วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557

28 Oct: เผาจริง


เช้านี้เข้ามหาลัยแล้วเจอนิ ยืนคุยทักทายกันที่หน้าห้องคณบดี 2-3 นาทีแล้วแยกย้ายกัน บ่ายเศษเจอแม่บ้านบอกว่า คณะวิทย์ไฟไหม้ ไหม้ห้องคณบดีเสียด้วย เลยงงๆ เมื่อเช้าปกติดีนี่นา แม่บ้านบอกว่าไปช่วยกันเก็บของที่ไหม้ไฟ โต๊ะ เก้าอี้ เอกสาร แอร์ดำ ฝ้าเพดานดำหมด พิ้นเขม่าดำมากมาย ยังไม่รู้สาเหตุ...ก็ลือกันไปต่างๆนาๆ เพราะคาดเดาการไหม้ว่าน่าจะไหม้หัวรุ่ง แล้วมอด เพราะคนที่เห็นคนแรกมาหลังเรา แต่เขาเห็นควันแต่เราไม่เห็น เพราะเราไม่มองห้องลับนั่น ทั้งที่ยืนคุยกับนิ แล้วแยกย้ายกันกลับ อจ.ที่มาทีหลังเห็นควันเลยบอกแม่บ้าน ..คุยกับหลายคนบอกว่าสงสัยมีอะไร? อยากให้คณบดีเกษียณจริงไปเสียทีมั้ง หัวเราะสนุกสนาน เราก็บอกคราวก่อนเผาหลอก เสียเงินหลวงค่าเลี้ยงจัดงานส่งพวกเกษียณเป็นหลักแสน เพราะมีแสง สี เสียง แถมสั่งซื้อเช่าพระไพรีพินาศองค์ตั้งโต๊ะให้เป็นของที่ระลึกอีกต่างหาก แล้วทุกคนก็ทำงานจ้างตัวเองต่อไป (รู้สึกมีอจ.ผู้หญิงเกษียณคนเดียวและไม่เข้าร่วมงานเลี้ยงส่ง รู้สึกว่ารายนี้มีความสุขกับครอบครัว มีที่ไปเลยไม่กลับเข้ามาทำต่อ) ผู้ชายที่เลี้ยงส่งเรียบร้อยก็กลับมาทำงานหน้าตาเฉย เราเลยบอกว่าไม่ไปร่วมงานเผาหลอก เสียดายงบหลวง แต่วันนี้เผาจริง เป็นครั้งแรกที่ไฟไหม่ห้องคณบดี เราเคยพูดหลายครั้งในช่วงแรกที่ปิดสติกเกอร์ที่ประตูกระจกที่ลายพร้อยด้วยความตั้งใจ จนมองเข้าไปไม่เห็นในห้องทำงาน ว่า ห้องลับแบบนี้เวลาเกิดเรื่องคงไม่มีใครเห็น งานนี้เลยไม่มีใครเห็นจริงๆ .....คณบดีน่าจะถือเคล็ดได้แล้วนี่เป็นสัญญาณเตือน

สอบเด็กเสร็จตอนเย็นก็ได้รับใบลดวิบากข้างเรา แต่ต่อกรรมให้หลายคนเลย ก็เล่าเรื่องให้น้องๆฟัง ทั้งขำพวกคิด/เชื่อเรื่องโง่ๆได้ น้องๆบอกว่าคนฟ้องคงประสาท เราก็บอกเล่าเรื่องสริตาเพียงเล็กน้อย คนก็เดาออกว่าสมองไม่ปกติ เราบอกเรื่องที่อัยการวิเคราะห์ว่า "อยากได้ของคนอื่นจนตัวสั่น" หุหุ เราก็เวทนาแต่คงถึงเวลาแล้วที่ผลบุญจะเกื้อหนุนเรา เหมือนที่เพื่อนทุกคน บอกเหมือนกันว่าขอให้ออกมาทางโลกก่อน อย่าปล่อยเลยตามเลย มันไม่เป็นอย่างที่เราคิด เลิกคิดชั่วคราวแล้วค่อยกลับไปทางธรรมต่อ ต้องออกมาสู้กับความละโมภโลภมากของสริตาและตำรวจโอฬารก่อน อ้อ เมื่อวานก็เพิ่งกรวดน้ำอุทิศให้นะ...กลับบ้านแบบปลอดโปร่ง วันนี้ทำเอกสารเกือบเสร็จ พรุ่งนี้คงส่งได้ หลายคนรอคอย ทวงมาหลายทาง หลายครั้ง เราก็ผลัดจนเกรงใจแล้ว