย เด็กไทย ชาติไทย

อ่านนสพ.ที่ค้างไม่ได้อ่านมาสามวัน เจอเรื่องเด็กไทยที่รมต.ห่วงว่าจบประถม 6 แล้วยังอ่านหนังสือไม่ออก แล้วพยายามจะหาทางแก้ปัญหาโดยเสนอสามแนวทาง เราอ่านแล้วได้แต่ร้องเฮ้อ!! เพราะรมต.ไม่รู้ปัญหาแท้จริงก็คาดเดาจากการรายงานเท็จๆ ที่สำคัญการแก้โดยให้เด็กเรียนเพิ่มเติมยิ่งไม่ไช่วิธีที่ตรงจุด ทำไมสมัยก่อนจบป.6 อ่านออกเขียนได้ ทำงานได้ คิดเลขเป็น ตอนนี้จบมัธยมปลาย บวกลบเลข ก็หักนิ้วมือ นิ้วเท้ากันให้วุ้น แม่ค้าก็คำนวณบวกลบคูณหารในใจไม่เป็น ท่องสูตรคูณไม่ได้ .........คนสมัยก่อนเขาไม่ได้มีสอนหรือเรียนพิเศษกันให้เปลืองเงินพ่อแม่กันมากมายเหมือนสมัยนี้ บางคนในแต่ละวันเรียนตั้งสามโรงเรียน รร.พิเศษสองแห่งตอนเย็น 4 โมงกว่าถึง 3 ทุ่ม เกือบเรียนเท่ากับรอบกลางวัน  สงสารพ่อแม่หาเงินตัวเป็นเกลียว หัวเป็นน็อต.. เมื่อเดือนก่อนคุยกับลูกศิษย์ที่เป็นครูรร.ประถมแห่งหนึ่ง เธอบอกว่ารร.ที่เธออยู่ครูไม่ค่อยสอนเด็ก สั่งงานแล้วก็ทำธุระส่วนตัวหลายรูปแบบ ส่วนมากจะนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ทำอะไรก็น่าจะเดาได้ สั่งงานให้เด็กคัดลอกหนังสือส่ง ตรวจไม่ตรวจก็คาดเดาได้ ผอ.เห็นครูไม่สอนจะหลบทำเป็นไม่เห็น (รร.มีครูประมาณ 10 กว่าคน) เพราะผอ.จะเกษียณปีหน้า เขาต้องการเกษียณที่นี่ ไม่อยากย้าย ดังนั้นก็ต้องอยู่เฉยๆไม่ไปทำอะไรให้ครูไม่พอใจ  ก็จะอยู่ต่อไปได้ถึงปีหน้า..ฟังแล้วเศร้าใจกับสำนึกของเขาจริงๆ เราอยากเห็นวันที่เขาเกษียณแล้วเด็กๆมากราบในฐานะครูเขาจะละอายใจหรือไม่ที่ไม่เคยทำตัวเป็น "ครู"เลย.....ลูกศิษย์บอกว่าเธอสงสารเด็กมากเมื่อมาถึงป. 6 ที่เธอสอน เด็กอ่านหนังสือไม่ค่อยได้ บางคนออกเสียงไม่ถูกในคำธรรมดาที่ให้อ่าน so sad!!

เมื่อไหร่หนอ รมต.หรือพวกมีหน้าที่จะรู้เสียทีว่าไม่ต้องแก้อะไรมากเลย นอกจากแก้ที่ตัวครู สอนสำนึกหน้าที่ให้พวกครู กระตุ้นต่อมละอายให้มีมากขึ้น ให้มีจรรยาบรรณ มีเมตตาต่อศิษย์ .......ไม่ต้องให้เด็กเรียนเพิ่มอะไรเลย เท่าที่มีในชั่วโมงเรียนสอนให้เต็มที่เหมือนครูรุ่นโบราณเขาทำกัน เด็กก็จะไม่เป็นเช่นนี้..แก้ให้ตรงจุด ไม่เปลืองงบอีกด้วย